สมัยก่อนเข้าใจแบบนึกเดาเอาเองมาตลอดว่า ไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นความเข้าใจตื้นๆ เพราะไม่เคยคิดต่อว่า สามเรื่องนี้มาอยู่ในหมวดสิกขานั้น อธิบายอะไร สัมพันธ์กันอย่างไร เหมือนตอบข้อสอบปรนัยวัดความรู้พื้นๆ ถ้าถูกก็จบแค่นั้นเพราะได้คะแนนแล้ว แต่ถ้าตกก็ไม่อยากรู้เฉลยต่อ เพราะข้อสอบปรนัยมักให้เราสนใจแต่คำตอบก็พอ ไม่ต้องสนใจเหตุแห่งคำตอบ
เมื่อเร็วๆนี้ ได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากการอ่านและฟังจากครูบาอาจารย์ที่เคารพ ท่านอธิบายว่า ไตรสิกขา คือ การศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย ศีลสิกขา จิตตสิกขา และ ปัญญาสิกขา อธิบายการศึกษาตามลำดับว่า บุคคลที่มาเรียนรู้ธรรมะนั้นเริ่มจาก เราอาศัยศีลให้ศีลรักษาเราไว้ ไม่ให้ตกเป็นทาสกิเลสหยาบๆ เช่น ไม่ให้เราประทุษร้ายผู้อื่นอันเป็นการเบียดเบียนสร้างกรรมดำไม่หยุด
ศีลรักษากาย วาจา ใจ มีผลให้ จิตนิ่งพอ และพร้อมมาศึกษาการทำงานของจิต เมื่อเราพร้อม (ถ้ารักษาศีล 5 ได้ระยะหนึ่งเราจะรู้สึกเองว่าอยากศึกษาขั้นต่อไป-ความเห็นส่วนตัว) จิตตสิกขาคือ จิตที่ข่มนิวรณ์ได้ คือ จิตที่สามารถต่อสู้กิเลสระดับกลางๆได้ นิวรณ์ก็หมายถึง สิ่งที่กั้นจิตไม่ให้เจริญในทางธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความติดในพอใจในความสุขสบาย ความไม่พอใจต่างๆ ความฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยทางความคิด ความหดหู่เซื่องซึมง่วงเหงา และความสงสัยในสิ่งที่กำลังเชื่อถือและปฏิบัติอยู่
ในขั้นจิตตสิกขานี้คือการศึกษาอบรมจิตในระดับสมถะ คือ เข้าถึงความสงบในระดับชั่วแวบจนถึงสงบนานๆ ถ้าจิตเจริญในทางธรรมต่อได้ จะเข้าสู่การรู้ตามจริง (รู้ไตรลักษณ์-ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป) เจอกิเลสอย่างละเอียด รู้ทันการทำงานที่ลึกซึ้งของจิตแล้ว จนเมื่อปัญญาเกิด ธรรมะปรากฎในจิตเอง เรียกว่าจิตเกิดปัญญา ได้ปัญญาสิกขา คือ เรียนจบหลักสูตรธรรมของพระพุทธเจ้า
อนึ่ง ในทุกศาสนา สอนให้คนทำดีมีศีล รู้จักทำทาน และบางศาสนาสอนการทำสมาธิในระดับสมถะคือมุ่งสู่ความสงบ ความว่าง(ที่ต้องระวังมากในการตีความ) แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ายึดถือว่าเป็นความรู้สูงสุด จิตที่เรียนเป็นพุทธ หรือ ตื่นจากความไม่รู้นั้น อยู่ในการเรียนขั้น ปัญญาสิกขา คือ การศึกษาด้วยปัญญา เป็นผลจากที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบหลังจากผ่านการทดลองปฏิบัติตามสมาธิทุกแนวทางในสมัยพุทธกาล จนท่านตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐคือเข้าสู่ปัญญาสิกขานี้เอง
สาธุกับธรรมครับ
_/\_
สวัสดีค่ะน้อง..ขมิ้นเหลืองเดินดิน
สวัสดีครับครูอ้อย
พึ่งกลับมาจากปฏิบัติธรรมประจำปีของนิสิตนะครับครูอ้อย
สบายดีนะครับ
- ศาสนิกมีหลายระดับขั้นครับ
บางทีก็ต้องปูฐานเรื่องทาน/ศีล ไปก่อน
พระท่านถือคติอย่างอนุปุพพิกถาของพระพุทธเจ้า
ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับธรรมไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสุดยอด คือ เนกขัมมานิสังสกถา คือธรรมเพื่อนิพพานสภาวะ
แต่อย่างว่าเนอะครับพระส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจกัน สนใจจะสร้างวิหารสิบล้านกันมากกว่า
จนสอนให้โยม "บ้า" บุญไปอย่างเดี๋ยวนี้
- ขอค้านว่าบอกมรรค ๘ ไม่ได้แต่ก็ไปนิพพานถูก
รู้ "ตัว" อย่างเดียวก็ไปได้
ดูพระจูฬปันถกเป็นตัวอย่าง
มรรค ๘ จะเกิดพร้อมองค์อริยมรรค
ถึงจะไม่ได้เรียนได้รู้ มรรค ๘ มาก่อน
แต่เมื่อจิตกำลังดำเนินสู่องค์อริยมรรค
มรรคอันมีองค์ ๘ ประการจะเกิดขึ้นสมบูรณ์พร้อม
ทำให้เข้าสู่อริยผลอันสมบูรณ์เอง
โดยไม่จำต้องเฮียนมาก่อนเด้อ
จริง ๆ นิพพานไม่มีที่ไปนะ...
ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนกันครับ