จากบทความของน้องหนิง จ๊ะจ๋าก้อเขียนไว้เช่นเดียวกัน........ ลองมาดูกันว่ามุมมองของจ๊ะจ๋าเป็นอย่างไร ?
คุณเคยคิดไหมว่าชีวิตของคุณมีคุณภาพ และสิ่งใดเป็นตัวกำหนดหรือชี้ว่าคุณภาพชีวิตคืออะไร? เป็นคำถามที่เราสามารถตอบได้อย่างมากมายและหลากหลายมิติ สิ่งหนึ่งที่เราไม่ละเลยที่จะนึกถึงคือ ปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิต อันได้แก่ อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรคและที่อยู่อาศัย ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานเบื้องต้น และหลายคนมักจะกำหนดว่าเป็นตัวชี้วัดว่า คุณภาพชีวิตพื้นที่ควรจะเป็นจะต้องมีปัจจัย 4 เข้ามาเกี่ยวข้อง
และเมื่อคนมีปัจจัย 4 ที่พร้อมสรรพ สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือ การศึกษา ก็นับว่าเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของคุณภาพของคน ซึ่งทั่วโลกจะถือว่า ประเทศใดที่มีอัตราการศึกษาของคนภายในประเทศและระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับสูง นับว่าคนในประเทศนั้นมีคุณภาพสูง เช่น แคนาดา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งการศึกษาอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนมีระดับวุฒิภาวะทางกายและใจที่ได้รับการยกระดับสูงขึ้น แต่ก็ไม่เสมอไป เมื่อในปัจจุบันมุมมองของการมีคุณภาพของชีวิตมองในระดับที่ลึกลงไปถึงจิตใจของคน
เฉกเช่นบางประเทศอันได้แก่ ประเทศภูฏาน โดยใช้ “ความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness-GNH)” เป็นตัวกำหนดการดำเนินนโยบายภายใต้กรอบความคิด GNH ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างขนบธรรมเนียมประเพณีและความทันสมัย วัตถุนิยมกับจิตวิญญาณ ระหว่างความมั่นคงทางทรัพย์สินกับคุณภาพชีวิต ที่สำคัญคือ การให้ความสำคัญของ ความสุขมวลรวมประชาชาติ มากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross Nation Product) โดมีแนวความคิดที่ว่า ความเจริญทางเศรษฐกิจมิได้มีความหมายเช่นเดียวกับความเจริญก้าวหน้าเสมอไป เมื่อพ้นจากสภาพความยากจน คนมีระดับรายได้มากขึ้น ความสุขสำราญเพิ่มขึ้นไปด้วย เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการทางวัตถุและความมั่นคงซึ่งไม่เคยได้รับมาก่อน และเมื่อถึงระดับหนึ่ง ความสุขก็ไม่จำเป็นที่จะเพิ่มขึ้นตามระดับรายได้อีกต่อไป สังคมถูกชี้นำด้วยการตลาด ได้เพาะบ่มวัฒนธรรมละโมบอย่างมากมาย ผ่านสื่อมวลชน เพื่อมุ่งกำไรสูสุด ด้วยการบริโภค ผลที่ตามมาคือ คนใช้ชีวิตที่อิจฉาริษยาซึ่งกันและกัน ต่อสู้ เอารัดเอาเปรียบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพิ่มขึ้นของผู้ที่มีอาการซึมเศร้า จิตวิญญาณที่ย่อหย่อนลง และความเสื่อมสภาพของสังคม
คำตอบก็คือ การส่งเสริมปรัชญาการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม ซึ่งสร้างสมดุลที่งดงาม ระหว่างประโยชน์ของโลกาภิวัฒน์ และบทบาทของรัฐในการดูแลการจัดการบริการสังคมพื้นฐาน “ หัวใจสำคัญของตัวชี้วัดตามแนวคิด GNH คือ 1. จิตใจ 2. การศึกษา 3. สุขภาพ”
สิ่งที่ประเทศนี้ให้ความสำคัญนั้น เป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือ ความสุข ต้องเป็นอันดับแรก และมีการเน้นย้ำว่า ความสุขไม่ใช่เพียงผลจากสภาพร่างกายที่มีผลต่อจิตใจ แต่เป็นตัวการสำคัญที่สุดในการกำหนดสุขภาวะโดยรวม รวมทั้ง การวางแผนเป็นองค์รวม และการบริหารนโยบายร่วมกับระหว่างภาคส่วนต่างๆ (multi-sectoral) ทุกภาคส่วนมีการพึ่งพิงกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับสังคม เป็นการทำงานเพื่อส่วนร่วมและในชาติอย่างแท้จริง มุ่งผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ มากกว่าคนส่วนน้อย เพื่อคนทั้งชาติ และมีการพัฒนาบนพื้นฐานของหลักการสำคัญห้าประการคือ 1. ความเติบโตทางเศรษฐกิจ 2. การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม 3. การพัฒนาอย่างสมดุลในระดับพื้นที่ 4. การกระจายอำนาจและการเสริมพลังชุมชน การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญในการจัดบริการสุขภาพ
และ คงไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดนอกจากความรู้สึกที่ว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ก้าวหน้ามากแค่ไหน แต่สิ่งที่เราลืมไปในขณะนี้คือ “ความสุขที่มาจากจิตใจ” ย่อมเกิดคำถามในใจว่า แล้วในขณะนี้ ช่วงเวลานี้คนไทยมีความสุขแล้วหรือยัง? แหละนี่คือการฉายภาพสุดท้ายของการมีคุณภาพชีวิตของคนในสังคม คือการที่ทุกคนมีความสุขจากภายในฉายออกสู่ภายนอกนั่นเอง