สิ่งสำคัญมันอยู่ที่...."การพัฒนาตนเอง"


นับเป็นแบบอย่างในวิธีคิด ที่จุดประกายให้ได้คิดได้อีกหลายอย่างต่อวิชาชีพของตนเองในการพัฒนาตนเอง เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานและผู้เรียน

         เมื่อคืนผู้เขียนได้นั่งดูรายการ  ปราชญ์เดินดิน  ทางช่อง  9  และเค้านำเสนอตอน "เกษตรกร : ผู้ริเริ่มการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง"  เขาผู้นี้มีชื่อว่า  คุณละเมียด  ครุฑเงิน  คุณละเมียดเป็นเกษตรกรที่จบแค่ชั้นประถมศึกษา  แต่ความคิดความอ่านของเขาล้ำเลิศกว่านั้นมากนัก  ซึ่งคงจะเอาระดับชั้นทางการศึกษามาเป็นตัววัดกับเขาไม่ได้ 

        คุณละเมียดให้สัมภาษณ์ว่าจุดแรกสุดในการริเริ่มคิดค้นวิธีการปลูกข้าวแบบใหม่นี้  เพราะ  การเป็นคนช่างสังเกตของตนเองว่า  หลังเสร็จสิ้นการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว  เกษตรกรมีการล้มตอซังเพื่อที่จะทำการเผา  เพื่อจะเตรียมดินไว้สำหรับ  ไถ คราด หว่าน ข้าวชุดใหม่  แต่ได้สังเกตเห็นว่าในระหว่างที่รอการเตรียมดินนั้นเองมีหน่อของต้นข้าวที่แตกหน่อออกมาจากซังข้าวต้นเก่างอกขึ้นมา   เลยคิดค้น  ทดลองปล่อยให้ต้นกล้าอ่อนของต้นข้าวที่งอกมานั้นเติบโตจนเป็นต้นข้าวในที่นาของตนเอง  ในขณะที่ที่นาของชาวบ้านคนอื่นๆ มีการไถ คราด เตรียมดินเพื่อหว่านข้าวชุดใหม่กัน  ในตอนแรกๆ ชาวบ้าน  ตลอดจนถึงนักวิชาการหลายคนต่างก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้  แต่เมื่อต้นข้าวโตขึ้นมาจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว  ปรากฎว่าผลผลิตที่ได้พอๆ กันกับของเพื่อนบ้านที่เพิ่งหว่านข้าวชุดใหม่ไป   แต่ทางคุณละเมียดประหยัดต้นทุนการผลิตได้มากกว่า  และไม่เป็นการทำลายชั้นบรรยากาศด้วยเนื่องจากไม่ต้องทำการเผาตอซัง  ( ที่อาจส่งผลให้โลกร้อนมากยิ่งขึ้น ) หากแต่ใช้การล้มตอซังให้กระจายบนพื้นดิน  เพื่อใช้ประโยชน์จากตอซังเก่านั้นต่อไป  นั่นคือการพัฒนาตนเองในอาชีพของตนในอีกระดับหนึ่ง  และต่อมาคุณละเมียดก็ทำการประดิษฐ์และพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้  หรืออุปกรณ์ต่างเพื่อใช้ในการล้มตอซังให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  เช่น  การประดิษฐ์รถหลายๆ ล้อด้วยภูมิปัญญาของตนเอง  นับเป็นแบบอย่างในวิธีคิด  ที่จุดประกายให้ผู้เขียนได้คิดได้อีกหลายอย่างต่อวิชาชีพของตนเองในการพัฒนาตนเอง  เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานและผู้เรียน (สำหรับผู้เขียน)

          แล้วคุณได้แบบอย่างจากวิธีคิดของคุณละเมียดอย่างไรบ้าง  แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ  

หมายเลขบันทึก: 129076เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2007 21:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • พี่แอนครับ
  • ที่ทางภาคอีสานมีอรหันต์ชาวนา
  • ถ้าจำไม่ผิดอยู่สุรินทร์
  • แต่คนนี้สนิทกันมาก
  • ทำนาแบบไม่ไถ ไม่หวาน
  • ท่านน่ารักมาก
  • ลองไปดูนะ
  • คนนี้ครับผม

สวัสดีจ้าน้องชาย

  • เข้าไปดูท่านมาแล้วล่ะ  ดร. อีกต่างหาก  แต่คุณละเมียด  ป.4  ครับน้อง  แต่ที่สุดแล้วก้อต้องยกหัวแม่มือชมเชยความเก่งของปราชญ์ทั้งสองล่ะครับผม
  • แอบแว๊บ......ไปส่งหลานชายไปเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่วัดมาครับผม
  • ขอบคุณค่ะ  อุตสาห์ตามกันมาตลอดเลยนะ  พี่ซะอีกไม่ได้เข้าไปดูเลยว่าน้องรายงานอะไรมาบ้าง  หายไปพักใหญ่  ด้วยความที่ไปลุยข้อสอบและสอบเด็กมาน่ะครับ  เลยไม่ว่างมานั่งหน้าคอมเลย  เดี๋ยวต้องเข้าไปย้อนอ่านซะแล้ว...ไม่ได้ๆ เดี๋ยวตกข่าว  เอ๊ย..ตกความรู้ครับผม
  • ขอบคุณครับผม
  • ตาม อ.ขจิตมาคะ
  • ได้ดูตอนนี้เหมือนกัน..
  • แต่เมื่อวันก่อนเป็นเรื่อง เฮียแดงคะ..ชอบมากมีที่ แค่ 2 งาน แต่ทำเกษตรได้เกือบครบทุกอย่าง..แต่ละอย่างไม่ต้องทำเกินกำลังด้วยคะ..น่าสนใจที่เฮียบอกตอนแรกทำเพื่อเลี้ยงชีพก่อน..ที่เหลือค่อยเก็บขาย...น่านสิคะ...บ้านเฮียแทบไม่ต้องซื้อสิ่งใดจากโลกภายนอกเลย

สวัสดีค่ะ คุณ naree  suwan P

  • เสียดายจังค่ะ  วันก่อนไม่ได้ดูเรื่องเฮียแดงค่ะ  มัวแต่ยุ่งกับการพิมพ์ข้อสอบวัดผลเด็กๆ น่ะค่ะ
  • แต่พอคุณ naree เล่ามาก็เลยนึกถึงคนใกล้ตัวนิดนึงค่ะ  ท่านเป็นคุณพ่อของเพื่อนค่ะ  ท่านชื่อ  นายเคล้า  แก้วเพชร  ท่านเป็นหนึ่งในปราชญืพื้นบ้านคนสงขลาค่ะ  ที่ดำเนินการจัดตั้งสหกรณ์กองทุนหมู่บ้าน  บ้านนาหว้า  อ.จะนะ จ. สงขลา  น่ะค่ะ  พ่อเป็นคนที่จบชั้น ป.4  แต่พ่อก็เป็นผู้นำชาวบ้านที่น่ายกย่องมากเลยค่ะ  ที่หมู่บ้านนาหว้าของพ่อ มีการแจกวัวให้ไปเลี้ยงกันแล้วพอมีลูกวัวออกมาก็เอามาคืนกองทุนเท่าทุนที่ยืมไปในตอนแรก  เพื่อเอาให้คนอื่นยืมต่อ  แถมยังมีกองทุนของใช้เวลามีงานต่างๆ ในหมู่บ้านก็มายืมจากกองทุนของหมู่บ้านเขาเอง  ทุกคนช่วยกันดูแลร่วมกัน  มีการแจกพันธุ์ผักให้ปลูกผักกันเองแทบ  จนแทบจะไม่ต้องซื้อจากภายนอก 
  • พ่อเคยเล่าให้ฟังว่ามีวิธีคิดคือ  พยายามปลูกสร้างสิ่งต่างๆ ให้พอกินกันในหมู่บ้านก่อน  เหลือก็ค่อยส่งขาย  แต่จะไม่พยายามซื้อเข้ามาให้เสียดุลย์  ยกเว้นสิ่งของนั้นทางหมู่บ้านไม่สามารถสร้าง,ปลูก,ผลิตกันเองได้ก็ไม่ว่ากัน ณ จุดนั้น  เจ๋งเหมือนกันค่ะ
  • ขอบคุณนะคะ  ที่แวะเวียนมาเยี่ยมกัน  ขอบคุณค่ะ 

สวัสดีค่ะน้องแอน..Lioness_ann

  • ครูอ้อยชอบชื่อบันทึกจังค่ะ  การไม่หยุดนิ่งคือการพัฒนานะคะ
  • แต่นักเรียนในห้องเรียนไม่เคยหยุดนิ่ง  เพราะเป็น hyperactive 
  • ดังนั้น  ครุอ้อยเป็น hyperactive  ตามหลักตรรกศาสตร์..เย้ เย้
  • ครูอ้อยเป็นเด็ก...Hyper

สนุกนะคะ..ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะครูพี่อ้อย

  • แบบเราๆ นี่ต้องทัมใจ...เอ๊ย...ทำใจ  นิดนึงค่ะ  อย่างถ้านักเรียนเค้าอยู่ที่ระดับ  5  เรานี่ต้องเป็น  5  เหมือนเค้าค่ะ  แต่ถ้าเราเป็น  6  รับรองค่ะ เด็ก สยบเราหมดเลย  ประมาณว่า  อ้าว....ครูหนักกว่าหนูอีกง่ะ ...ฮา ๆๆๆๆ
  • ขอบคุณค่ะพี่อ้อย  ที่เข้ามาแวะเยี่ยมกัน  กำลังจะสอบเด็กๆ แล้วยังคะ

หวัดดีครับ

อย่างนี้เรียกว่าเปน อาทูอา แบบชาวบ้านได้ป่ะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท