วันนี้นั่งดูรายงานสารคดีดิสเคิฟเวอรี่เกี่ยวกับชีวิตชาวจีนรายการหนึ่ง
เป็นรายการที่ดูแล้วทำให้พลุ่งพล่านใจขึ้นมาน้ำตาซึม
อันที่จริงรายการก็ไม่ได้เศร้าอะไรหรอก ไม่ใช่รายการเสนอชีวิตบีบเค้นอารมณ์อะไรแต่อย่างไร แต่มันก็แปลกใจตนเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้รู้สึกพลุ่งพล่านตื้นตันอะไรได้ถึงเพียงนั้น
ทั้งนี้คงเพราะได้เห็น ได้คิดอะไรหลายอย่างจากรายการนี้กระมัง มันจึงสะท้อนและสะเทือนไปถึงบางสิ่งบางอย่างที่มันซ่อนอยู่ใต้ก้นลึกของจิตใจ พอดูแล้วมันจึงรู้สึก 'โดน' รู้สึกซาบซึ้ง และรู้สึกตื้นและตันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่เสนออยู่ในสารคดีเรื่องนี้ มันเป็นการผสมผสานของการต่อสู้ชีวิต การคิดนอกกรอบพิชิตอุปสรรคของคนที่เป็นแค่ชาวบ้านชนบทกลุ่มหนึ่ง มีการพัฒนาคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคนิค ในการสร้างงานและการขายผลงาน.. จนดูแม้จะช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็รู้สึกทึ่งจริงๆ
เรื่องของเรื่อง กล่าวถึงหมู่บ้านทำกระดาษที่เก่าแก่นับพันปีแห่งหนึ่งของจีน ที่อยู่ลึกเข้าไปในชนบท ชาวบ้านทำกระดาษสืบทอดวิธีการต่างๆตั้งแต่บรรพบุรุษจนมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อความเจริญและเทคโนโลยีโลยีต่างๆเข้ามาในชีวิตผู้คน การทำกระดาษแบบใหม่ผลิตได้มาก ต้นทุนต่ำ ได้รับความนิยม กระดาษที่ผลิตด้วยมือ ซึ่งสีออกเหลือง เพราะใช้น้ำจากน้ำประปาที่เพิ่งเข้ามาสู่ในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านเลือกไม่ได้ ผลผลิตที่ออกมาจึงขายไม่ค่อยออก อีกทั้งเพราะต้นทุนที่สูงขึ้น (เนื่องจากการใช้น้ำประปา ต้องจ่ายค่าน้ำ แต่ก็จำเป็นต้องใช้ ทั้งนี้เพื่อลดแรงงานที่ต้องไปตักน้ำขนน้ำมาใช้เองที่แหล่งน้ำ) ถ้าไม่เพิ่มราคาสินค้า ก็จะทำให้รายได้ต่อต้นทุนลดลง
เมื่อเกิดเรื่องนี้น มีหลายคนพากันโวยวาย แต่ก็มีบางคนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เอาปัญหามาขบคิดและหาทางแก้ไข มีชายหนุ่มคนหนึ่งในหมู่บ้านลองปรับกระบวนการขั้นตอนในการทำกระดาษ ที่ถ่ายทอดทำกันมานานนับแต่บรรพบุรุษ เขาลองปรับเปลี่ยนปรับปรุงหลายอย่าง จนพัฒนาได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีขึ้น และได้ผลผลิตปริมาณมากขึ้น กระดาษของเขามีคุณภาพดี เหนียวทนทาน ลูกค้าที่พึงพอใจกระดาษของเขา คือธนาคารในตัวเมือง เนื่องจากกระดาษของเขาใช้ห่อและมัดธนบัตรได้ดีกว่ากระดาษทั่วไปเนื่องจากความเหนียวทนทานของกระดาษ
เมื่อเขาค้นคิดวิธีการใหม่ เพื่อพัฒนาผลผลิตของเขาให้ออกมาดี เพื่อนบ้านซึ่งทำกระดาษด้วยกันที่เคยเอาแต่โวยวายเมมื่อเห็นเช่นนั้น จึงมาขอคำแนะนำจากเขา ซึ่งเขาก็แนะนำให้โดยไม่หวง นี่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ในชุมชนที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ น่ารักและอบอุ่น น่าตื้นตัน
เพื่อนบ้านเมื่อนำวิธีการที่เขาแนะนำ ก็เอาไปปรับปรุงในกระบวนการทำกระดาษของตนเอง สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น จึงไม่ใช่เพียงแค่วิธีการทำกระดาษของชายหนุ่ม แต่เป็นทัศนคติที่จะคิดปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานของตน แทนการทำงานแบบเดิมๆที่มีมาหลายชั่วอายุคน เป็นการไม่ย่ำอยู่กับที่ ทำและคิดอยู่แต่ในกรอบ หากแต่ใช้อุปสรรคปัญหาเป็นตัวกระตุ้น เพื่อพัฒนาผลผลิตให้ดียิ่งขึ้น
พวกเขาเหล่านั้น ลองไปปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตกระดาษของตน เพิ่มขั้นตอนบางอย่างเพื่อให้ผลผลิตที่ดีขึ้น ลดขั้นตอนบางอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อลดต้นทุน อีกทั้งสร้างผลผลิตที่หลากหลาย เพื่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้ผลผลิตกระดาษของพวกเขาเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามาก
แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลตัวเมืองหลายร้อยกิโล ลูกค้าของพวกเขามีจำนวนอยู่ในวงจำกัด แม้ว่าพวกเขาจะสร้างผลผลิตที่คุณภาพดีออกมา แต่กระดาษที่ทำด้วยมือก็ยังคงมีราคาที่สูงกว่ากระดาษทั่วไปอยู่ดี
ดังนั้นถึงแม้จะมีผลผลิตที่คุณภาพดี แต่ถ้าหากไม่มีลูกค้ามารับซื้อผลผลิต ชาวบ้านก็ต้องยังคงมีรายได้น้อยอยู่ดี อีกทั้งยังมีผลผลิตตกค้างจำนวนมาก สิ่งนี้จึงเป็นปัญหาใหม่ของพวกเขา
ชาวบ้านอีกคนหนึ่ง..ลงทุนนั่งรถโดยสารเข้าสู่ตัวเมืองใหญ่ซึ่งห่างไกลไปถึง 400 กว่ากิโลเมตร เพื่อเอากระดาษที่เขาผลิตขึ้นมา ไปเสนอขายลูกค้าในตัวเมือง แต่เขาก็ได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากสินค้าของเขาแม้จะมีคุณภาพดีเพียงไรแต่ก็มีราคาสูงกว่าที่คนเหล่านั้นใช้อยู่ ในที่สุดเขาคว้าน้ำเหลวกลับหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ย่อท้อต่อความล้มเหลวที่ได้รับ การเข้าสู่ตัวเมืองครั้งนี้แม้เขาจะขายผลผลิตไม่ได้ แต่เขาก็ได้เรียนรู้และเห็นมุมมองที่น่าสนใจหลายอย่างจากชีวิตชาวเมือง
เมื่อเขากลับมาจากหมู่บ้าน เขาก็เอารถสามล้อของเขามาซ่อม ตอนที่นั่งดูรายการถึงตอนนี้อยู่นั้น.. ก็ให้สงสัยว่าชายคนนี้จะทำอะไรกันหนอ รถสามล้อมันเกี่ยวกับการขายผลผลิตของเขาอย่างไร ตอนแรกก็นึกว่าเขาจะขนกระดาษขึ้นท้ายรถสามล้อไปเร่ขาย ...
แต่ก็ไม่ใช่ !
และแล้วก็พบว่า.. ความคิดของชายผู้นี้ เป็นการคิดที่นอกกรอบอย่างแรง ! .. คนดูรายการอย่างเรา นึกไม่ถึงจริงๆ จนโพล่งอยู่ในใจว่า
"คิดได้ไงเนี่ย ?"
คุณผู้อ่านลองทายสิคะว่า.. เขาเอารถสามล้อไปทำอะไร ?
ให้เวลาคิด... 5 วินาที
..
...
.....
.......
..........
..............
...................
.......................
หลังจากที่เขาได้รถสามล้อ เขาก็ขับเข้าไปในตัวเมืองย่านชุมชนที่เป็นตลาด จากนั้นเขาจอดรถแล้วก็ร้องหาลูกค้า ชวนเชิญนักท่องเที่ยวไป เที่ยวหมู่บ้านของเขาค่ะ
ชายผู้นั้นใช้จุดขายของหมู่บ้าน คือ การเป็นหมู่บ้านทำกระดาษที่สืบทอดกันมานับพันปี
นักท่องเที่ยวที่แวะผ่านแถวนั้นได้ยินก็มีคนสนใจ จึงนั่งสามล้อของเขาไปเที่ยวชมหมู่บ้าน ไปดูขั้นตอนการผลิตกระดาษแบบเก่าแก่ เขาให้ชาวบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างดี มีการให้นักท่องเที่ยวลองมาร่อนกระดาษด้วยตนเอง เป็นที่สนุกสนาน
จากนักท่องเที่ยวไม่กี่คนในตอนแรก เมื่อพวกเขาได้รับความพึงพอใจก็นำเรื่องของหมู่บ้านทำกระดาษแห่งนี้ไปบอกต่อๆกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้กันมากขึ้น จนมีสื่อโทรทัศน์ทั้งในและต่างประเทศมาถ่ายทำสารคดีกัน จนมีผู้คนรู้จักแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว
วิธีการที่เริ่มต้นด้วยรถสามล้อคันเดียวของชายผู้นั้น ทำให้เขาไม่ต้องขนผลผลิตออกไปเร่ขายไกลๆอีกต่อไป หากต่อมาลูกค้าก็มาเยือนถึงบ้านของพวกเขาเอง
เรื่องๆนี้ได้แง่คิดมากมาย
1. อุปสรรคปัญหา หากเรายอมแพ้ท้อแท้กับมัน.. มันจะเป็นดาบที่ทิ่มแทงทำร้ายเรา แต่หากเรายอมรับมันและสู้ไม่ท้อถอย อุปสรรคปัญหาก็จะกลายเป็นกุญแจที่จะช่วยไขประตูไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นของเราได้
2. ผลงานจะพัฒนาขึ้นมาได้ ต้องอย่าย่ำอยู่แต่แนวคิดเดิมๆและกระบวนการเดิมๆ หากแต่ต้องหมั่นคิดนอกกรอบออกไปบ้าง
3. ผลผลิตที่ดี หรือบริการที่ดีมีคุณภาพ ใช่ว่าจะขายได้ดีเป็นที่ต้องการเสมอไป หากแต่มันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย ดังนั้นอย่าหยิ่งทรนงว่าตนเองมีของดีอยู่ในมือ แล้วลูกค้าจะต้องสนใจเรา
4. การขายผลผลิตให้ได้มาก นอกจากมีสินค้าที่ดี ก็ต้องมีเทคนิคในการขายที่ดีด้วย
แล้วท่านผู้อ่านละคะ ... ได้แง่คิดเพิ่มเตมอะไรจากเรื่องนี้อีกบ้าง ?
ดีจังเลยนะคะ
เค้าเก่งมากเลยเนาะ หาท่างออกจนได้ และเป็นทางออกที่ดีมากๆ น่าชื่นชมนะคะ
- ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายค่ะ ^_^
-ใช่แล้วค่ะ ความจริงตอนนั้นเปิดทีวีแค่ดูเป็นเพื่อนระหว่างนั่งกินข้าว แต่เนื้อหาในรายการที่ดูแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ตรึงให้รู้สึกดื่มด่ำซาบวึ้ง กับความคิดของตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในรายการเชียวค่ะ
สวัสดีค่ะน้องชาย
ขอบคุณมากนะคะ คุณ k-jira ชอบตามอ่านเรื่องของคุณเสมอๆ เรื่องนี้สร้างความอิ่มเอิบใจให้กับดิฉันมากเลยค่ะ
ได้ข้อคิดอีกอย่างคือ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง ทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ค่ะ
สวัสดี ครับ
..................
แวะมาทักทาย หลังจากห่างหายนานพอควร
ได้อ่านแล้ว ให้แง่คิดดีมาก ๆ
แม้จะยังอ่านไม่จบ (เวลาน้อย ครับ)
ภาพชัดแจ๋วดี จังครับ