.
อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง "Intelligence "เป็นไปได้ด้วยเชาวน์ปัญญาผู้แต่งคือ Osho ....ปราชญ์ซึ่งในเนื้อหาหนังสือเขา
เราอ่านแล้วขอคิดว่าเป็นแนวเดียวกับแนวคิดแห่งพุทธ
(ซึ่งเข้าถึงได้ยากเสียเหลือเกิน)
Osho บอกว่า ใคร ๆย่อมมีเชาวน์ปัญญา อยู่แล้วในตัว
เพียงแต่จะแค่ไหน ด้านไหน
ค่ะผู้เขียนบรรยายไว้ว่า
คนแต่ละคนเกิดมาพร้อมกับเชาวน์ปัญญาในตัว
ไม่ใช่แค่คน...หมู หมา กา ไก่..สิ่งมีชีวิตทุกชนิดเลยแหละค่ะ
มีเชาวน์ปัญญากันทั้งนั้น
กวีก็มีแบบ..กวี
นักธุรกิจก็มีแบบ..นักธุรกิจ
คน ๆ หนึ่งอาจมีเชาวน์มากทางดนตรี
อีกคนอาจเด่นไปทางคณิตศาสตร์
นักการเมืองผู้มากด้วยชื่อเสียง
เขาอาจร้องเพลงได้ไม่ดีนักก็ได้
ความสับสนในหัวใจ
ความไม่มั่นใจในตัวเอง
ความน้อยเนื้อต่ำใจของบางคนหรือเราเอง
ในบางครั้งอาจเกิดขึ้นได้ถ้าเรา...ยังค้นไม่พบว่า
แล้วเรา..มีเชาวน์ปัญญาด้านไหน
หรือเราควรจะใช้บรรทัดฐานไหนมากำหนดเพื่อหาตัวเรา..เอง
เราต้องค้นหามัน-มันอยู่ที่ไหนนะ เมื่อพบแล้ว
ขอเพียงค้นให้พบ..เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เราจะชัดเจน
ถัดจากนั้น..จงชัดเจนเรื่อย ๆกับมัน
จงยอมรับมัน
จงเคารพในเชาวน์ปัญญาของเราด้วย
อย่าสับสน อย่าเลียนแบบ
ปัญหา จะค่อย ๆ หมดไป
ดิฉันจึงต้อง....ถามขึ้นมาน่ะสิคะ
ว่า....แล้วจะค้นหามันได้ยังไงกันเล่า
เชาวน์ปัญญา....ของเราน่ะ
พอเห็นราง ๆ เลือน ๆ
ไม่มั่นใจ ไม่ชัดเจน ....จึงสับสน
ผู้รู้ ผู้พบของตัวเองแล้ว.....บอกทางกันบ้าง
(มีบางส่วนน่าคุยกันอีก..อาทิ...คนรักกันจะปฏิบัติต่อกัน
อย่างผู้มีปัญญาได้อย่างไร)
ความคิดเห็นตอนต่อ
@...คนรักกันจะปฏิบัติต่อกัน อย่างผู้มีปัญญาได้อย่างไร...@
ความรักต้องให้อิสรภาพ และ
ความรักต้องช่วยให้อีกฝ่ายหนึ่งได้เป็นตัวของตัวเอง
ความรักบางครั้งคล้าย ๆ มีข้อขัดแย้งในตัวของมันเอง
หนึ่ง....ทำให้ดูคล้ายมีสองจิตวิญญาณในหนึ่งร่าง
อีกหนึ่ง...มันทำให้เราทิ้งตัวเองที่เล็ก ๆของเรา และเดินทางไปถึง
ตัวเราเองตัวที่..สำคัญ..งงมั้ย
(ใช่ทิ้งอัตตา ??)
คนสองคนที่รักกัน(จริง ๆ)
จะมีหลายอย่าง..และหลายสิ่งที่ดูเหมือนพี่-น้องกัน
บางทีเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกัน
อีกคนหนึ่งสามารถ..เข้าใจได้เอง
(จูนคลื่นติด??)
ฝ่ายหนึ่งสุขหรือเศร้า
อีกคนหนึ่งก็จะทราบ
ยิ่งถ้าเป็นยามเศร้า
คนสองคนที่รักกัน เข้าใจกัน
จะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว
(จริงหรือนี่ !??!)
ในหนังสือเขียนไว้อีกว่า...ในทางตรงข้าม..
คนสองคนที่ไม่ได้รักกันจริง หรือรักกันแบบไม่ได้ใช้ปัญญา
หรือปัญญาไปไม่ถึง(ใช่..โง่ หรือเปล่า ??)
หรือที่ไม่เข้าใจกัน..จะดื้อด้านทนเผชิญหน้ากัน
จนต่างฝ่ายต่างเหนื่อย...และเบื่อ..ซึ่งกันและกัน..ไปเอง
(โอ..มายก๊อด..จริงแฮะ)
คู่รักที่มีเชาวน์ปัญญา..จะ
"เมื่อฉันจะอยู่คนเดียว
ไม่ใช่ฉันไม่รักเธอ
แต่เพราะรักของเธอที่มีมาให้
ทำให้เป็นไปได้สำหรับฉันที่จะ...อยู่คนเดียว"
(อานุภาพแห่ง..ความรัก)
ความรัก...มันเหมือนจังหวะดนตรี
ผู้เขียนเปรียบเทียบไว้ในหนังสืออย่างนี้
ดนตรีมีช่วงหยุดของจังหวะฉันใด
ความรักก็ต้องมีระยะพัก(ผ่อน)
ไม่มีใครจะรู้สึกรักกันได้ตลอดเวลา
ไม่มีใครรักกันได้ตามคำสั่ง
เมื่อไรที่มันจะเกิดมันก็เกิด
เมื่อไรที่มันไม่เกิดมันก็ไม่เกิด
(จริง !)
เมื่อคนสองคน..รู้สึกเคารพนับถือกัน
ความรักนั้นจะเป็นสิ่งน่านับถือ
มันจะย้อนกลับไปมา
ทำให้สองคนที่รักกัน..ยิ่งรักกัน
ยิ่ง...นับถือซึ่งกันและกัน
ทำให้สองคนเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างช้า ๆ
ทำให้สองคน..พบบางสิ่งบางอย่างที่มาจาก..ความรัก
ที่มาจากความเคารพนับถือ
*อ่านสองฉบับค่ะ ภาษาไทยแปลโดย อ.ประพนธ์ ผาสุขยืด และ ฉบับภาษาอังกฤษโดย Osho
คนรักกัน..ที่....ปฏิบัติต่อกัน อย่างผู้มีปัญญา
อ่านแล้ว เห็นด้วยจริงๆค่ะ
ความรักต้องให้อิสรภาพ และ..
ความรักต้องช่วยให้อีกฝ่ายหนึ่งได้เป็นตัวของตัวเอง
มื่อคนสองคน..รู้สึกเคารพนับถือกัน
ความรักนั้นจะเป็นสิ่งน่านับถือ
มันจะย้อนกลับไปมา
ทำให้สองคนที่รักกัน..ยิ่งรักกัน
ยิ่ง...นับถือซึ่งกันและกัน
______________________________
อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ
แต่ต้องแถมเพลงของพี่จิกที่แต่งไว้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีเราแค่ 2 คนด้วย hahahahaha : P
ถ้าเป็นเรื่องชีวิตสมรสต้องเคารพนับถือและให้อิสรถาพฝ่าย in law ทั้งหมดทุกคนด้วย
โห....ต้องเสริมสร้างปัญญาอย่างแรงเลยค่ะ
______________________________
เรื่องนี้เข้ากับเรื่อง agree to disagree ที่มัทเขียนอย่างที่พี่หมอบอกเลยค่ะ
บันทึกนี้นำไปใช้ได้กับทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และแถวๆสะพานแห่งหนึ่งในกทม. : )
กลับมาเรื่องเชาวน์ปัญญา
ปัญญาที่ช่วยให้รักกันได้สมบูรณ์กับเชาวน์ปัญญาเป็นคนละตัวกัน?
