ยามใดที่รู้สึกเหนื่อยล้าในการทำงาน จะยึดถือพระราชดำรัสของในหลวงที่ว่า....
“งานของครูเป็นงานพิเศษ ผิดแปลกกว่างานอื่นๆ กล่าวในแง่หนึ่งที่สำคัญ ก็คือว่า ครูจะหวังผลตอบแทนเป็นยศศักดิ์ ความร่ำรวยหรือประโยชน์ทางวัตถุเป็นที่ตั้งไม่ได้ ผลได้ส่วนสำคัญจะเป็นผลทางใจ ซึ่งผู้เป็นครูแท้ก็พึงใจและภูมิใจอยู่แล้ว
ความเป็นครูนั้นผูกพันใจคนไว้ได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องซื้อหาหรือใช้อำนาจราชศักดิ์ข่มขู่เอามา ขึ้นชื่อว่าครูกับศิษย์แล้วที่จะลืมกันได้นั้นยากนัก ผู้ที่จะไม่รู้จัก ไม่เอื้อเฟื้อครูดูเหมือนจะมีแต่คนที่กำลังลืมตัวมัวเมาในลาภยศอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เท่านั้น
ฉะนั้น ครูจึงไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องแสวงหาความพอใจในประโยชน์ทางวัตถุให้มากเกินความจำเป็น เพราะหากหันมาหาประโยชน์ทางวัตถุเกินไปแล้ว ก็จะทำหน้าที่ครูหรือเป็นครูได้ไม่เต็มที่ ”
สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
ใช่แล้วอ.ลูกหว้า เป็นอาชีพที่ได้บุญ คะอาจารย์ลูกหว้า การที่เราได้ ความร่ำรวย ใช้ไม่เป็นมันก็หมด แต่บุญที่เราทำมันได้กินนาน ถึงชาติหน้าเลย ไม่รู้ว่าพูดถูกหรือเปล่านะคะอ.ลูกหว้า
นอนแล้วหรือคะ ของนกสอบ 30 ก.ย - 8 ต.ค 50 นี้คะ อ.ลูกหว้า
ครูคือผู้ให้ครับ...
ครูถูกเปรียบเหมือนเรือจ้างมาตั้งแต่สมัยผมยังไม่เกิด
เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุ
การใช้ชีวิตของผู้คน แม้แต่เรื่องของการศึกษาก็เปลี่ยนไป
ครูเป็นเรือจ้างไม่ได้แล้ว แต่ครูต้องเป็นรถไฟฟ้า
ทั้งใต้ดิน และบนดิน พาผู้คนไปให้ถึงที่หมาย
ด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย....
และแน่นอน ความสุขของครู ก็คือ...
การได้เห็นใบหน้าอันยิ่มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข ของคนบนขบวนรถนั่นเอง
ขอพระคุ้มครองครูทั่วประเทศครับ
_/|\_
สาธุ
หากเปรียบมนุษย์เป็นต้นกล้า ครูก็คือชาวนาที่นำต้นกล้ามาปักดำ จนเป็นข้าวสุกสกาวเต็มท้องทุ่งหล่อเลี้ยงผองชนทั่วทั้งโลกให้อิ่มหนำสำราญ
หน้าที่ของครู คือ ปักดำ ปลูก และดูแลรักษา เพื่อรอเวลาให้คนอื่นๆ มาทำหน้าที่เก็บเกี่ยว นำข้าวเม็ดงามเหล่านั้นไปปรุงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นต่อไป