บทความพิเศษ: ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน ตอนที่หนึ่ง “รัก เกลียด กลัว เกรง นับถือ หรือ เคารพ”


บันทึกนอกเรื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาค่ะ ไม่เกี่ยวกับหัวข้อหลักด้านการศึกษาต่อปริญญาเอกสักเท่าไหร่ ก็ตามชื่อบันทึกไงคะ ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน....(ยังไม่ทันไรก็) แตกใบอ่อนเป็นมะลิลา (ซะงั้น)

บทความพิเศษ:   ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน  ตอนที่หนึ่ง รัก เกลียด กลัว เกรง นับถือ หรือ เคารพ 

     ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า  วันนี้ไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อเอกนะคะ  สังเกตได้จากชื่อบันทึกที่ออกจะผิดปกติ   บางท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่า  ทำไมเลือกชื่อบทความพิเศษว่า ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน   แหะ แหะ...  ก็อยากจะสารภาพว่า  ตอนแรกก็นึกถึงชื่ออื่นๆ ค่ะ  อย่างเช่น  

*    เก็บตก (แต่เดี๋ยวซ้ำกับกาละแม) 

*    เก็บเล็กผสมน้อย (เดี๋ยวคนคิดว่าครูน้อยจะมาสอนวิธีเก็บเงิน    ฮ่าฮ่า...อันนี้คงเป็นความสามารถอย่างสุดท้ายที่จะหาได้จากตัวเรา)

*    ดอกไม้ริมทาง  (มันมาได้ยังไงกันเนี่ย..  ชื่อนี้) 

     แล้วก็มานึกได้ว่า  เออ นะ... เราน่าจะตั้งชื่อเกี่ยวกับดอกไม้  เพราะเป็นคนชอบดอกไม้โดยเฉพาะดอกมะลิและมันก็คงฟังดูแปลกดี   เลยคิดถึงชื่อนี้  มันตรงกับความเป็นจริงของการกลายพันธุ์ของบันทึกของเราเสียด้วย   ครูใหญ่เค้าให้มาเขียนบันทึกเรื่องเรียน  อุตส่าห์สอนวิธีปลูกต้นมะลิซ้อนให้เราเป็นอย่างดี     ไอ้ต้นไม้ของเราก็ดันมาแตกใบอ่อนเป็นมะลิลาระหว่างทางด้วยการเริ่มเขียนนอกเรื่องตั้งแต่เดือนที่สองเสียแล้ว   ก็ได้แต่สัญญาว่า  ตอนจบของต้นไม้ต้นนี้คงจะมีทั้งดอกมะลิซ้อนและมะลิลาให้เชยชมสมใจค่ะ  

     มาว่าด้วยเรื่องนอกสารบบของเราวันนี้ดีกว่า  เป็นบันทึกบทสนทนาระหว่างการเดินทางไปยังสนามบินที่กรุงปักกิ่ง  เพื่อบินกลับมาประเทศไทย    ถ้าจำไม่ผิดครูน้อยตอนนั้นยังทำงานในสาขาการตลาดค่ะ   บินไปประชุมกับลูกค้าที่ประเทศจีนหลายวันอยู่เหมือนกัน   ไปกันหลายคนด้วย  แต่ตอนที่สนทนากันนี้  อยู่ในรถแท็กซี่กันสองคนกับพี่ที่ทำงานค่ะ  เพราะคนอื่นๆ ต้องอยู่ทำงานต่อที่นั่นเลยไม่ได้กลับพร้อมกัน   ก็ขอแทนตัวพี่คนที่คุยด้วยว่า  รุ่นพี่ละกันนะคะ  

รุ่นพี่:    เออ... ผมอยากถามอะไรคุณอย่างหนึ่งมานานแล้ว... ผมสงสัยว่าทำไมลูกน้องคุณกลัวคุณ _ _เป๋งเลยฟะ 

ครูน้อย: โหย... พี่ก็พูดเกินไป   

รุ่นพี่:     ไม่เกินไปหรอก  วันก่อนผมคุยกับลูกน้องคุณ  มันทำเอกสารชักช้า  ก็เลยแค่ขู่เล่นๆ ว่าเดี๋ยวจะไปบอกคุณซะเลย  มันรีบบอกว่าเดี๋ยวทำให้เลยพี่   

ครูน้อย:  อะไรจะปานนั้น..  เค้าคงจะทำให้พี่อยู่แล้วแหละ  ไม่เกี่ยวกันหรอก  หนูไม่เคยทำอะไรลูกน้องซักหน่อย   เวลาประเมินรวมทั้ง BU  ก็แบบว่า defend แทนสุดๆ  พี่ก็เห็น    

รุ่นพี่:    เออ... อันนั้นเห็น  แต่เด็กๆ ก็กลัวคุณหัวหดอยู่ดีแหละ.. ผมแค่บอกว่าคุณเดินมาข้างหลัง  มันสะดุ้งโหยงเลย   ตัวคุณก็กระจิ๋วหลิวแค่เนียะ  ลูกน้องนี่ก็อกสามศอกทั้งนั้น  มันจะไปกลัวทำไมฟะ... 

ครูน้อย:  ก็นั่นดิ...  หนูว่าเค้าไม่กลัวหรอกมั้ง  น่าจะแค่นับถือเรื่องความรู้เรื่องงานอะไรทำนองนี้ล่ะก็อาจจะพอได้ 

รุ่นพี่:    ไอ้นั่นมันชัวร์อยู่แล้ว  แต่ผมว่ามันกลัวด้วยนะ               

ครูน้อย:  กลัวยังไงกัน.....  ว่าแต่..พี่มีกลัวนายคนไหนในออฟฟิสบ้างหรือเปล่าล่ะ 

รุ่นพี่:      ไม่มีหรอก (โห..จริงเหรอพี่)  แล้วคุณล่ะ 

ครูน้อย:  กลัวคุณ A  (นามแฝงเจ้านายใหญ่ค่ะ)    เฮ้ย.. พี่ไม่กลัวเหรอ  เค้ากลัวกันทั้งบริษัทนะ 

รุ่นพี่:      ไม่กลัวหรอก... ทำไมถึงต้องกลัวล่ะ  เค้าทำอะไรคุณเหรอ 

ครูน้อย:  อันที่จริงก็ไม่เคยนะ   แกก็ดีด้วยตลอด    แต่แบบว่ามันกลัวน่ะ   พอเวลาแกเดินมา  เราก็จะตัวลีบหน่อยๆ  แล้วก็ประพฤติตัวดีกว่าปกติ  เค้าเป็นกันทั้งออฟฟิส  พี่ไม่เป็นได้ไง.. 

รุ่นพี่:     โห.. ไม่มีเลย  ผมเฉยมาก.. เออ.. ผมไม่กลัว แต่ผมนับถือแกนะ  ผมว่าแกเก่งโ_ตรเลย 

ครูน้อย: หนูก็นับถือแกนะ  อย่างตอน...เสีย (อุปกรณ์ทำมาหากินของบริษัทซึ่งคนเดินดินจะไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้) แล้วแกลงมาคุมเองจนมันกลับมาใช้ได้อีก อันนั้นคือสุดยอดแล้ว  เก่งที่สุดของที่สุดเลย    แต่หนูก็ยังกลัวแกอยู่ดีนะ...   

เอ๊ะ.. แต่พี่เคยบ่นว่า  เวลาแกเรียกไปคุยที่ห้องตอนเช้าๆ   พี่หนาววูบเลยไม่ใช่เหรอ.. 

รุ่นพี่:     เฮ้ย.. อันนั้นไม่เรียกว่ากลัว  (ยังจะปากแข็งอีกพี่)  ผมก็แค่ไม่ค่อยชอบที่ต้องไปตอบนู่นตอบนี่  แบบว่าเสียเวลาทำมาหากินไง....  เออ... แล้วคุณกลัวคุณ B (เจ้านายรองลงมา) หรือเปล่า 

ครูน้อย: อุ๊ย.. หนูไม่กลัวเลยค่ะ  คนนี้หนูนับถืออย่างเดียว หนูว่าแกเก่งมากนะ  เรื่องการจัดการทั้งข้างในข้างนอกบริษัทเลยค่ะ   

รุ่นพี่:     แต่ผมเฉยๆ นะ 

ครูน้อย: ก็พี่อาจจะไม่ค่อยได้ทำงานกับแกเรื่องพวกนี้  แต่หนูทำเยอะไง  เลยรู้ว่าแกเก่งมากๆ นะ      เออ... แต่ถึงหนูไม่กลัวแกเลยก็จริง  แต่หนูก็เกรงใจแกมากนะ   เวลาจะทำอะไร  ก็จะแบบว่าเกรงๆ แกน่ะ       

รุ่นพี่:     เหรอ.. แล้วคุณ C ล่ะ  (เจ้านายรองลงมาอีก)   อย่างคุณ C เนี่ย  ผมนับถือความเก่งแกเลยล่ะ  ผมว่านี่แหละที่สุดแล้วในบริษัท    แต่ผมไม่กลัวแกเลยนะ  ไม่เกรงด้วย  แปลกไหม.. 

ครูน้อย:  ไม่แปลกหรอก  เพราะหนูคิดเหมือนพี่เลย  555  (เฉพาะเรื่องไม่กลัวกับไม่เกรงนะ)  หนูว่าเรื่องหัวคิดไอเดียต่างๆ เนี่ย  แกเก่งจริงๆ ไม่รู้คิดได้ไง    แต่หนูว่าแกไม่เก่งเรื่องดูแลลูกน้องหรือจัดการภายในเท่าไหร่นะ 

รุ่นพี่:     เออ...ก็คงงั้นแหละ   พูดถึงไอ้เรื่องความรู้สึกที่มีกับพวกเจ้านายเราเนี่ยก็แปลกดีนะ   มันแบบว่าจำแนกได้หลายรูปแบบดีแฮะ   มีทั้งกลัว  มีทั้งเกรง  มีทั้งนับถือ  แถมมีแบบคอมโบด้วย 

ครูน้อย: หนูว่าที่เราคุยกันมันอาจจะยังไม่ครบนะ  น่าจะยังขาดพวกความรู้สึกรัก  หรือเกลียดด้วยหรือเปล่า...  แบบว่า  รักแต่ไม่นับถือ  นับถือแต่เกลียด  หรือทั้งรักทั้งกลัวอ่ะ 

รุ่นพี่:     55 อันสุดท้ายเนี่ย  สงสัยจะของลูกน้องคุณนะ... ทั้งรักทั้งกลัว.. 