เหมือนที่ Osho เขียนไว้เหมือนกับคำว่า บุญบารมี หรือ ความสามารถธรรมชาติ (natural talent) ที่มีอยู่แล้วแต่เกิด?
เป็นตัวที่จะทำให้สร้างปัญญาได้ง่ายหรือยาก (cultivate wisdom) แต่ไม่ใช้ตัวปัญญา per se?
พี่หมอเห็นว่าไงอ่ะค่ะ
กลับมาเรื่องเชาวน์ปัญญา
ปัญญาที่ช่วยให้รักกันได้สมบูรณ์กับเชาวน์ปัญญาเป็นคนละตัวกัน?
เหมือนที่ Osho เขียนไว้เหมือนกับคำว่า บุญบารมี หรือ ความสามารถธรรมชาติ (natural talent) ที่มีอยู่แล้วแต่เกิด?
เป็นตัวที่จะทำให้สร้างปัญญาได้ง่ายหรือยาก (cultivate wisdom) แต่ไม่ใช้ตัวปัญญา per se?
พี่หมอเห็นว่าไงอ่ะค่ะ
ตอบยากนะคะ ต้องนั่งคิดเงียบ ๆ ขอตอบตามความคิดเห็นส่วนตัวพี่นะคะ
*****
ปัญญาที่ช่วยให้รักกันได้สมบูรณ์ มันน่าจะหมายความถึงความรู้ ความเข้าอกเข้าใจ บวกเอาเจ้าสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับมาจากประสบการณ์ส่วนตัว,เป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องนี้ ,หรือประสบการณ์ที่เคยได้รับจาก ผู้ใกล้ชิด ญาตสนิท-มิตรแล้วตกผลึกทางความคิดออกเป็น"ปัญญา" ที่ใช้ดำรงชีวิตคู่
มันก็อาจจะคล้าย ๆ "ปัญญาญาณ"หรือ"เชาวน์ปัญญา"
คล้ายกันมาก เพียงแต่ เชาวน์ปํญญา เป็นสิ่งที่ในหนังสือว่าไว้ว่า แม้แต่ นก กา ไก่ หมาก็ยังมี เพื่อการดำรงชีวิต
(ตามที่ลูกชาย นำหนังสือมาแนะนำให้แม่อ่าน ,แปดขวบค่ะ ตอนนั้นเขาอ่านในบทIntroduction "Intuition" ,English version)
ถ้านำสองบทนี้มาประมวล "ปัญญา"ที่ใช้ในการรักกัน ดูเหมือนต้องรวมเอาประสบการณ์ คำสอน บอกกล่าว มาช่วยทำให้ความรู้ ที่มีอยู่แล้วแบบ"เชาวน์ปัญญา"ตกผลึก คล้าย ๆแกว่งสารส้มให้ น้ำที่ใสอยู่..ให้ใสยิ่งขึ้น ๆ หรือเปล่าคะ..น้องมัท
(ตามที่ลูกชาย นำหนังสือมาแนะนำให้แม่อ่าน ,แปดขวบค่ะ ตอนนั้นเขาอ่านในบทIntroduction "Intuition" ,English version)
น่าจะเป็น Intelligence นานมาแล้ว ลืม ๆ เลือน ๆ เล็กน้อยค่ะ
บันทึกเก่าๆน่าจะช่วยเราได้ค่ะ : )
พี่นารีคะ ใช้ได้ทุกกรณีของความรัก ทุกประเด็น ทุกเงื่อนไข ทุกสถานการณ์ แห่งรัก เช่น พ่อแม่-ลูก, เพื่อนรัก, เพื่อนร่วมงานที่เป็นกัลยาณมิตร...และรักของหญิง-ชาย
ความคิดเห็นของดิฉันนะคะ