คงเป็นเช่นนั้นครับ..
“เพลี้ยแป้ง”
ผู้อยู่เบื้องหลังความเสียหาย(วายร้ายจอมแอบซ่อน..เสียหาย..แต่ไม่ทราบว่าฝีมือใคร)
ได้ความรู้เยอะเลย..แต่ว่ายาฆ่าแมลงที่เป็นแบบธรรมชาติเนี่ย..ทำยากจัง..ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ตอนนี้ หยั่ง..เงินเต็มบ้าน นางกวัก โดน..ไม่แน่ใจว่าเรียกเพลี้ยรึเปล่านะคะ..สีขาว ๆ แบน ๆ เหมือนกับว่ามันโดนดูดน้ำหล่อเลี้ยงรึเปล่า..ตายหมดเลยค่ะ..ถ้าเราไม่อยากใช้ยาฆ่าแมลงแบบปฏิชีวนะ..อยากใช้แบบธรรมชาติ (แต่ทำง่าย ๆ หน่อยนะคะ) ทำยังงัยได้บ้างอยากรู้จริง ๆ ค่ะ
สวัสดีครับ คุณ OOHOOH
นอกจากช่างสังเกตุแล้วยังชอบต้นไม้ใบหญ้าอีกเนาะ..
ถ้าอยู่ใกล้เกษตร(อยู่)จังหวัดจะไปดูแลต้นไม้ให้หรอก..ชอบต้นไม้เหมือนกันนิ
แต่อย่างอื่นไม่ใช่แฟนคงทำแทนไม่ได้เนาะ..เจ้าเพลี้ยแป้งนี่ตัวสำคัญ กินข้าวตายเป็นพัน ๆไร่ เกษตรกรก็ยังดูไม่ค่อยออกว่าเป็นอะไร ก็เลยป้องกันกำจัดไม่ถูกวิธี ไม่หาย...
เอาเป็นว่าทุกวันนี้มีสารชีวภันฑ์สำเร็จรูปจำหน่ายแล้ว อย่างถ้าเป็นเพลี้ยก็สามารถซื้อสารสะเดาที่เป็นน้ำมาฉีดพ่นได้เลย แต่ต้องผสมสารแอ๊ปซ่า 80 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วยครับ
ยินดีให้คำปรึกษาด้านต้นไม้ใบหญ้าครับ
เคยเห็นที่ดอยแม่ฟ้าหลวง เขาเพาะขยายพันธุ์แตนเบียน ทำให้การปลูกพืชผักไม่ใช้สารเคมี นี่ สุดยอด
เมื่อเป็นเด็กเคยบี้รัง "หมาร่า" ทุกครั้งที่เจอ แต่เด๋วนี้ต้องบอกลูกว่าอย่าทำอะไรมันนะ มันสร้างประโยชน์ให้เรา ช่วยจับหนอนผีเสื้อไปขังไว้ ดูสิมันจับมาอีกแล้ว....
สวัสดีค่ะ กำลังสนใจเรื่องเกี่ยวกับเกษตรเลยตามมาดูค่ะก็ได้ความรู้เยอะเลย
สวัสดีค่ะคุณเกษตรฯ
เสียดายค่ะไม่มีภาพเพลี้ยแป้งให้ดู คือไม่แน่ใจว่าหน้าตาเป็นอย่างไรค่ะ ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ และทำให้รู้เพิ่มเติมด้วยว่ามดนั่นเองเป็นตัวพาหะ
ขอบคุณค่ะ
ได้ความรู้เพิ่งตั้งเยอะเลยค่ะ......ขอบคุณมกนะคะ......ความรู้ไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียนจริงๆค่ะ
ตามมาขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมครับ
ส่วนคำตอบ ผักหวาป่าน เป็นคำตอบที่ ... ที่....ท่องตูก ครับ ตามไปรับรางัวลนะครับ
คงเป็นเช่นนั้นครับ..
ความรู้...เป็นของคนที่ไฝ่รู้..
โอกาส..เป็นของคนที่แสวงหา..
เมื่อโอกาสมาถึง...ขอให้ทำดีที่สุด...ไม่ต้องมาเสียดายที่ไม่ได้ทำ...น้องข้าวฟ่างทำได้...เป็นกำลังใจจ้า
สวัสดีค่ะ
แต่อยากรู้จัก น่ะค่ะ
มาแอบดูเกษตรหนีจากจังหวัดไปอยู่กับเพลี้ยแป้ง เวลามาสุพรรณเอามาแต่แป้งนะครับ เพลี้ยมาเอาไปสุพรรณ..อิอิ ให้สุขภาพแข็งแรงครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาดูความร้ายกาจของเพลี้ยแป้ง
อยู่หนองคายในตัวเมืองใช่ไหมคะ พอดีนุ้ยก็มีคนรู้จักอยู่หนองคายเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านมานานแล้ว ว่างๆต้องหาเวลาไปซะหน่อย
ขอบคุณค่ะ
ได้ความรู้มากมายเลยครับ
ขอบคุณท่านมากที่ท่านได้มาเยี่ยมชมผลงานของดิฉัน
และขอให้ท่านชวนเพื่อนมาชมผลงานของดิฉันมากๆนะค่ะ
พี่คู่ชื่นชีวันสุดที่รักๆๆ ของน้องใบไม้ คะ
ไหนคะ วายร้าย... เดี๋ยวน้องจะช่วยกำจัด แต่ขออยู่ข้างหลังพี่คู่ชื่นชีวัน เป็นกองหลัง กองหนุน...... นะคะ
คิดถึง มากมาย เช่นกันค่ะ อิ อิ อิ
เด็กหญิงอรวรรณ นิ่มฟัก
ขอบคุณท่านมากที่ท่านได้มาเยี่ยมชมผลงานของดิฉัน
และขอให้ท่านชวนเพื่อนมาชมผลงานของดิฉันมากๆนะค่ะ
สวัสดีครับ
เพลี้ยที่เกาะตามไม้ประดับในอาคารจะจัดการอย่างไรดีครับ
พ่นยาฆ่าแมลงจะได้หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
พี่คู่ชื่นชีวันสุดที่รักๆๆ ของน้องใบไม้ คะ
ไหนคะ วายร้าย... เดี๋ยวน้องจะช่วยกำจัด แต่ขออยู่ข้างหลังพี่คู่ชื่นชีวัน เป็นกองหลัง กองหนุน...... นะคะ
คิดถึง มากมาย เช่นกันค่ะ อิ อิ อิ
ลุงปรีดา เจ้า งานใกล้สำเร็จแล้ว เน้อ ได้ฤกษ์งามยามดี 19 วันพฤหัสบดี มีนาคม เจ้า
ครูใหม่บ้านน้ำจุน
ลุงปรีดา เจ้า งานใกล้สำเร็จแล้ว เน้อ ได้ฤกษ์งามยามดี 19 วันพฤหัสบดี มีนาคม เจ้า
สวัสดีครับ
เพลี้ยที่เกาะตามไม้ประดับในอาคารจะจัดการอย่างไรดีครับ
พ่นยาฆ่าแมลงจะได้หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
สรุปวิเคราะห์ผลการติดตามเพลี้ยแป้ง
1.การระบาดของเพลี้ยแป้ง มีความสัมพันธ์กับความชื้นในดิน บริเวณที่ระบาดเป็นบริเวณความชื้นในดินต่ำทั้งหมด
2.ความแข็งแรงของต้นมันสำปะหลังไม่มีความสัมพันธ์กับการระบาดของเพลี้ยแป้ง
เพราะมันสำปะหลังที่อ่อนแอจากน้ำสารเคมีจากรถขยะเคมีไม่มีการระบาดของเพลี้ยแป้ง แต่มันสำปะหลังที่อ่อนแอจากขาดน้ำเกิดเพลี้ยทั้งหมด
3. การระบาดของเพลี้ยแป้งมีความสัมพันธ์กับความเข้มข้นของน้ำเลี้ยงมันสำปะหลัง เพลี้ยชอบกินน้ำเลี้ยงต้นที่มีความเข้มข้นของน้ำเลี้ยงสูง เมื่อเจือจางน้ำเลี้ยงถึงระดับหนึ่ง เพลี้ยแป้ง ไม่สามารถใช้เป็นอาหารได้(สมมุตติฐาน)