ครูน้อย:  นึกว่าลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย..    ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไร   สงสัยจะดุมาแต่กำเนิดมั้ง  เด็กๆ เค้าเลยกลัวอ่ะ 

รุ่นพี่:      55 ก็ลดความดุลงหน่อยสิ... ดุแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงาน.... 

หลังจากนั้น  บทสนทนาก็เข้าสู่เรื่องไร้สาระอย่างแท้จริงกับคำถามยอดฮิตของบรรดาเพื่อนและพี่ที่ทำงานเก่าของครูน้อย  ที่เฝ้าเพียรถามมาตั้งแต่ครูน้อยอายุยี่สิบสอง  (จนถึงอายุเท่าไหร่แล้วไม่บอก) กระทั่งถึงสนามบิน                

บทสนทนานี้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ค้างอยู่ในใจครูน้อยมานานพอสมควร  และเป็นเรื่องที่คิดว่าน่าจะขยายความต่อออกไปได้อีก    บางทีอาจจะกรณีศึกษาทางด้าน HRM ก็ได้นะคะ  ลองมาสรุปกันดูเล่นๆ ดีกว่า  ว่าเราจะมีความรู้สึกภาพรวมอย่างไรกับเจ้านายได้บ้าง 

1.     กลัว

2.     นับถือ

3.     เกรง (ใจ)

4.     รัก

5.     เกลียด

6.     รูปแบบผสมของห้ารูปแบบข้างต้น 

     มีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่งที่คิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า  ความรู้สึก เคารพเนี่ยอยู่ตรงไหน   ควรจะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบไหม   แต่หลังจากลองคิดดูภายหลังแล้ว  ส่วนตัวคิดว่า  เคารพ  น่าจะเป็นความรู้สึกลูกผสมของความนับถือและความเกรงใจมากกว่า  เช่น  ถ้าเรานับถือความรู้ความสามารถของใคร  แต่ไม่เกรงใจเลย  (หรือกลับกัน)  ก็คงไม่สามารถเรียกได้ว่าเราเคารพคนคนนั้น 

     แล้วความกลัวล่ะ  ถ้าเรานับถือและกลัวคนคนหนึ่ง จะเรียกว่าเราเคารพคนนั้นได้หรือไม่    ครูน้อยคิดว่า  ในความกลัวส่วนใหญ่จะมีระดับของความเกรงอยู่ด้วย  ดังนั้น  เราอาจจะพบว่า  คนที่เรารู้สึกเคารพนั้น  อาจจะเป็นคนที่เรารู้สึกกลัวด้วยก็ได้  เนื่องจากในความกลัวนั้น  ส่วนใหญ่จะมีความเกรงเป็น subset อยู่.. 

     เริ่มสับสนกันหรือยังคะ...  555 บทความพิเศษของครูน้อยจะทิ้งท้ายให้คิดแบบปั่นป่วนต่อกันเป็นส่วนใหญ่นะคะ   เตรียมตัวงงกันได้เลย...  หัวข้อถัดไปก็คิดไว้แล้ว  น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ  ethics in business management  มาจากชั้นเรียนจริงๆ  ตอนสอนที่มหิดล   ในชั้นเรียนนักศึกษาสนุกกันมากเลยอยากจะเก็บรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟัง   ส่วนตัวคิดว่าเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดคำถามในชีวิตได้มากมาย  สนุกดีค่ะ   แอบโปรโมทตรงนี้เสียเลย  (ติดนิสัยฝ่ายการตลาดเก่าค่ะ)   

     แล้วเจอกันใหม่กับ "ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน  ตอนที่สอง" นะคะ

 

หมายเลขบันทึก: 136001เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2007 21:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 14:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

รอติดตามอ่านตอนที่สองอยู่นะครับ
เขียนเล่าได้สนุกดีและได้ข้อคิดด้วยครับ

ชอบใจและจะคอยติดตามอ่านด้วยคนค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้กับหนังสือทั้งหลายที่ต้องอ่านด้วยนะคะ วิธีคลายเครียดด้วยการเขียนบล็อกของครูน้อยนี่ดีมากๆเลยค่ะ กลับมาแล้วก็รวมเล่มได้อีกเรื่องเลยนะคะ แล้วจะตามอุดหนุนค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท