ลูกศิษย์ : จอร์จ โซรอส (George Soros) นี่คือใครหรือครับจารย์ ???
ครูลูกหว้า : อ๋อ..ครูเพิ่งจะได้รับเมลมาถามเรื่องนี้พอดี ลองเข้าไปอ่านมีนักศึกษาเขียนแนะนำไว้บ้างที่นี่ค่ะ
แต่ครูขอเพิ่มเติมอีกค่ะ เขาผู้นี้เป็นนักบริหารกองทุนส่วนบุคคลหรือ “เฮดจ์ฟันด์” (Hedge Fund) หรือกองทุนที่ “บริหารความเสี่ยง”
ลูกศิษย์ : แล้วกองทุนนี้มีหลักการอย่างไรบ้างหรือครับ
ครูลูกหว้า : ยกตัวอย่างนะคะ ถ้ากองทุนนี้เขาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกากำลังไปได้ดี กองทุนนี้ก็จะเลือกถือดอลล่าสหรัฐไว้ เขาเรียกว่าเป็นการเล่นแบบขาขึ้นหน่ะ
ลูกศิษย์ : งั้นการเล่นขาลง กองทุนเขาก็จะเลือกเวลาหุ้นหรือตราสารการเงินมันราคาตกใช่มั้ยครับจารย์
ครูลูกหว้า : ถูกต้องค่ะ เวลาหุ้นหรือตราสารการเงินตกมันจะตกเร็วมากเลย คิดดูสิว่าจะทำกำไรได้มหาศาลแค่ไหนกัน
ลูกศิษย์ : งั้นอย่างกรณีของประเทศไทยนี่ จอร์จ โซรอสเขาก็มองแล้วใช่มั้ยครับว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนปี 2540 กำลังจะแย่ ถึงเลือกเข้ามาเก็งกำไรที่ประเทศไทยเรา
ครูลูกหว้า : เก่งมากเลยค่ะ ตอนนั้นโซรอสคาดว่าเศรษฐกิจไทยคงไปไม่รอดหลังจากที่ตัวเลขการส่งออกหยุดโต และการขาดดุลการค้ามหาศาลบวกกับฟองสบู่ที่เกิดจากอสังหาริมทรัพย์แตกก่อนกลางปี 2540
ลูกศิษย์ : งั้นผมอยากรู้ว่าโซรอสทำยังไงบ้างครับ เขาถึงได้รับฉายาว่า “พ่อมดทางการเงิน” แบบว่า..สมัยโน้นผมยังเด็กอยู่มาก ต้องให้วัยอย่างอาจารย์ช่วยอธิบายอ่ะ
ครูลูกหว้า : วัยอย่างครูเหรอ??? เขาเรียกว่าแก่ประสบการณ์จ้ะ แล้วจะทยอยเล่าให้ฟังนะ เรื่องนี้อยากให้ลองติดตามกัน เราจะได้เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต ไว้เป็นบทเรียนสำหรับอนาคตค่ะ
อืม...
จอร์จ โซรอส ผมไม่รู้จักครับ
แต่ถ้า จอร์จ ลูคัส เนี่ย ผมรู้จักดีทีเดียว
^_^
ลูกศิษย์ : จารย์ค๊าบ...จารย์
ครูลูกหว้า : หาช้อน ส้อมมาด้วยเลยมั้ยหล่ะ....เฮ้อ! แต่ครูก็จะยอมเป็นจารย์ (ออกเสียงว่า ...จาน) เพื่อลูกศิษย์ มีอะไรว่ามา
ลูกศิษย์ : ผมอยากทราบเรื่อง จอร์จ โซรอสต่อครับ อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับกองทุนของเขาค่ะ
ครูลูกหว้า : ได้จ้ะ...กองทุนของโซรอส ชื่อ ควอนตัมฟันด์ ( Quantum Fund ) เป็นกองทุนส่วนบุคคลที่ระดมเงินทุนจากบุคคลที่ร่ำรวย และสถาบันลงทุนต่างๆ โดยไม่ได้เปิดขายให้ประชาชนทั่วไป ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงมากที่สุดในโลกกองหนึ่ง
ลูกศิษย์ : แล้วกองทุนนี้เน้นลงทุนที่ไหนหรือครับ
ครูลูกหว้า : อ๋อ...เป็นกองทุนที่เล่นตลาดเงินมากกว่าตลาดหุ้น บางครั้งก็กู้เงินเพิ่มเพื่อมาลงทุนด้วย เป็นกองทุนที่กล้าเสี่ยงมากกว่ากองทุนอื่นค่ะ
ลูกศิษย์ : แล้วทำไมคนไทยถึงเกลียดจอร์จ โซรอสมาก ถึงขนาดห้ามเข้าประเทศหล่ะครับ
ลูกศิษย์ : การทำชอร์ตเซล คืออะไรอ่ะ