4.การเจือจางน้ำเลี้ยงมันสำปะหลังเป็นการป้องกันตัวเองจากเพลี้ยของมันสำปะหลังที่ได้ผลที่สุด
ปัจจัยที่ทำให้ความเข้มข้นน้ำเลี้ยงมันสำปะหลังสูงขึ้น
1 ดินขาดสารอินทรีย์ สารอินทรีย์ทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดี และดูดซับสารละลายที่มีความเข้มข้นสูงไว้ในตัวเองสูง
2.การใส่ปุ๋ยเคมี และสารเคมี เกลือของ ซัลเฟต ไนเตรด คลอไร มีค่าการละลายสูง ถ้าน้ำมีจำกัด เกลือเหล่านี้จะแย่งน้ำมาใช้ในทำละลายเป็นอันดับแรก
ประการที่2 ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีอินทรีย์ สารเคมีประเภทเกลือซัลเฟต ยังไปเพิ่มความเข้มข้นของสารละลายโดยตรง เพราะเป็นสารที่ละลายน้ำได้มากความเข้มข้นสูง เมื่อมันสำปะหลังดูดสารลายที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไป ทำให้น้ำเลี้ยงมีความเข้มข้นสูงตามไปด้วย
3.การใส่ปุ๋ยคอกที่ยังไม่ผ่านการหมักที่สมบูรณ์ การย่อยสลายของปุ๋ยคอกต้องการน้ำและเกิดความร้อน ยังมีสารพิษด้วย เป็นการแย่งน้ำและเพิ่มความร้อนให้กับดินอีกทางหนึ่ง ความร้อนและสารพิษพอที่จะเป็นอันตรายต่อรากมันสำปะหลังได้ ทำให้ระบบลำเลียงน้ำชำรุดลงด้วย การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีค่าการย่อยสลายที่สมบูรณ์ต่ำก็ส่งผลเช่นเดียวกัน
4. ดินขาดร่มเงาจากใบมันสำปะหลัง ทำให้น้ำในดินระเหยออกไปมาก เป็นผลมาจากมันสำปะหลังไม่สมบูรณ์
การป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งระบาดโดยวิธีลดความเข้มข้นของน้ำเลี้ยงมันสำปะหลัง
1.สร้างระบบเก็บน้ำที่สมดุลและเพียงพอในดิน โดยระบบbuffer (แก้มลิง) แก้มลิงจะต้องเก็บน้ำให้ใช้เพียงพอในแต่ละวัน น้ำที่นำเข้า (input) แก้มลิงในแต่ละวันได้จากน้ำค้างตอนกลางคืนสมดุลกับน้ำที่สูญเสีย(Out put)ในแต่ละวัน
การคำนวณการสร้างแก้มลิงจาก ค่าอินทรียวัตถุ OM ในปุ๋ยอินทรีย์
จากการทดลอง
ความต้องการ ค่าอินทรียวัตถุ OM ในดินร่วนปนทราย พื้นที่ราบทั่วไป = 40 กิโลกรัมต่อไร่
ถ้าปุ๋ยอินทรีย์มีค่า OM = 20%
ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์ 200 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อจะสร้างแก้มลิง (Buffer) ที่เพียงพอในการเก็บน้ำแต่ละวัน
ดินที่ขาดความชื้น เช่นที่เนิน หรือดินเสื่อมโทรม ควรเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น
พิจารณาจากราคาปุ๋ยอินทรีย์ในปัจจุบันแล้ว เกษตรกรต้องทำปุ๋ยใช้เอง
ปุ๋ยที่ค่าการย่อยสลายที่สมบูรณ์GI สูงจะมีประสิทธิภาพในการสร้างแก้มลิงที่สูงกว่า เพราะขนาดที่ละเอียดสร้างช่องว่างในดินได้มากกว่า ยังอุ้มน้ำได้มากกว่าด้วย ค่าGIไม่ควรน้อยกว่า100% ควรใส่ตอนยกร่องปลูกมันสำปะหลัง
