เดือนแห่งความสับสน.....บันทึกของครูน้อยในเดือนที่สอง ตุลาคม 2550
สวัสดีค่ะ ครูใหญ่
ขออภัยที่ส่งงานช้าค่ะสำหรับเดือนนี้ เหตุเกิดตามชื่อหัวข้อเลยค่ะ เดือนแห่งความสับสนอย่างแท้จริง สับสนเรื่องเรียน เรื่องการทำวิจัย เรื่องการแบ่งเวลา เรื่องการเอาตัวรอด และอื่นๆ (ผู้ที่เข้ามาอ่านท่านใดอยากรู้ที่มาที่ไปหรือว่าครูใหญ่และครูน้อยเป็นใคร ต้องไปอ่านบันทึกหมายเลข 0 ก่อนเลยนะคะ)
เข้าสู่เดือนที่สองของการศึกษาปริญญาเอกแล้วล่ะค่ะ ชีวิตบางด้านเริ่มปรับตัวได้ แต่บางด้านเริ่มดิ่งเหวแล้วค่ะ... อ้าว... ไหงงั้นล่ะ... ครูใหญ่อย่าเพิ่งกังวลนะคะ หนูขี้บ่นแต่ก็ไม่เคยเหลวไหลค่ะ คือมีความตั้งใจดีเสมอค่ะ แต่ส่วนตั้งใจแล้วจะเรียนรอดหรือไม่รอดเนี่ย ก็ต้องดูกันต่อไป (แหะ แหะ ออกตัวไว้ก่อนเลยนะคะ)
เดือนนี้ ขอแบ่งหัวข้อดังนี้ค่ะ
- Term paper ของวิชา Marketing Strategy
-
ชีวิตที่สับสนในสมดุลย์ระหว่างการเรียนกับงานวิจัย
เริ่มกันเลยนะคะ
1. Term paper ของวิชา Marketing Strategy
จากที่ค้างไว้ในบันทึกเดือนที่แล้ว ได้ไปคุยกับอาจารย์เจ้าของวิชาแล้วล่ะค่ะ ตกลงกันได้ว่าเป็นหัวข้อเกี่ยวกับการถ่ายทอด tacit knowledge ในองค์กรที่มีลักษณะการดำเนินการแบบ market-driven organization ค่ะ คงจะเป็นการเขียนบทความในรูปแบบเพื่อเสนอตีพิมพ์ค่ะ (ที่นี่จะกำหนดให้เขียนบทความวิจัยหรือวิเคราะห์ในลักษณะนี้เท่านั้น)
ครูน้อยเลือกเขียนแบบทฤษฎีเปรียบเทียบ ไม่ใช่แบบ empirical studyเพราะดูจากเวลาและเนื้อหาแล้ว คงจะทำแบบหลังไม่ทันค่ะ ส่วนรายละเอียดขอเป็นเดือนหน้ามารายงานเพิ่มเติมนะคะ อาจารย์เจ้าของวิชาเป็นหัวหน้าภาควิชาการตลาด และเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัยต่างๆ ที่นี่ ซึ่งท่านมีงานบริหารต่างๆ ยุ่งวุ่นวายมาก แต่ก็ยังเจียดเวลามาช่วยครูน้อยดูรายละเอียดของรายงาน และยินดีช่วยดูเนื้อหาต่างๆ ให้ก่อนส่งงานขั้นสุดท้ายด้วย เนื่องจากครูน้อยเรียนท่านว่า ยังไม่เคยเขียนบทความเพื่อส่งตีพิมพ์มาก่อนในชีวิต หลังจากท่านกุมขมับไปสองวินาที ท่านก็บอกให้ครูน้อยไปทำสรุปประเด็นเนื้อหาที่จะใส่ในรายงานมาเสนออีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านจะแนะนำวิธีการขยายความจากประเด็นสรุปให้เป็นบทความ ท่านบอกว่านักศึกษาของภาควิชาการตลาดจะได้ลงทะเบียนเรียนวิชาพื้นฐานตัวอื่นซึ่งจะฝึกการเขียนบทความลักษณะนี้ แต่นักศึกษาจากภาควิชาอื่น (ซึ่งก็มีครูน้อยอยู่คนเดียวเนี่ยแหละ) จะไม่ได้ลงเรียน ดังนั้น ท่านจะช่วยสอนครูน้อยในวิธีการเขียนบทความดังกล่าวเอง
ครูน้อยประทับใจมากกับหัวใจความเป็นครูของท่าน เลยอยากขออนุญาตนำบันทึกบทสนทนาช่วงสุดท้ายแบบแปลเป็นไทยแล้วมาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (ขออนุญาตครูใหญ่ตรงนี้เลยนะคะ หนูแอบเขียนนอกเรื่อง KM อีกแล้ว)
สถานที่: ห้องทำงานของ Professor Roger Calantone
หลังจากครูน้อยขอคำปรึกษาเรื่องหัวข้อและนำเสนอโครงสร้างของรายงาน และอาจารย์ได้แก้ไขให้แล้ว ก็เตรียมตัวลากลับ
อาจารย์: หากมีคำถามก็ให้ถามได้ทันที ไม่ต้องรู้สึกอายหรือเสียหน้าในการขอคำปรึกษาจากอาจารย์
ครูน้อย: จริงๆ แล้ว ไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ แต่จะรู้สึกเกรงใจไม่อยากจะรบกวนเวลาอาจารย์มากกว่า
อาจารย์: การจัดสรรเวลาเป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่จะต้องจัดการ ถ้าหากอาจารย์อายุขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่สามารถจัดสรรเวลาให้แก่นักศึกษาได้ ก็เป็นปัญหาของอาจารย์ที่จะต้องหาทางแก้ไข แต่วิธีที่คุณขอนัดหมายเวลามาล่วงหน้านั้น เป็นวิธีที่ถูกต้องอยู่แล้ว ขอให้ทำต่อไป อาจารย์ไม่เคยคิดว่าการที่คุณมาขอคำปรึกษาเป็นการรบกวนแต่อย่างใด
(ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์ ครูน้อยโชคดีจริงๆ ในชีวิตมักจะได้เจอกับคุณครูหรืออาจารย์ที่มีหัวใจความเป็นครูเสมอๆ ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนๆ ก็ตาม ทำให้ได้แบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตและการทำงานตลอดมาค่ะ)
2. ชีวิตที่สับสนในสมดุลย์ระหว่างการเรียนกับงานวิจัย
ที่มาที่ไปก็สืบเนื่องจากมีอาจารย์ท่านหนึ่งได้เรียกครูน้อยไปพูดคุยค่ะ และขอให้ครูน้อยเริ่มไปขอทำงานวิจัยกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ได้แล้ว (แบบกึ่งบังคับและไม่จ่ายค่าจ้าง) ซึ่งครูน้อยก็ได้แจ้งไปว่า ตามความประสงค์ของทางเจ้าของทุนและของตนเองนั้น ครูน้อยก็ยินดีที่จะช่วยอาจารย์ทำงานวิจัยอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มความรู้พื้นฐานในการทำวิจัยและสร้างความสัมพันธ์อันดี แต่อยากจะทำในสาขาที่เกี่ยวข้องหรือต่อยอดไปในทาง KM ได้ซึ่งก็ได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาไว้บ้างแล้ว นอกจากนั้น ในเทอมนี้ครูน้อยลงเรียนวิชาซึ่งเป็นที่โจษขานว่ายากที่สุด หินที่สุดของการเรียนที่นี่ ครูน้อยเองก็ยังมีปัญหากับการติดตามเนื้อหาการเรียนให้ทันอยู่ (แถมยังได้คะแนนสอบกลางภาคในระดับย่ำแย่) เพราะฉะนั้น ก็อยากจะเริ่มช่วยอาจารย์ท่านอื่นๆ ทำในเทอมถัดไป
อย่างไรก็ดี อาจารย์ท่านนี้ก็ได้ไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาของครูน้อย และอาจารย์ที่ปรึกษาก็ได้แจ้งว่าอยากให้ครูน้อยเริ่มช่วย (อาจารย์ท่านไหนก็ได้ ในหัวข้อไหนก็ได้) ทำวิจัย ณ เวลานี้เลย อันนี้ล่ะค่ะที่ทำให้ชีวิตของครูน้อยเริ่มใกล้จะดิ่งเหวแล้ว จากปริมาณงานที่เห็นลาง(ร้าย)อยู่รำไร แล้วเราจะรอดไหมเนี่ยในเทอมนี้... 555 (หัวเราะปลอบใจตัวเองนะคะ อย่านึกว่าบ้าไปแล้ว)
จบแล้วค่ะ สำหรับ blog เดือนที่สองนี้ ขอแบบสั้นๆ เพราะเนื้อหาเกี่ยวกับ KM ส่วนใหญ่จะอยู่ใน term paper ที่กำลังจะทำ เลยอยากรอให้ทำเสร็จก่อนแล้วค่อยเขียนเล่าสู่กันฟังค่ะ ช่วงต้นเดือนหน้ามีกำหนดการส่งรายงานใหญ่ 2 ฉบับ มี presentation สำหรับ journal articles สองครั้งและมีสอบไล่ปลายภาคอีกสองวิชา คงสนุกน่าดูค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเขียนบันทึกของเดือนหน้าได้ตรงตามกำหนดเวลา สวัสดีครูใหญ่อีกครั้งนะคะ เจอกันเดือนหน้าเช่นเคยค่ะ
หมายเหตุ เผื่อมีท่านใดอ่านแล้วเป็นห่วงครูน้อยขึ้นมา ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ ชีวิตด้านอื่นๆ ครูน้อยแฮ้ปปี้มากค่ะ ได้เจอเพื่อนดีๆ หลายคนที่คอยให้ความช่วยเหลือ อาจารย์ผู้สอนในเทอมนี้ก็สอนดีและใจดีค่ะ ห่วงเรื่องเดียวคือเรื่องผลการเรียน กับเรื่องที่บ่นไปข้างต้นนั่นแหละค่ะ นอกนั้นมีความสุขดีทุกด้านค่ะ