ครูลูกหว้า : เป็นเทคนิคการลงทุนที่กลุ่มนี้ใช้เสมอค่ะ คือ เป็นการขายสินทรัพย์ที่ไม่มีอยู่ในมือออกไป และซื้อคืนกลับมาเพื่อส่งมอบเมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตก ยังไงหล่ะคือ การขายหลักทรัพย์ที่ไม่มีอยู่ในมือ มันก็เหมือนกับการยืมหลักทรัพย์ของคนอื่นมาขายก่อนนั่นแหล่ะ
ลูกศิษย์ : แหม...น่าตื่นเต้นจัง แล้วไงต่อครับ
ครูลูกหว้า : ตอนนั้นนะ โซรอสขาย “short” หรือชอร์ตเซลหน่ะ คือขายเงินบาทไปก่อนที่ 25 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐซึ่งเป็นการขายล่วงหน้าค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ทำสัญญาว่าอีก 3 เดือนจะเอาเงิน 25 บาทมาแลกเงิน 1 เหรียญสหรัฐที่ตกลงกันในวันนี้
ลูกศิษย์ : ผมว่าโซรอสต้องปล่อยข่าวลือแน่เลยใช่มั้ยครับ ตลาดพวกนี้อ่อนไหวกับเรื่องข่าวมาก
ครูลูกหว้า : ถูกต้องเลยค่ะ โซรอสเขาจะ “ทุบ” คือ จะปล่อยข่าวลือว่า เงินบาทจะมีการลดค่าแน่นอน หรือไม่ก็ชวนพวกของตนให้เทขายเงินบาทออกมา และซื้อดอลลาร์จากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
สุดท้ายรัฐบาลต้องแก้ปัญหาเงินทุนสำรองที่เป็นดอลลาร์หมด โดยการลดค่าเงินบาทค่ะ
ลูกศิษย์ : เอ...แล้วโซรอสได้อะไรในครั้งนี้บ้างหล่ะ
ครูลูกหว้า : ลองคิดดูสิ โซรอสสามารถปิดโพซิชั่น(position) ทำกำไรได้ จำได้มั้ยว่าในตอนแรกที่ทำสัญญา เขาจะเอาเงินมา 25 บาท เราต้องจ่ายเขา 1 เหรียญสหรัฐ
พอถึงเวลาจ่ายจริง เขาก็จะเอาเงิน 1 เหรียญที่ได้รับกลับมาแลกเงินบาทได้ถึง 40 บาท(ช่วงหลังลดค่าเงินบาท) คิดดูว่า เขาจะได้กำไร 15 บาท (แต่ก็จะมีการเสียเงินประกันตอนที่ทำชอร์ตเซลเท่านั้น)
นี่คือการยกตัวอย่างนะ แต่เงินจริงๆที่เขาได้รับมันน่าจะเป็นเท่าไหร่หล่ะ
ลูกศิษย์ : โห...แหล่มเลยจารย์ !!!!
ครูลูกหว้า : แหล่มแปลว่าอะไร???
ลูกศิษย์ : แหล่มก็แปลว่า “แจ่ม” “สุดยอด” ไงหล่ะจารย์ ศัพท์วัยรุ่นหน่ะ
อ.ลูกหว้าปัจจุบันภาวะศก.ก็แย่นะคะ ไม่รู้ว่าอนาคต จะเป็นอย่างไรบ้างนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
เรื่องการเงินเป็นเรื่องซับซ้อนมากค่ะ และมีเครื่องมือการเงินใหม่ๆออกมามากมาย แต่คนคิดคือฝั่งอเมริกาค่ะ
พี่เอง พอทราบอยู่บ้าง เพราะลูกทำงานการเงิน และเขาก็บอกบ้าง ไม่มาก เท่าที่บอกได้ คนที่ทำงานการเงิน จะต้องเก็บความลับเก่ง ไม่บอกใคร ต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Deal ที่ยังไม่จบ คนในครอบครัว ยังไม่กล้าถามเขาเลย เกรงใจ
จะมีแย้มๆ เรื่องอะไรอยู่นิดหน่อย พี่ก็ไม่กล้าเขียนลง
แต่ที่น้องให้ความรู้อย่างนี้ ก็ดีแล้วค่ะ ใช้ภาษาง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ
แต่จะมีเพื่อนเขาบางคน หุ้นกันทำบริษัท แล้วแตกกัน จะถอนหุ้น มาขอให้เขา ตีราคาให้ว่า ใครควรจะได้ส่วนแบ่งมาเท่าใด เขาก็ทำให้ฟรีค่ะ ตีราคาให้โดยมีหลักการ ก็ happy กันไปถ้วนหน้า เป็นรายการช่วยเพื่อน
เวลาพี่จะทำธุรกิจ แล้วกู้แบงค์ เขาจะมาทำโปรเจ็คเสนอแบงค์ให้ ประมาณการ 10 ปี ซึ่งผ่านฉลุยเลยค่ะ ไม่มีแก้ไขเลย
จะบอกว่า สนับสนุนอาจารย์ที่จะเขียนให้ความรู้ค่ะ