2.อย่าใช้ปุ๋ยเคมี และอินทรีย์เคมี ในช่วงหน้าแล้ง ปุ๋ยเคมีควรใส่หลังจากการระบาดของเพลี้ยแป้งผ่านไปแล้ว
3.อย่าใช้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมสมของเกลือซัลเฟต เช่น ยิปซั่ม เพราะทำให้ดินเป็นกรดและแย่งน้ำจากพืช
4.อย่าใช้ปุ๋ยคอก ถ้าจะใช้ควรหมักให้สมบูรณ์ก่อน การย่อยสลายของปุ๋ยคอกนอกจากต้องการน้ำและคายความร้อนแล้ว มีราบางชนิดทีสร้างสารกันความชื้น ทำให้ดินขาดความชื้นและขาดการซึมน้ำ OM จากปุ๋ยคอกประสิทธิภาพในการสร้างแก้มลิงต่ำเพราะซึมน้ำได้น้อย
5.เลือกใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีค่า การนำไฟฟ้าEC ต่ำ เพราะมีปริมาณเกลือน้อย
6.เลือกใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีค่าการย่อยสลายที่สมบูรณ์ GI สูง เพราะจะไม่มีการย่อยสลายต่อในดิน
7.เลือกปุ๋ยอินทรีย์ทีมีส่วนผสมของซิลิก้าละลายน้ำ ความเข้มข้นเมื่อเป็นสารละลาย อย่างน้อย 100 ppm
8.ฉีดพ่นสารเคลือบลำต้นใบด้วยสารละลายซิลิก้า Silica Solution ในช่วงหน้าแล้ง
9.อย่าใช้สารเคมี เพราะทำให้ศัตรูตามธรรมชาติของเพลี้ยแป้งหมดไป
ฟิล์มซิลิก้า มีคุณสมบัติ แข็ง ดูดความชื้นจากอากาศ ลดการคายน้ำทางใบ ทำให้มีน้ำในต้นมันสำปะหลังมากขึ้น ความเข้มข้นของน้ำเลี้ยงลดลง เพลี้ยแป้งไม่สามารถใช้เป็นอาหารได้อีกต่อไป
ซิลิก้าทำให้ก้านใบแข็งแรง ทำให้รังเพลี้ยถูกเปิดอ้าออก ตัวอ่อนและไข่ถูกมดกินเป็นอาหารต่อไป
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการลดความเข้มข้นน้ำเลี้ยงในมันสำปะหลัง เพื่อทำลายแหล่งอาหารของเพลี้ยให้หมดไป
ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ทดลองครั้งนี้ ค่า OM=40.19% GI=189.5% EC=2.88dS/m Ph = 6.49
สนั่น บุญทองใหม่
โทร. 0810101567
ไม่ตรงประเด็น
ลอง ใช้ดอก ดาว เรือง ดู สิ คับ วิที่ ง่าย ๆ
เดี๋ยว ผม จะบอกให้
นำดอกดาวเรือง 1 กก. มาใส่ในหม้อต้ม เติม น้ำ 4 ลิตร
ต้มจนเดือด แล้ว นำ ดอกดาว เรือง มาคั้น น้ำ (เอาแต่น้ำ)อย่ารีบ รอ ให้ มัน เย็น ด้วย น่ะ
จากนั้น เอามา ผสม น้ำ เปล่า อีก 4 ลิตร แล้ว ใช้พ่นได้เลย
(ลองหาขวดน้ำยาเช็ดกระจกที่ไม่มีน้ำยาแล้วมาใช้พ่นจะดีที่สุดเพราะไม่เปลืองน้ำยา)
วันเดี๋ยวเห็นผล
จาก
เด็ก วิลัยเกษตรและเทคโนโลยีสันป่าตอง จ. เชียงใหม่
ีรีนีนยย
อยากรู้เกี่ยวกับส่วนต่างๆของเพลี้ยช่วยบอกหน่อยดิ.......................?
.....ความรู้ไม่ได้อยู่แต่ในห้องเรียนจริงๆค่ะ