Knowledge Camping ครั้งที่ 9


การเรียนแบบ Informal จะช่วยให้การเรียนแบบ Formal ง่ายขึ้น

 19 พฤศจิกายน 2550

          สวัสดีครับชาว Blog และน้อง ๆ เทพศิรินทร์โดยเฉพาะชาว Knowledge Camping รุ่นที่ 9 เมื่อวันก่อนพี่จีระได้พบกับน้อง ๆ เทพนนท์หลายคนและถูกทวงถามเรื่องการบ้าน วันนี้พี่จีระก็เลยขอฝากการบ้านเอาไว้ 2 ข้อ ข้อแรกคือ "การเข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการ Knowledge Camping รุ่นที่ 9 นี้ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?" และข้อที่ 2 คือ "หลังจากจบโครงการไปแล้วแต่ละคนจะนำความรู้ที่ได้ไปทำอะไรต่อไปที่เป็นรูปธรรม?" 

          ก็ขอฝากการบ้านให้น้อง ๆ ทุกคนไปคิดต่อและส่งคำตอบมาแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นี่นะครับ
                                                  จีระ หงส์ลดารมภ์  

....................................................................................................... 

22 ตุลาคม 2550

            สวัสดีครับชาว Blog และน้อง ๆ เทพศิรินทร์ ทุกคน   ผมขอแสดงความยินดีสำหรับนักเรียนเทพศิรินทร์รุ่น 9 ที่มีโอกาสมาร่วม กิจกรรมค่ายเยาวชนเทพศิรินทร์ หรือ Knowledge Camping ครับ  สำหรับการจัด Knowledge Camping นั้น จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และสำหรับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 9 จัดขึ้นในวันที่ 22-25 ตุลาคม 2550 นี้   ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ และ โรงเรียนเทพศิรินทร์ เชียงใหม่ ครับ

         ผมอยากให้น้อง ๆ นึกให้ดีว่า KC คืออะไร เกิดมาได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไรส่วนประเด็นสำคัญที่ผมอยากฝากไว้สำหรับ Knowledge  Camping คือ     การเรียนแบบ Informal แต่จะช่วยให้การเรียนแบบ Formal ง่ายขึ้น  และจุดที่สำคัญที่สุด คือ

·        จะเรียนเพื่ออะไร

·        เรียนไปแล้วจะทำอะไรให้เป็นคนไม่รกโลก  ในอนาคต

·       เมื่ออายุ 50 จะมีความรู้อยู่รอดหรือไม่และเมื่อได้ความคิดครั้งนี้แล้ว

·       ไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง

·       ไปเล่าให้พี่น้องฟัง

·       ไปแลกเปลี่ยนกับเพื่อนว่าได้พบอะไร และปรับพฤติกรรมของตัวเองให้ดีกว่าเดิม  

และเช่นทุกครั้งครับ เพื่อเป็นการเปิดชุมชนของการแลกเปลี่ยนความรู้ ผมจึงได้เปิด Blog นี้ขึ้น และเชิญชวนให้น้อง ๆ ทุกคน เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นใน Blog นี้ครับ                                         

                                               จีระ  หงส์ลดารมภ์

 

คำสำคัญ (Tags): #knowledge camping
หมายเลขบันทึก: 141948เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2007 00:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 09:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
สุภาพบุรุษเทพศิรินทร์
   กราบเรียนพี่จิระที่เคารพ  กระผมเป็นเด็กที่พึ่งผ่านค่าย knownledge  camping ครั้งที่9 มานะครับ ในวันนี้กระผมได้มีโอกาสมาพบบลอกค่ายของเรา  จึงอยากจะมาขอบคุณพี่สมาคมนักเรียนเก่าทุกท่านที่ได้ทำค่ายดีๆให้กับเรา กระผมมีความเห็นตรงกับพี่ที่ว่าการพัฒนาคนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  ค่ายนี้ได้ทำให้ผมได้แง่คิดที่ตนไม่เคยคิดมาก่อนในหลายๆด้าน  1.อนาคตอีก10ปีข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรและเราจะหาช่องทางในการหาโอกาสวิเคราห์จุดแข็งและจุดอ่อน 2.กิจกรรมวิเคราะห์หนัง  และ หนังสือ  ทำให้ผมได้คิดว่าในหนังมันมีมุมต่างๆให้เราศึกษา และมองไม่ ใช่เหมือนกับที่ในสังคมเรามองแต่การต่อสู้ ความรักฯลฯ ที่โฆสนาบอกเราแต่ในหนังสอนอะไรเรามากกว่านั้น  ผมว่าผมคงดูหนังเป็นมากขึ้น 3.เรื่องสุดท้ายที่ผมชอบคือการวางแผนกิจกรรมต่างต่างๆที่พี่ๆได้วางขึ้นนั้นทำให้ผมรู้ว่าค่ายๆหนึ่งสามารถพัฒนาวิสัยทัสคนได้จริงๆถ้าเมื่อไหร่ผมทำค่ายได้ระดับนี้บ้างก็จะมาเล่าให้พี่ๆและเพื่อนๆชาวบลอกฟังนะครับ  สุดท้ายนี้ขอให้พี่ยึดในอุดมการณ์ที่อยากจะพัฒนาคนให้ทั้งประเทศ โดยเฉพาะเทพศิรินทร์จนกว่าจะสำเร็จนะครับมีอะไรให้น้องคนนี้ได้มีโอกาสทำสิ่งดีๆเช่นพี่ๆบ้างผมจะทำโดยไม่รั้งรอเลยครับ 
19 พฤศจิกายน 2550

          สวัสดีครับชาว Blog และน้อง ๆ เทพศิรินทร์โดยเฉพาะชาว Knowledge Camping รุ่นที่ 9 เมื่อวันก่อนพี่จีระได้พบกับน้อง ๆ เทพนนท์หลายคนและถูกทวงถามเรื่องการบ้าน วันนี้พี่จีระก็เลยขอฝากการบ้านเอาไว้ 2 ข้อ ข้อแรกคือ "การเข้าร่วมเรียนรู้ในโครงการ Knowledge Camping รุ่นที่ 9 นี้ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?" และข้อที่ 2 คือ "หลังจากจบโครงการไปแล้วแต่ละคนจะนำความรู้ที่ได้ไปทำอะไรต่อไปที่เป็นรูปธรรม?" 

          ก็ขอฝากการบ้านให้น้อง ๆ ทุกคนไปคิดต่อและส่งคำตอบมาแลกเปลี่ยนความรู้กันที่นี่นะครับ
                                       จีระ หงส์ลดารมภ์  
     สวัสดีค่ะพี่จีระ หนูขอตอบข้อแรกก่อนนะค่ะ สำหรับข้อที่สอง จะเข้ามาตอบอีกครั้งค่ะ จากการไปค่าย Knowledge ครั้งนี้ ช่วยปลูกฝังให้ตัวของหนูเองมีเลือดเขียวเหลืองที่มากขึ้นกว่าเดิม ในค่ายแห่งนี้ สอนให้หนูมองออกไปยังอนาคต ไม่ใช่มองเพียงวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ได้รับมาจากค่ายนั้น มีค่ายิ่งกว่าการอ่านหนังสือหรือเรียนเพียงแค่ในตำราเรียนเพียงอย่างเดียว ค่ายแห่งนี้ได้มอบสิ่งที่หนูไม่เคยได้รับจากในโรงเรียน แม้ว่าจะเป็นการเรียนเหมือนกันก็ตาม ค่ายแห่งนี้ได้สร้างคนให้เป็นคนที่มีคุณค่าทางสังคมมีคุณค่าต่อส่วนรวม โดยที่ไม่เห็นแต่ตนเองเพียงอย่างเดียว การที่จะเป็นผู้นำได้นั้น ตัวเราควรจะนำตัวเราเองให้ได้ดีเสียก่อน และพึ่งระลึกไว้ว่า เราโง่อยู่เสมอ ต่อให้เราเรียนจนจบปริญญาเอกหรือดอกเตอร์แล้วก็ตาม เราก็ยังไม่ฉลาดอยู่ดี เพราะมันก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้ เราจึงควรจะศึกษาหาความรู้ตลอดไปจนกว่าจะหมดซึ่งลมหายใจของเรา
การไปเข้าค่ายครั้งนี้เป็นค่ายที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก  และยังได้ประโยชน์มากมาย  การได้รับประโยชน์นี้ที่เห็นว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นการที่ได้มีโอกาสได้พบกับท่านผู้ทรงวัยวุฒิและคุณวุฒิหลายท่านที่ได้นำประสบการณ์และแนวคิดในหลายๆด้านมาถ่ายทอดให้เราได้รับรู้และได้มีโอกาสคิดตามไปด้วย  รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้สามารถซักถามได้โดยตรงทำให้แม้เป็นเรื่องยากก็สามารถเข้าใจได้  จึงสามารถนำแนวคิดและความรู้ต่างๆที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก  เพราะความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้  ไม่ใช่เพียงความรู้ที่เป็นวิชาการเท่านั้น  แต่ยังเป็นความรู้ที่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอีกด้วย                   ค่ายนี้สอนให้คนเป็นคนมากขึ้น  ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของการใช้ชีวิต  และเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย  หลังจากการเข้าค่ายนี้แล้ว  ทำให้มีความคิดหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไป  จากการที่ในแต่ละวันจะใช้ชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง  ก็เริ่มคิดที่จะอยู่เพื่อสังคมและสถาบัน  ได้เริ่มคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคม  สอนให้รู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของตัวเอง  และการใช้คุณธรรมในการดำเนินชีวิต 

                นอกจากนี้ยังสอนถึงวิธีการอยู่ร่วมกันในสังคม  การทำงานร่วมกันและการอยู่เป็นหมู่คณะ  ซึ่งก็นับเป็นประสบการณ์ที่มีค่าเช่นกัน  ได้รู้ถึงปัญหาในการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก  ได้รู้จักการประนีประนอมเพื่อให้อยู่กันได้อย่างเป็นสุข  และได้รู้จักการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น  ไม่ยึดตัวเองเป็นหลัก  ซึ้งก็เป็นพื้นฐานที่ดีในการออกไปสู่สังคมเช่นกัน   

              สุดท้ายนี้หนูขอขอบคุณรุ่นพี่ทุกๆท่านที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้มีโอกาสรับประสบการณ์ที่ล้ำค่าเช่นนี้  และหนูก็เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนก็คงคิดอย่างที่หนูคิด  พวกหนูจะไม่ทำให้สิ่งที่พี่ๆทุกคนมอบให้ต้องสูญเปล่า  และจะทำอย่างเต็มที่ในการพัฒนาสังคมและสถาบันเท่าที่กำลังของพวกหนูจะทำได้   สำหรับในข้อที่ 2  เมื่อไหร่ที่เราทำสำเร็จพวกหนูจะตอบพี่อีกทีนะค่ะ..... ด้วยความเคารพ

