โครงการ OpenCARE ซึ่งย่อมาจาก Open exchange for Collaborative Activities in Response to Emergencies ได้ผ่านหลักชัย (milestone) อีกอันหนึ่ง คือกรรมการบริหารของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ได้อนุมัติการสนับสนุนโครงการนี้ หลังจากที่คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีวิศวกรรมความรู้ (KET) ได้ให้ความเห็นชอบไปเมื่อเดือนที่แล้ว
OpenCARE เกิดจากการวิเคราะห์ เรียนรู้ คลุกคลี ประสาน แก้ปัญหา นำเสนอ ลปรร. (ทั้งภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และในเวทีโลก) เกี่ยวกับระบบข้อมูลและการจัดการภัยพิบัติของไทย ตลอดสามปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดสึนามิขึ้นที่จังหวัดชายฝั่งอันดามันเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547
ทั้งหมดนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ สามารถแบ่งปันข้อมูลสถานการณ์ล่าสุด เพื่อความร่วมมือ ท่านประธานเรียกว่าร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งเป็นคำง่ายๆ ที่ชัดเจนดีครับ
เพียงแต่ว่าในภัยพิบัตินั้น มีความยุ่งเหยิงเป็นธรรมชาติ การที่จะระดมคนมาช่วยนั้น ควรจะช่วยให้ผู้ที่อาสาได้เข้าใจถึงสถานการณ์อย่างถ่องแท้ และเลือกได้ว่าช่วยตรงไหนดีที่สุด (ด้วยความรู้ ความชำนาญของตน) ดังนั้นการร่วมด้วยช่วยกัน จึงไม่ใช่แค่เอาแรง เอาทรัพยากรมารวมกันเท่านั้น แต่จะต้องดูแลไม่ให้เกิดความสูญเปล่า ซ้ำซ้อน และช่วยในสิ่งที่ตรงกับความต้องการสำหรับแต่ละพื้นที่ ทำให้การตัดสินใจใดๆ เป็น informed decision
OpenCARE ได้รับการยอมรับจากองค์กรระหว่างประเทศ
ที่มาเขียนบันทึกนี้ ก็เพราะรู้สึกยินดีที่สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นปัญหาและทุ่มเททำมานานนั้น มีผู้เชี่ยวชาญ(มาก)เห็นด้วย ว่ามีความถูกต้องทางเทคนิค เป็นแนวทางการจัดการที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และเป็นสิ่งที่เมืองไทยอุทิศให้กับประชาคมโลก
เรื่องนี้ มีรายละเอียดที่จะเผยแพร่ในโอกาสหน้าครับ แต่แม้ว่ายังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบกันในวงกว้าง ก็มีรัฐวิสาหกิจและบริษัทข้ามชาติหลายแห่งติดต่อขอร่วมโครงการและร่วมสนับสนุนแล้ว
บันทึกนี้ไม่ได้อยากให้ใครอ่านเพราะรู้ว่าถ้าหากจับความพอได้ ก็คงมีคำถามเยอะแยะว่านี่มันอะไรกันแน่ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาตอบครับ ที่เขียนบันทึกนี้เพราะอยากเขียนเฉยๆ
สวัสดีค่ะ
ได้ติดตามอ่าน บล็อกนี้มาพอควร จึงอยากอ่านต่อค่ะ
ปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นปัญหาใหญ่ ค่อนข้างอยู่เหนือการควบคุม บางครั้งก็ร้ายแรงขึ้น
เนื่องจากมีการตั้งถิ่นฐานในที่เสี่ยงภัย หรือการทำลายธรรมชาติแวดล้อมมากเกินไป
ระบบนิเวศของโลกค่อนข้างเปราะบาง การนำพลังงานและแร่ธาตุจากโลกไปใช้มากเกินไป เพื่อสร้างความเติบโตในทางอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาตินานาประการ
ดังนั้น การจัดการใดๆที่เกี่ยวกับระบบข้อมูลและภัยพิบัติของไทย ตลอดสามปีที่ผ่านมา จึงเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่ เมื่อคืนเพื่อนเก่าแซวมาจากอเมริกาว่าขำตรง "บันทึกนี้ไม่ได้อยากให้ใครอ่านเพราะรู้ว่าถ้าหากจับความพอได้ ก็คงมีคำถามเยอะแยะว่านี่มันอะไรกันแน่ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาตอบครับ ที่เขียนบันทึกนี้เพราะอยากเขียนเฉยๆ" ซึ่งความหมายก็คือ "แล้วเขียนทำไม"
ผมดีใจกับหลักชัยอันนี้ เพราะในการประชุมระหว่างประเทศอันหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงปรี๊ดมาบอกว่าเขาชอบสิ่งที่เมืองไทยเสนอมากเลย มันมาจากประสบการณ์จริง และได้แก้ไขข้อจำกัดของการทำงานไว้ด้วย แต่ถ้าข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการยอมรับในเมืองไทย (คือไม่มี reference implementation ใช้งานจริง) แม้เขาจะคิดว่าไม่มีข้อเสนอใดที่ดีกว่าของเรา แต่ก็จะผลักดันให้เป็นมาตรฐานโลกได้ยาก
ฟังคำพูดนี้แล้วถึงกับสะอึก เท่าที่คุยมากับหลายหน่วยงาน ต่างก็ชอบสิ่งที่ OpenCARE เสนอมาก แต่ขยับเขยื้อนได้ยากด้วยข้อจำกัดของระบบราชการ -- OpenCARE นี้ทำให้ฟรีนะครับ จึงไม่มีข้อจำกัดทางงบประมาณ
เรื่องการประชาสัมพันธ์ เป็นข้อจำกัดทางฝั่งผมเอง คือประชาสัมพันธ์ในขณะที่เราไม่พร้อม ยิ่งรู้ว่าทำให้ฟรีด้วย ก็อาจจะทำให้คนแห่มาขอร่วมมากจนทำไม่ไหว แล้วก็จะได้ความรู้สึกไม่ดีกลับไป; อย่างนี้จะน่าเสียดายมาก
ชื่อ OpenCARE ซึ่งเป็นชื่อย่อ มาจากชื่อเต็มซึ่งแยกได้เป็นสามส่วนคือ
จากที่เขียนในบันทึกค่ะ
เท่าที่ผ่านมา ส่วนนี้ยากที่สุดที่จะพิสูจน์ ความบริสุทธิ์ใจของคนนอกระบบราชการ ที่อยู่ดีๆ จะมาช่วยทำอะไรให้ฟรีๆ
ลองกลับไปอ่าน ข้างล่างนี้ค่ะ
คนที่อยู่ในระดับที่ห้า ต่างกับระดับที่สี่ในแง่ที่ คนในระดับที่ห้าไม่(ค่อย)สนใจเรื่องของตัวตนอีกแล้ว แต่จะมองหมู่คณะและประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ทำงานเพื่องาน ทุ่มเท มีความรักในงาน รู้ว่าสิ่งที่ทำ มีประโยชน์ต่อผู้อื่น
คนในระดับนี้ดูเหมือนกับเป็นคนในอุดมคติ
แต่เราไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนในอุดมคติเสียก่อนจึงจะสามารถสังเกตคนเหล่านี้ได้ เพียงแต่เราหัดมองเรื่องราวต่างๆ จากมุมของส่วนรวมบ้าง ก็จะสามารถสัมผัสความคิดของคนในระดับที่ห้าได้ เป็นรูปแบบที่ไร้รูปแบบ
ถ้าความหมายของคุณพี่คืออย่างที่ผมคิดว่าพี่หมายถึงละก็ ผมขอเรียนว่าผมเพียงแต่ทำสิ่งที่ไม่เบียดเบียนตัวเองและคนรอบข้างนะครับ ทำแล้วไม่เดือดร้อน ไม่ฝืนทำสิ่งที่ไม่เก่ง/ไม่รู้เรื่อง/ทำไม่ได้ดี
เมื่อรู้สึกว่าทำให้ได้โดยไม่ได้เสียอะไร/ไม่เดือดร้อน ใครจะคิดอย่างไรก็ไม่แปลกแล้วครับ ก่อนให้อะไรใคร ผมเลือกแล้วว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แต่เมื่อให้ไปแล้ว ก็ให้ไปแล้วครับ
มีวิดีทัศน์สัมภาษณ์ตัวแทนจากทีมงานครับ อาจช่วยให้ชัดเจนมากขึ้น
ถ้าโหลดดูแล้วช้าหรือกระตุก (ความเร็วต่ำกว่า 256 kbps แล้วเป็นไปตามนั้นจริง) สามารถอ่านบทถอดความการสัมภาษณ์ได้ที่นี่ครับ ดูที่หน้า 5-6
ได้ดูวีดีทัศน์แล้วค่ะ ได้ความกระจ่างขึ้นมากค่ะ
เหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มภาคใต้ของประเทศไทยและอีกหลายประเทศรอบๆ มหาสมุทรอินเดียในปลายเดือนธันวาคม 2547 ทำให้เกิดคำถามพร้อมกับข้อเรียกร้องให้จัดระบบเตือนภัย(early warning system) สำหรับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสูญเสียชีวิตมนุษย์ เป็นเรือนแสนอีก
พี่ ขอสนับสนุน การจัดการเกี่ยวกับความปลอดภัยของสังคมแบบนี้ค่ะ
เป็นการ สร้างการเตรียมความพร้อม ที่จะตอบสนองต่อเหตุด่วน ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร ไม่มีใครทราบ
และเท่าที่ดู ก็มีการอธิบาย มีกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้มีความพร้อมล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี น่าภาคภูมิใจค่ะ