ต่อมาได้ไปเยียมชม ศูนย์อพยพแม่หละ อำเภอท่าสองยาง เป็นศูนย์อพยพที่มีประชากรต่างด้าวอาศัยอยู่ประมาณ ๕๐,๐๐๐ คน(มากกว่าอำเภอบางอำเภอของพิษณุโลกเสียอีก) ในศูนย์อพยพมีการอนามัยสิ่งแวดล้อมไม่สู้จะดีนัก(แปลว่าไม่ดีนั่นแหละ) ส้วมกับบ่อน้ำใช้อยู่ใกล้ชิดกันมาก เมื่อมีโรคอุจจาระร่วงระบาด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้เข้าไปดำเนินการควบคุมโรค แนะนำให้เติม คลอรีนฆ่าเชื้อโรคก่อนนำมาใช้ ท่านผู้ตรวจฯ นายแพทย์สถาพร ถามว่า ในฐานะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเราจะแนะนำชาวบ้านอย่างไรว่าจะให้เติมคลอรีนเท่าไรจึงจะเพียงพอ เพราะชาวบ้านไม่เข้าใจเรื่อง ppm (parts per million) ถึงเข้าใจก็คงยากที่จะปฏิบัติได้ เมื่อเห็นท่าทางพวกเราจะอึ้งไปพักใหญ่ ท่านผู้ตรวจฯจึงเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยตั้งคำถามนี้กับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องใช้เวลากันพอสมควรจึงได้คำตอบว่า ให้ ดม ดู หากเริ่มมีกลิ่นฉุนของคลอรีนในน้ำ ก็แสดงว่าเพียงพอที่จะฆ่าเชื้อโรคได้ ท่านผู้ตรวจฯ สอนว่า การทำงานกับชาวบ้านต้องสามารถสื่อให้ชาวบ้านปฏิบัติได้จริง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก หันมาตั้งคำถามกับผู้เขียนว่า แล้วการวิ่งออกกำลังกายกับพรรคพวก จะทราบได้อย่างไรว่า หัวใจกำลังทำงานพอดีๆ เพราะการนับจังหวะเต้นของชีพจร ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับชาวบ้านเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าผู้เขียนทำท่าจะมึนงงไปใหญ่โต คุณหมอพิเชฐจึงรีบเฉลยว่า เมื่อ หยุดพูดคุยกัน แสดงว่ากำลังดี นี่ก็น่าจะเป็นอีกตัวอย่างในการสื่อกับชาวบ้านเพื่อหวังผล(แต่ไม่รู้ว่า คนชอบวิ่ง จะเห็นด้วยหรือเปล่า)
อุจจาระร่วง คลอรีน ออกกำลังกาย จึงเกี่ยวกันยังงี้แล
ไม่มีความเห็น