สวัสดีน้อง ๆ ชาวเขียวเหลืองที่รัก            
          พี่จีระมีโอกาสได้ไปเชียร์ฟุตบอลจตุรมิตร ครั้งที่ 24 ที่ผ่านมา ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้จัดการทีมฯ และเป็นรุ่นพี่ พี่จีระรู้สึกภูมิใจมากที่เทพศิรินทร์ของเราชนะสวนกุหลาบ 1-0 ถึง 2 ครั้ง ไม่ทราบว่าพวกเราชาว Knowledge Camping รุ่นที่ 9 มีใครได้ไปดูบ้าง พี่จีระอยากพวกเรามาเล่าบรรยากาศและความรู้สึกกันที่นี่ด้วย           
          พี่จีระมีโอกาสได้เขียนบทความเรื่องจตุรมิตรด้วยก็เลยอยากจะฝากไว้ให้ทุกคนได้นำไปคิดกันต่อไป
จตุรมิตรถวายเพื่อพ่อ           
ช่วงนี้บรรดาศิษย์ 4 โรงเรียน คือ โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ต่างไปร่วมเชียร์การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคีกันอย่างสนุกสนาน ในวันเปิดมี ฯพณฯ พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี มาเป็นประธานในพิธีด้วย ในฐานะที่ผมเป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นผู้จัดการทีมโรงเรียนเทพศิรินทร์ด้วยจึงได้ไปร่วมงานโดยตลอด  ได้เห็นความสามัคคีและความมีระเบียบวินัยของทั้ง 4 โรงเรียน ปีนี้เป็นปีสำคัญเพราะถ้าเยาวชนของทั้ง 4 โรงเรียนปลูกฝังเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกันอย่างจริงจังก็จะทำให้โรงเรียนทั้ง 4 แห่งช่วยสร้างให้สังคมไทยมีความพอเพียงและสมดุลได้ต่อไป             ในพิธีเปิดการแข่งขันมีขบวนพาเหรดของนักเรียนปัจจุบันซึ่งนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวฯ ได้อย่างสมพระเกียรติ ผมยังคิดดัง ๆ ว่าการแข่งขันฟุตบอลจัดมาแล้วเป็นครั้งที่ 24 ถ้าจะนับก็กว่า 30 ปีแล้ว แต่ยุคนี้ควรจะมีจตุรมิตรวิชาการด้วยเพื่อช่วยเตือนสติสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย    ประชาธิปไตย     วิทยาศาสตร์      ธุรกิจ     พลังงาน     รวมทั้งการอยู่รอดในยุคโลกาภิวัตน์ บุคลากรของแต่ละโรงเรียนก็ทำหน้าที่ได้ดีและรับใช้ประเทศชาติมาโดยตลอด วันนี้อาจจะถึงเวลาที่จะช่วยกันสร้างความรู้ให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวโดยการผนึกกำลังกันระหว่างศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันทางด้านวิชาการจตุรมิตร           
ผมเขียนเรื่องน้ำมันครั้งที่แล้วว่าปี 2508 จะมีราคาเฉลี่ยที่ $105 ต่อบาเรล ก็น่าจะคาดการณ์ได้ว่าตลอดปี 2008 ราคาของน้ำมันเบนซิน 95 ก็คงจะไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร แต่หากมองไปถึงปี 2015 อาจจะขึ้นไปถึง $240 ต่อบาเรล ซึ่งแปลว่าอีก 7 ปีข้างหน้าคนไทยจะต้องใช้น้ำมันอย่างประหยัดเพราะราคาน้ำมันจะขึ้นถึงลิตรละ 70 บาท           
ในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ดีที่คนไทยจะต้องสนใจ
§       เรื่องการประหยัด
§       รถที่สามารถใช้แก๊สโซฮอลล์คงจะเร่งใช้
§       เรื่องการปรับเครื่องยนต์เป็น NGV หรือ LPG ก็น่าจะทำอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ทำออกมาใหม่ก็น่าจะเป็นเครื่องที่ใช้ NGV ได้
§       เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น ไม่น่าจะถกเถียงกันว่าจะดีหรือไม่ดี มีแต่ว่าจะสร้างได้เร็วแค่ไหน เพราะ EGAT ผลิตไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันกว่า 60%
§       เรื่องนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นให้เอกชนใช้พลังงานทดแทน ผมได้คุยกับ อบต. อบจ. หลาย ๆ แห่งว่าจะต้องจับมือกัน ท่านอธิบดีฯ สมพร ใช้บางยางอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีโครงการร่วมมือกับ Africa เรื่องพลังงานทดแทนด้วย
§       มีโครงการหนึ่งในขณะนี้ทำอยู่ที่ประจวบฯ เป็นการปลูกไม้โตเร็ว เช่น กระถินเพทาซึ่งนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า  สำหรับในภาคอีสานก็สามารถปลูกต้นกระถินเพทาได้เพราะปลูกขึ้นได้ในที่แห้งแล้ง และใช้เวลาแค่ 10 เดือนก็สามารถตัดมาทำเชื้อเพลิงได้     
ผมมีเรื่องน่าสนใจ ฝากไว้ให้ผู้อ่านไปคิดต่ออีกสัก 3 – 4 เรื่อง           
เรื่องแรก คือ เรื่องเกี่ยวกับองค์กรอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศ คือบรูไน  มาเลเซีย อินโดนีเซีย  ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สิงคโปร์ พม่า ลาว กัมพูชา และไทย ซึ่งก่อตั้งมา 40 ปีแล้ว  การทำงานของผมก็มีโอกาสได้ไปร่วมงานหลายครั้ง มีผลงานที่ผมได้ทิ้งไว้ก็คือ มีส่วนร่วมในการจัดตั้ง ASEAN – EU  Management  Center ที่  บรูไน  ซึ่ง EU  ได้ร่วมกับ ASEAN ทำงานทางด้านการพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการสำหรับข้าราชการ และนักธุรกิจใน ASEAN เพื่อพัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้น แต่ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าสังเกตว่าความร่วมมือกันระหว่างประเทศสมาชิกของอาเซียนทั้ง 10 ประเทศยังไม่ก้าวหน้า และยังหุ้นส่วนกันได้ไม่ดีนัก  ในขณะที่โลกภายนอกมองว่า ASEAN ยังไม่มีความเป็นหนึ่งเดียว การประชุม Summit ที่ Singapore อาทิตย์ที่แล้วมีการเพิ่มเรื่อง  ASEAN  Charter หรือกฎบัตรอาเซียน เป็นกติกาที่จะทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนร่วมมือกันอย่างจริงจังมากขึ้นทั้งเรื่องคน เรื่องสังคม และเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ ดร.สุรินทร์  พิศสุวรรณ ซึ่งอดีตเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ของไทยจะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการ  ASEAN คนต่อไป และได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าฟัง 2 เรื่อง คือ
§       ASEAN ต้องเร่งลดช่องว่างและความแตกต่างของรายได้ ระหว่าง 10 ประเทศให้น้อยลง
§       ASEAN ต้องให้ประชาชนของประเทศร่วมมือกันมากขึ้นผมจึงอยากจะขอร้องให้กระทรวงต่างประเทศของไทย สนใจที่จะกระจายข้อมูลเกี่ยวกับ ASEAN ให้ประชาชนได้รับทราบในมุมที่กว้างขึ้น เรื่องระหว่างประเทศมีประเด็นที่น่าสนใจ ที่จะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ก็คือ คนไทย อาจจะเบื่อการเมืองและนักการเมือง แต่พรรคการเมืองที่เก่าแก่ ไม่ใช้เงินมากมาย ไม่มีนักธุรกิจหนุนหลัง อยู่มากว่า 70 ปี ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันได้ผลิตอดีตนักการเมืองของพรรคไปเป็นผู้นำระดับโลก 2 คนแล้ว คือ
§       ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์       เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา       หรือ อังก์ถัด (UNCTAD)
§       ดร.สุรินทร์  พิศสุวรรณ     เลขาธิการคนใหม่ของสมาคมอาเซียน
หากไม่มีพรรคการเมืองที่เก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์  ก็อาจจะไม่มีบุคลากรที่จะทำหน้าที่ได้เป็นผู้แทนของไทยในระดับนานาชาติ ท่าน ก็คงจะต้องคิดให้ดีว่าประชาธิปไตย ในเมืองไทยจะอยู่อย่างไร ถ้ามีแต่พรรคเฉพาะกิจหรือพรรคที่มีเป้าหมายเพื่อดูแลครอบครัวและ   ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่ผมพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมเชียร์พรรคประชาธิปัตย์  เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีทั้งจุดแข็งและมีจุดอ่อน แต่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน คือ พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันที่เก่าแก่และได้สร้างทรัพยากรมนุษย์ระดับโลกได้ดี
ผมยังมีอีก 2 เรื่องสำหรับท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หรือผู้ที่สนใจเรื่องทรัพยากรมนุษย์คงทราบว่า ปัจจุบันมีองค์กรหลายแห่งและหลายสาขาเริ่มให้ผมเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ให้ได้ผลอย่างจริงจัง
เรื่องแรก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ  (องค์การมหาชน)  ซึ่งเป็นองค์กรอิสระของกระทรวงพาณิชย์ ได้เชิญผมไปร่วมงานประกาศผลตัดสินโครงการประกวดออกแบบเครื่องประดับ “Rhythm & Colors” ซึ่งผมภูมิใจมาก ไทยจะเก่งได้ ต้องเน้นเรื่องการพึ่ง Brand ของตัวเอง อย่างเช่น เรื่องอัญมณีและเครื่องประดับจะเด่นขึ้นได้ ถ้ามีการออกแบบที่ดีก็จะช่วยให้มูลค่าเพิ่มเป็น 2- 3 แสนล้าน    ทุกวันนี้สถาบันฯ มีหลักสูตรการออกแบบซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  ผมมีโอกาสได้รู้จักนักออกแบบหลายคนที่แม้จะเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ก็มีพรสวรรค์ในการออกแบบมาก และหากได้เรียนรู้จากหลักสูตรที่ดีก็จะมีโอกาสไปไกล           
สุดท้าย รายการคิดเป็น...ก้าวเป็น กับ ดร.จีระ  ซึ่งจะออกอากาศทาง True Visions 28 ในวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา 22.00 – 22.50 น. ผมได้สัมภาษณ์   Mr. Collin McDowell  ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวแฟชั่นอาวุโสของหนังสือพิมพ์ระดับโลก อาทิ ซันเดย์ ไทมส์ของอังกฤษ และยังได้เชิญคุณศิริลักษณ์  ไม้ไทย รองกรรมการผู้จัดการ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ มาร่วมด้วย ผมชอบที่คุณ Collin พูดว่า การจะเป็นนักออกแบบที่สำเร็จระดับโลก จะต้องเน้นวิชาการมาก ๆ ไม่ใช่แค่พรสวรรค์ ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์มีสถาบันอัญมณีแล้ว ทำไมจึงไม่มีสถาบันทำนองเดียวกันที่นอกจากจะเน้นการออกแบบ Fashion แล้วควรจะเน้นในเรื่อง
§       Finance
§       International Trade
§       Branding
§       HR and Strategy           
ซึ่งจะทำให้ ความสำเร็จของ Fashion เป็นเรื่องจริง  ไม่ใช่แค่ความฝันของคนไม่กี่คน                                              
                                           จีระ หงส์ลดารมภ์
สรนันท์ เตี๋ยวบุตร ท.ศ.ร. kcd9

สวัสดีคะ พี่จีระ

หนูขอสรุปทุกอย่างของค่ายนี้เลยนะคะ

มันไม่ง่ายเลยที่จะบอกว่าได้รับสิ่งใดบ้างในค่ายนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถบอกได้ แต่ค่ายนี้ให้เราทุกอย่าง สอนเราทุกอย่าง ความรู้ทางวิชาการนั้นเป็นส่วนหนึ่งของค่ายเท่านั้น ค่ายสอนเราให้รู้จักโลกภายนอก เสมื่อนกับว่า เราได้เปิดกะลาของเราอออีกใบ สอนให้เราได้คิด ได้พูด กล้าที่จะมีความคิดที่แกต่าง กล้าที่จะออกนอกกรอบ แต่ในการออกนอกกรอบนั้นมันก็ต้องทำตามเงื่อนไข กฏระเบียบของสิ่งที่เราจะเผชิญกับมันด้วย เราสามารถทำตามเงื่อนไขได้โดยงานที่ออกมานั้นสามารถเป็นงานที่ออกมาแล้วมีประสิทธิภาพ สอนเราให้แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ รู้จักควบคุมอารมณ์ การวางแผน สอนให้เราสนใจเรื่องราวของโลกว่า โลกได้เดินปถึงไหนแล้ว ทำให้เราเป็นนักอ่านมากขึ้น สอนให้เรารู้จักคำว่าระเบียบ ความรับผิดชอบ สิ่งไหนผิดก็ยอมรับผิด สิ่งไหนที่ดีแล้วก็ต้องทำให้ดีว่าครวาแรก และทุกทำให้ดีกว่าครั้งต่อๆไป สอนให้เรารู้จักคำว่ามิตรภาพ ความรักที่มีต่อสถาบัน ต่อเพื่อน ต่อพี่ และทุกๆคน รู้จักคำว่าสมาคคี และค่ายสอนเรทุกอย่าง ถ้าข้านพเจ้าจะเล่าต่อไปเกรงว่า กระทู้นี้จะยาวเกินไป ทำให้พี่จีระเบื่อ  ค่ายนี้อาจจะถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของลูกผู้หญิงที่ได้รับเกียรติ เป็นลูกแม่รำเพย ที่มีโอกาสทำหลยๆสิ่งที่ถือว่าเป็นครั้งแรก ทำให้ผู้หญิงคนนี้ กำจัดคำว่า "ไม่เอาอะ ไม่กล้า กลัว ไม่ไป " ออกไปจากชีวิต

      และสิ่งที่ข้าพเจ้าจะนำสิ่งที่ข้าพเจ้าได้มานี้ ข้าพเจ้าจะเปิดชมรม Knowledge เพื่อพัฒนาศักยภาพของรุ่นน้อ ก่อนที่จะเข้าค่าย เพราะข้าพเจ้าเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า สมาชิกบางคน ไม่สนใจที่จะออกความคิดเห็น หรือไม่กล้าออกความคิดเห็น หรือคิดอย่างใดก็อย่างนั้น สรุปว่า ข้าพเจ้าอยากให้รุ่นน้องที่จะเข้าค่ายนั้น ต้องเป็นคนที่คิดเป็น มีความคิดที่แตกต่าง ไม่ยึดติดกับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าหวังว่าค่าย Knowledge Camping ครั้งที่ 10 ข้าพเจ้าจะได้ฟังรุ่นน้องเล่าถึงความสามารถ ของตนที่ได้กระทำในค่าย ข้าพเจ้าอยากให้พี่จีระช่วยประเมินศักนภาพของเด็กเทพศิรินทร์(ทุกเทพ) ในค่ายครั้งที่ 10 ว่า มีศักยภาพมากกขึ้นหรือไม่ เพราะข้าพเจ้าจะรอคำตอบนะคะ

ขอบคุณคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท