คุณหมออัจและท่านผ.อ.


ดิฉันบอกว่าจะมาช่วยงานของสูตินรีเวชในนามของหมออัจค่ะ

ดิฉันไปงานเลี้ยงส่งที่หมออมรพันธ์จัดให้สำหรับหมอการุณย์    สูติแพทย์ที่จะไปทำงานที่สปสช.   คุณบุญช่วยหัวหน้าห้องคลอด และดิฉันซึ่งเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายสูตินรีเวช

 ดิฉันตั้งใจจะไม่พาสามีไปด้วยเนื่องจากเกรงใจคนจัด     แต่ต้องพาไปเพราะไม่อยากให้คนขับไปคอยค่ะ

งานเลี้ยงจัดที่ร้านอาหารแถวถนนราชพฤกษ์      เราชับหลงทางแต่ก็ไปถึงเร็วและมีน้องๆที่ตึกสูติคอยอยู่

คุณหมอนุ้ยเป็นพิธีกรของงาน       หลังทานอาหาร   คุณหมอนุ้ยให้เจ้าหน้าที่ทุกคนพูดถึงความจำหรือความประทับใจทั้งเรื่องดีและไม่ดีของผู้เกษียณ

เจ้าหน้าที่ที่มาเล่าความจำเก่าๆวันที่พวกเราทำงาน      ปรากฎว่าคนจะกลัวดิฉันเวลาอยู่เวรค่ะ      ดิฉันชอบไปถามcaseเวลาอยู่เวร

ดิฉันชอบถามเพื่อทราบว่าพยาบาลรู้เรื่องคนไข้หรือไม่

พยาบาลหลายคน    ทั้งแต๋ว แมว ตุ๊ก และอีกหลายคนที่จำชื่อไม่ได้ชอบทายว่าคุณหมอจะใส่ชุดอะไรมาดูผู้ป่วยเวลาถูกตาม

ดิฉันเพิ่งจำชุดแสคสีแดงซึ่งเป็นกระโปรงที่ใส่มาง่ายๆโดยไม่เสียเวลาในการมาทำคนไข้ที่ฉุกเฉินเวลาถูกตาม

เมื่อให้คนเกษียณพูด   คุณบุญช่วยร้องให้ โดยขอร้องไม่ให้น้องๆทะเลาะกันให้ช่วยกันทำงาน

ตัวดิฉันเคยหนีไปเรียนบริหารเพื่อให้ลูกน้องที่อยู่ทำงานด้วยกันจะได้รักกัน       ซึ่งก็ได้ผลดีค่ะ

เวลาคนลำบากมักจะรักกันเพราะต้องช่วยกันให้งานผ่านไปค่ะ

คุณหมอการุณย์เครียดและลาออกเพราะมักพบคนไข้ที่รักษายากและมีบางคนจะเรียกเอาเงินทองทั้งๆที่คุณหมอไม่ผิด     ทำให้คุณหมอหมดกำลังใจค่ะ

 ดิฉันสอนให้น้องๆอดทนและยอมมรับในอาชีพของสูติแพทย์ซึ่ง  อาจจะโชคดีที่ไม่มีเรื่อง       หรือเราสามารถจัดการได้โดยอาศัยใจของเราที่คิดดีกับคนไข้ก่อน      

ดิฉันคิดว่าต้องฝึกการใช้ภาษากายให้มากค่ะ   

 หมอนุ้ยเป็นพิธีกรของงานค่ะ     คุณหมอทั้งเต้นทั้งร้อง     สุดยอดจริงๆ

 ดิฉันบอกว่าจะมาช่วยงานของสูตินรีเวชในนามของหมออัจค่ะ

ไม่ใช่ผู้อำนวยการอีกต่อไป  

ทิพย์ซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือเล่าเรื่องสมัยที่หมออัจและหมอๆทั้งหลายทำงานด้วยกัน      ทิพย์บอกว่าเธอรู้ใจคุณหมอทุกคน

 เพียงมองตาก็รู้ว่าจะเอาอะไรค่ะ( คุยซะหน่อย )

ดิฉันเล่าแถมว่าในสมัยที่ดิฉันยังเป็นหมอเด็กๆ      เรามีหมอสามคน ซึ่งแย่งกันตรวจเวลาคนหนึ่งไม่ว่าง

ไม่เคยแย่งคนไข้กันเลย

 ดิฉันคิดว่าดิฉันเป็นหมออัจของทิพย์น่าจะดีกว่าผอ.นะคะ

เป็นผอ.เพื่อนจะน้อย      เราอยู่ในที่สูง      มีผลประโยชน์กับคนที่อยู่ใกล้ๆ          เราต้องวางตัวให้พอดีเพื่อไม่ให้คนระแวงว่าเรามีพรรคพวก        เพื่อทำให้เกิดความไว้ใจเราและไม่แตกความสามัคคีค่ะ

ก่อนจากกันดิฉันจะร้องเพลงบัวกลางบึงซึ่งเป็นเพลงประจำแต่เพลงไม่มีเพราะเก่ามากๆทำให้ต้องไปร้องกระแซะๆของพุ่มพวงดวงจันทร์ค่ะ

ภรรยาอาจารย์สมหวังเคยบอกดิฉันว่าร้องเพลงพวกนี้ไม่เข้ากับใบหน้าของดิฉันเลยค่ะ     แต่สามารถรอดไปได้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 128784เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2007 16:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
อ่านแล้วบรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกดีๆเพราะอะไร แต่อยากขอบคุณ"คุณหมออัจ" สำหรับความรู้สึกดีๆนี้ค่ะ

ขอบคุณคุณโอ๋ที่มาเยี่ยมค่ะ     หลังเกษียณคงจะมีเวลาไปเยี่ยมที่blogคุณโอ๋มากขึ้นค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท