การอภิปรายผลการวิจัยเป็นการประเมินหรือขยายความของผลการวิจัย
เพื่อยืนยันว่าผลการวิจัยที่ได้น่าเชื่อถือ ถูกต้อง
เป็นจริง โดยชี้ให้เห็นว่า
ผลการวิจัยสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับสมมติฐานการวิจัย
ตรงตามข้อเท็จจริงที่พบ ตรงตามแนวคิด
ทฤษฏีและผลการวิจัยคนอื่นหรือไม่ อย่างไร
ผลการวิจัยนั้นเป็นไปตามแนวความคิด ทฤษฏีอะไรบ้าง
รวมทั้งมีความขัดแย้งหรือไม่
ถ้ามีความขัดแย้งจะต้องอธิบายเหตุผลและหาข้อมูลสนับสนุน
ชี้แจงความเป็นไปได้ของผลการวิจัยนั้น
การเขียนส่วนนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ นิสิต
นักศึกษาได้แสดงภูมิปัญญาเชิงวิพากษ์ ในฐานะที่เป็นผู้ทำวิทยานิพนธ์
และการเขียนอภิปรายผลมีหลักการ ดังนี้
1. การอภิปรายผลการวิจัย ควรแสดงให้เห็นว่าผลการวิจัย
สอดคล้องหรือขัดแย้ง
กับแหล่งอ้างอิงต่อไปนี้
1.1 หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
1.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1.3 ปัญหาหรือข้อสังเกตที่ผู้วิจัยพบระหว่างการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.
การยกงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาเขียนอธิบายกับอภิปรายผลนั้น
ต้องเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับผลวิจัยเท่านั้น
ถ้าไม่เกี่ยวข้องไม่ควรนำมาเขียนอธิบายใส่
เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือสับสนในการอภิปรายผล
3.
การอธิบายเหตุผลเพื่อสนับสนุนหรือขัดแย้งกับผลการวิจัย
ต้องเป็นเหตุเป็นผลที่น่าเชื่อถือกับลักษณะผลที่เกิดดังกล่าว
รวมทั้งต้องอยู่บนพื้นฐาน หลักการ
ทฤษฎีและกระบวนการวิจัยหรือการทำวิทยานิพนธ์อย่างชัดเจน เช่น
ขอบเขตของการวิจัย การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
วิธีดำเนินการทดลองและการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นต้น
4.
การอ้างอิงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหรือไม่สอดคล้องกับผลการวิจัยนั้น
นิสิตนักศึกษาสามารถอ้างเป็นรายคนหรืออ้างพร้อมหลายคนก็ได้
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยกับผลของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องว่ามีความเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างเช่น
จากวิทยานิพนธ์เรื่อง
แนวโน้มการดำเนินงานงานห้องสมุดประชาชนอำเภอในทศวรรษหน้าศึกษาโดยใช้เทคนิคเดลฟายของ
อุบล โคตา (2545)
กรณีที่ 1 อ้างอิงรายคน
1.4 ด้านบทบาทหน้าที่ของห้องสมุดประชาชน
พบว่าบรรณารักษ์จะมีวุฒิปริญญาตรีทางบรรณารักษ์
..........สอดคล้องกับงานวิจัยของอัญชลีกร กุลสุวรรณ(2533 :
112) ที่พบว่า ............
กรณีที่ 2 อ้างพร้อมกันหลายคน
1.5 ด้านงบประมาณ
ห้องสมุดประชาชนอำเภอจะได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น
.........และในทศวรรษหน้าห้องสมุดประชาชนอำเภอจะได้รับงบประมาณจากรัฐบาลน้อยลง
ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ จุมพจน์ วนิชกุล. 2527 : 68 ; สมชาย
มะลิลา. 2523 : บทคัดย่อ ; สุรางค์ นันทกาวงศ์.
2537 : บทคัดย่อ ที่พบว่า ...
....ห้องสมุดได้รับงบประมาณน้อย....
5.
การนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้กับอภิปรายผล นิสิต นักศึกษา
ควรพึงระวังว่า
งานวิจัยแต่ละเรื่องนั้นมีการสรุปที่ไม่เหมือนกันและในเรื่องเดียวมีผลการวิจัยหลายข้อ
การกล่าวอ้างควรดึงเฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้นมาใช้กับงานวิทยานิพนธ์ของตน
ซึ่งการยกมาอภิปรายผลต้องประกอบด้วย ชื่อผู้วิจัย :
เลขหน้าที่อ้างอิง..ผลการวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยของเราเท่านั้น
ตัวอย่างการอภิปรายผล เช่น
..... ประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่าย
รายวิชา พันธะเคมี
ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.44/82.40
สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
สอดคล้องกับงานวิจัยของวุฒิชัย โพธิ์ศรี
(2547 : 134- 143) ที่พบว่า
บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.60/84.67 ..
งานวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยของนิสิต
นักศึกษา เป็นของ วุฒิชัย โพธิ์ศรี (2547 :
134- 143)
ได้ทำการวิจัยผลการเรียนรู้ด้วยบทเรียนบนเครือข่าย เรื่อง
การใช้แหล่งการเรียนรู้บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ของนิสิตที่มีรูปแบบการเรียนรู้และความวิตกกังวลต่างกัน
ผลการวิจัยพบว่า
1)บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.60/84.67 และมีดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.5589 2)
นิสิตที่มีรูปแบบการเรียนรู้และความวิตกกังวลต่างกันมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่แตกต่างกัน
3)
นิสิตที่มีรูปแบบการเรียนรู้และความวิตกกังวลต่างกันมีผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะปฏิบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ
.05
และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเรียนรู้กับความวิตกกังวลต่อการมีทักษะปฏิบัติ
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 .....
จากตัวอย่าง พบว่า
จะยกเฉพาะผลของการวิจัยที่เกี่ยวข้องหรือสอดคล้องกับผลการวิจัยเท่านั้นมาเขียนในอภิปรายผล
ไม่จำเป็นต้องยกมาทั้งหมด
3. ขณะเขียน
ควรนึกเสมอว่ากำลังตอบคำถามงานวิจัย ว่ามีความหมายว่าอย่างไร
ผลการวิจัยบอกเราว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามเป็นอย่างไร
มีความสัมพันธ์จริงหรือไม่
และเป็นจริงสำหรับตัวแปรตามบางตัวหรือตัวเดียว
4.
การอภิปรายผลเป็นการเขียนอธิบายผลการวิจัยว่ามีความสอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับสมมติฐาน
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ผลการวิจัยยืนยันหรือปฏิเสธทฤษฎี
ผลการวิจัยที่ได้ ในอนาคตควรออกแบบอย่างไร
5. นิสิต นักศึกษาควรคิดเชิงวิพากษ์ กล่าวคือ
ผู้วิจัยได้ให้ความหมายหรือตีความผลการงานวิจัยครั้งนี้อย่างไร
และแสดงความคล่องแคล่วทางปัญญาในการคิดโต้คำวิจารณ์ นิสิต
นักศึกษาต้องชี้แจงตรรกะอย่างชัดเจน
อย่าสรุปว่าการนำเสนอผลการวิจัยมีความชัดเจนแล้ว
แต่ต้องแสดงความคิดของข้อสรุป
6.
อย่าใช้ภาษาที่ส่อไปในเชิงสาเหตุและผลในการอภิปรายผลการวิจัย นิสิต
นักศึกษาควรเลือกใช้ภาษาให้ถูกต้อง
ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่เป็นในเชิงบ่งบอกสาเหตุ เช่น
มีผลต่อมีอิทธิพลต่อ ก่อให้เกิด เป็นต้น
7. การอภิปรายผลนั้น
อย่านำผลการวิจัยมากล่าวซ้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้นควรมี
การตีความสังเคราะห์ วิเคราะห์ และวิพากษ์สิ่งที่ศึกษาพบด้วย
9.
ระมัดระวังการใช้ภาษาที่สื่อได้ว่าผู้วิจัยเป็นผู้รายงานเอง
ตังอย่างแบบจำลองการอภิปรายผล
จากผลการวิจัยมีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปรายผล ดังนี้
แบบที่ 1 ให้นำการอธิบายเหตุผล หลังสรุปผลการวิจัย
1. กรณีสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
..(สรุปผลการวิจัยข้อ
...)...............สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
ทั้งนี้เพราะ/อาจเป็นเพราะ ...(อธิบายเหตุผลที่น่าเชื่อถือ
ลักษณะที่เกิดผลดังกล่าว มีการอ้างอิงทฤษฏี
กล่าวถึงความสำคัญของผลการวิจัยและความจำเป็นสำหรับการวิจัยเพิ่มเติม)...
สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ
.....(ยกงานวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยเท่านั้นมาเขียนจากบทที่ 2
หัวข้องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง)..
2. กรณีไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
..(สรุปผลการวิจัยข้อ
...)...............ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
ทั้งนี้เพราะ/อาจเป็นเพราะ ...(อธิบายเหตุผลที่น่าเชื่อถือ
ลักษณะที่เกิดผลดังกล่าว มีการอ้างอิงทฤษฏี
กล่าวถึงความสำคัญของผลการวิจัยและความจำเป็นสำหรับการวิจัยเพิ่มเติม)...
สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ
.....(ยกงานวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยมาเขียนจากบทที่ 2
หัวข้องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง)..
แบบที่ 2 ให้นำการอธิบายความสอดคล้องกับผลการวิจัย
หลังสรุปผลการวิจัย
1. กรณีสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
..(สรุปผลการวิจัยข้อ
...)...............สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้..
สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ
.....(ยกงานวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยหรือศึกษาเท่านั้นมาเขียนจากบทที่
2 หัวข้องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง)..ทั้งนี้เพราะ/อาจเป็นเพราะ
...(อธิบายเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ลักษณะที่เกิดผลดังกล่าว
มีการอ้างอิงทฤษฏี
กล่าวถึงความสำคัญของผลการวิจัยและความจำเป็นสำหรับการวิจัยเพิ่มเติม)...
2. กรณีไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
..(สรุปผลการวิจัยข้อ
...)...............ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้..
สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ
.....(ยกงานวิจัยที่สอดคล้องกับผลการวิจัยหรือศึกษาเท่านั้นมาเขียนจากบทที่
2 หัวข้องานวิจัยที่เกี่ยวข้อง)..ทั้งนี้เพราะ/อาจเป็นเพราะ
...(อธิบายเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ลักษณะที่เกิดผลดังกล่าว
มีการอ้างอิงทฤษฏี
กล่าวถึงความสำคัญของผลการวิจัยและความจำเป็นสำหรับการวิจัยเพิ่มเติม)...
ตัวอย่างการอภิปรายผลงานวิจัย
1. ตัวอย่างการอภิปรายผลงานวิจัยเชิงคุณภาพ (ฉลาด จันทรสมบัติ. 2550 : 266)
จากสรุปผลการวิจัยมีประเด็นที่น่าสนใจที่นำมาอภิปรายผล
ได้ดังนี้
1.
ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการความรู้ขององค์กรชุมชน
เป็นรูปแบบที่พบว่ามีความสำเร็จบังเกิดผลตามที่คาดหวังไว้
(สรุปผลการวิจัย) ทั้งนี้เนื่องจาก
ในการพัฒนารูปแบบผู้วิจัยใช้กรอบแนวคิดมาจากการวิเคราะห์สังเคราะห์แนวคิดและผลการวิจัยของผู้ทรงคุณวุฒิในระดับสากล
ทั้งในส่วนของการจัดการความรู้และในส่วนของเทคนิคการพัฒนา เช่น
ใช้แนวคิดการจัดการความรู้ของโนนากะและทาเกอุชิ วิจารณ์
พานิช และกระบวนการจัดการความรู้ของวิอิก (Wiig)
บูรณาการกับเทคนิคการพัฒนา ได้แก่
ใช้หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพึ่งตนเอง
การมีส่วนร่วม และการรู้ รัก สามัคคี
(สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.
ม.ป.ป : 2-32) ร่วมกับหลักการอื่น ๆ เช่น
มีการเตรียมชุมชน การจดบันทึกหลังการปฏิบัติ (AAR) การตั้งคำถาม
การแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งเวทีจริงและเวทีเสมือน
ประกอบกับการมีกลไกหนุนเสริมการจัดการความรู้ คือ
ศูนย์จัดการความรู้ในระดับหมู่บ้าน
ทั้งในรูปศูนย์ที่เป็นแหล่งดำเนินการและในรูปเว็บไชต์
ทำให้เกิดการบริหารจัดการความรู้ขององค์กรชุมชนแบบบูรณาการ
หลักฐานสำคัญบางส่วนที่บ่งชี้ความสำเร็จสมควรนำมาวิจารณ์ ได้แก่
1.1 เกิดบุคคลสำคัญในการเรียนรู้
ทุกองค์กรมีนักจัดการความรู้ในชุมชน 4 กลุ่มได้แก่ ผู้อำนวยความสะดวก
(Facilitator) ผู้ปฏิบัติงานกลุ่ม (Practitioner) ผู้จดบันทึก (Note
Taker) และผู้ประสานงาน (Network Manager) (สรุปผลย่อย) สอดคล้องกับ
โนนากะและทาเกอุชิ (Nonaka and Takeuchi. 1995 : 20-25 )
การสร้างทีมจัดการเริ่มที่ตัวบุคคลเป็นหลัก
สมาชิกในองค์กรเข้าใจบทบาทหน้าที่ในการจัดการความรู้ คือ
ผู้จัดการความรู้ตัวจริงเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานหลัก
กลุ่มผู้บริหารระดับกลางเป็นพวกตีความ
แปลงความรู้ให้เป็นความรู้ในกระดาษ กลุ่มผู้บริหารความรู้
ทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย
สร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนและคอยสกัดความรู้ให้เกิดมูลค่า
สอดคล้องกับ วิจารณ์ พานิช (2548 : 23-48)
บุคคลสำคัญในการจัดการความรู้ในองค์กร ได้แก่ คุณอำนวย
เป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงกิจกรรม
ระบบและวัฒนธรรม คุณกิจ เป็นผู้ปฏิบัติงานกลุ่ม
ถือเป็นนักจัดการความรู้หรือผู้ดำเนินกิจกรรมประมาณร้อยละ 90
ของทั้งหมด คุณลิขิต
เป็นผู้จดบันทึกข้อมูลในกิจกรรมการจัดการความรู้ เรื่องเล่า
สรุปแก่นความรู้ บันทึกการประชุม และคุณประสาน
เป็นผู้ทำหน้าที่ประสานเครือข่ายการจัดการความรู้ระหว่างกลุ่ม
1.2
เกิดการเรียนรู้ควบคู่การปฏิบัติซึ่งมีที่มาของความรู้ได้จากปัญหา
การตั้งคำถาม
การแก้ปัญหาด้วยการปฏิบัติจริงจนเกิดองค์ความรู้ที่เหมาะสม
นำไปสู่การจัดการความรู้ตามประเด็นที่สนใจประกอบด้วย
การสร้างความรู้ การจำแนก การจัดเก็บ การนำไปใช้
การแลกเปลี่ยนความรู้ และการประเมินผล (สรุปผลย่อย)
สอดคล้องกับ
หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
(สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ.
ม.ป.ป. : 32) ทรงมีพระราชดำริ ความว่า รู้
รัก สามัคคี ซึ่งบุคคลและกลุ่มคนจะต้องรู้
รู้ว่าการจะลงมือทำสิ่งใดนั้น จะต้องรู้เสียก่อน รู้ถึงปัจจัยทั้งหมด
รู้ถึงปัญหาและรู้ถึงวิธีการแก้ปัญหา มีความรัก
ที่จะต้องพิจารณาเข้าไปที่ลงมือปฏิบัติแก้ปัญหานั้น ๆ และ
ความสามัคคีที่จะปฏิบัติลงไปนั้น
ควรคำนึงเสมอว่าเราจะทำงานคนเดียวไม่ได้
ต้องทำงานร่วมมือร่วมใจเป็นองค์กรเป็นหมู่คณะ
จึงจะมีพลังเข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี สอดคล้องกับ
ประเวศ วะสี (2545 : 21) ที่กล่าวว่า
การเรียนรู้ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้เรื่องนั้นสำเร็จ
เพราะคนอื่น ๆ องค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องไม่ได้เรียนรู้
การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติเท่านั้นจะบังเกิดผลสำเร็จซึ่งต้องจัดการความรู้ผ่านการปฏิบัติเป็นชุดความรู้ของแต่ละกลุ่มองค์กร
และสอดคล้องกับ เนาวรัตน์ พลายน้อย (2546 : 2-5)
ที่กล่าวว่า การจดบันทึกหลังการปฏิบัติ (AAR)
ถือเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญในการสกัดแก่นของความรู้
ข้อค้นพบของบุคคลหรือองค์กรที่เหมาะสม
1.3
เกิดศูนย์จัดการความรู้ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้กลุ่มได้พบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของแต่ละหมู่บ้านดำเนินงานให้บรรลุวิสัยทัศน์
พันธกิจ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
โดยมีคณะกรรมการบริหารศูนย์ติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนางาน
โดยผ่านเวทีประชุมประจำเดือน
และเวทีเสมือนซึ่งมีเว็บไซต์ในระบบใช้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งเผยแพร่ผลการจัดการความรู้และเป็นแหล่งเก็บ
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (สรุปผลย่อย) สอดคล้องกับ
แนวคิดของโนนากะและทาเกอุชิ (Nonaka and Takeuchi. 1995 :
71-72) และวิจารณ์ พานิช (2548 : 1-4)
ในส่วนที่ว่าใน
การจัดการความรู้ต้องอาศัยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสนับสนุนและเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการความรู้
2. ตัวอย่างการอภิปรายผลงานวิจัยเชิงปริมาณ
(กนกพร ภิบาลจอมมี. 2550 : 126-127)
จากผลการวิจัย
มีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปรายผลได้ดังนี้
1. บทเรียนบนเครือข่ายรายวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง
ระบบอินเทอร์เน็ตและการสร้างเว็บ มีประสิทธิภาพเท่ากับ
90.44/85.85 (สรุปผลการวิจัย) แสดงว่า
บทเรียนบนเครือข่ายเรื่องระบบอินเทอร์เน็ตและการสร้างเว็บเพจ
ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของจารุณี
ซามาตย์ (2547 : บทคัดย่อ)
ได้ทำการวิจัยการพัฒนาบทเรียนบนเครือข่าย
เรื่องความรู้เบื้องต้นในการสื่อสาร
รายวิชามโนทัศน์การสื่อสาร ตามหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต
สาขาวิชาสื่อนฤมิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พบว่า
บทเรียนบนเครือข่ายมีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.76/80.89
รุ่งทิพย์ สิงพร (2547 :
บทคัดย่อ) ได้ทำการพัฒนาบทเรียนบนเครือข่าย
วิชาระบบสื่อการเรียนแบบเอกัตบุคคล
สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พบว่า
บทเรียนโปรแกรมการเรียนการสอนผ่านเว็บมีประสิทธิภาพเท่ากับ
89.65/85.94 รัชนีกร สุวรรณภักดี (2547 :
บทคัดย่อ) ได้ทำการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
จากบทเรียนบนระบบเครือข่าย
เรื่องการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาและสื่อการเรียนรู้ของนิสิตที่มีคุณลักษณะส่วนบุคคลแตกต่างกัน
บทเรียนบนระบบเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ
84.43/80.05 วุฒิชัย โพธิ์ศรี (2547 :
บทคัดย่อ)
ได้ทำการวิจัยผลการเรียนรู้ด้วยบทเรียนบนเครือข่าย เรื่อง
การใช้แหล่งการเรียนรู้บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ของนิสิตที่มีรูปแบบการเรียนรู้และความวิตกกังวลต่างกัน
พบว่าบทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.60/74.67 วุฒิกิจ ไชยกุล (2547 :
บทคัดย่อ)
ได้ทำการพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประกอบรายวิชา
การถ่ายภาพเบื้องต้น (Basic Skill Photography)
หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต วิชาโทสาขาเทคโนโลยีการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พบว่า
พบว่าบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ
80.45 /81.80 และสังคม ไชยสงเมือง
(2547 : บทคัดย่อ) ได้ทำการพัฒนาบทเรียนบนเครือข่าย
วิชาระบบสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรื่อง
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า
บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ
89.90/85.83
จากผลการวิจัยและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องบทเรียนบทเครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
สามารถนำไปใช้ในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เป็นเช่นนี้เพราะ
1.1
การดำเนินการประเมินประสิทธิภาพได้ทำไปอย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่การวิเคราะห์เนื้อหา
การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
การออกแบบบทเรียนบนเครือข่าย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ
ตรวจสอบทุกขั้นตอนและได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะนอกจากนั้นแล้วยังได้ทำการประเมินบทเรียนจากนักศึกษากลุ่มเป้าหมายถึง
3 ครั้ง
โดยได้ดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนมีการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องที่พบจากการสังเกต
และสัมภาษณ์ผู้เรียน
1.2
การออกแบบบทเรียนบนเครือข่ายได้รับการออกแบบอย่างมีขั้นตอนตามหลักทฤษฎีและพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเป็นบทเรียนบนเครือข่ายที่มีลักษณะแบบ IWBI (Interactive
Web – Based Instruction) (มนชัย เทียนทอง. 2544 : 74-75)
คือ
บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นโดยเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้เป็นหลัก
นำเสนอด้วยข้อความและกราฟิกเป็นหลักและนอกจากจะนำเสนอด้วยสื่อต่าง ๆ
ทั้งข้อความกราฟิกและภาพเคลื่อนไหวแล้ว
การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายในระดับนี้จึงต้องใช้ภาษาคอมพิวเตอร์
ซึ่งได้แก่ ภาษาเชิงวัตถุ (Object – Oriented Programming) เช่น
Visual C++ HTML (Hypertext Markup Language) เป็นต้น
1.3
บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
เพราะผู้วิจัยได้พยายามทำการพัฒนาอย่างเป็นระบบตั้งแต่การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล
ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาแล้วปรับปรุงแก้ไขการเขียนผังงานซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นจึงนำไปทดลองกับกลุ่มตัวอย่างเพื่อประเมินหาประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตามกระบวนการและนำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข
ซึ่งเป็นวิธีการดำเนินการผลิตสื่อตามกระบวนการ
ของการวิจัยและพัฒนา
รวมทั้งบทเรียนบทเครือข่ายที่สร้างขึ้นได้ผ่านประเมินจากผู้เชี่ยวชาญแล้วผู้วิจัยได้ทำการทดลองเพื่อประสิทธิภาพตามกระบวนการ
3 ขั้นตอนจากการทดลองแบบรายบุคคล (One-to-One
Testing)และการทดลองกลุ่มเล็ก (Small Group Testing)
ก่อนที่จะนำมาหาประสิทธิภาพในการทดลองภาคสนาม(Field testing)
1.4
บทเรียนบนเครือข่ายที่พัฒนาขึ้น ผู้วิจัยได้ศึกษากรอบแนวคิดในการพัฒนา
ตามลำดับดังนี้ (1) การวิเคราะห์เนื้อหารายวิชา
โดยกำหนดระดับความรู้ของนักศึกษาที่จะได้รับเมื่อเรียนจบบทเรียน
(2) การออกแบบรูปแบบการเรียนการสอน
โดยการจัดลำดับเนื้อหา จำแนกหัวข้อวิชาตามหลักการเรียนรู้
กำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน
และกำหนดแหล่งค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับหน่วยการเรียน (3)
การพัฒนาบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยยึดหลัก
4Is (มณีชัย เทียนทอง.
2544 : 78) ซึ่งได้แก่ Information คือ
ความเป็นสารสนเทศ, Interactive คือ
การมีปฏิสัมพันธ์, Individual คือ
การเรียนรู้ด้วยตนเอง และ Immediate Feedback
คือ การตอบสนองโดยทันที (4)
การดำเนินการเรียนการสอนด้วยบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยอาศัยช่องทางในการสื่อสารที่จัดไว้ในบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
(5) การทดสอบหาประสิทธิภาพของบทเรียนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
หนังสือการเขียนวิทยานิพนธ์ มีขายแล้ว ติดต่อได้ที่ 084-7991757
ทองสง่า ผ่องแผ้ว 22/10/2550
ขอบคุณค่ะ