หน้าหนาวในเดือนธันวา 2550


ถ้าปีทางเดินของนี้พายุพัดขึ้นทางไปเหนือของเวียดนามและพอดีกับช่วงมวลอากาศเย็นพัดสอบเข้ามาแล้วทำให้อุณหภูมิทางภาคเหนือลดต่ำลงใกล้ 0 องศา โดยเฉพาะยอดดอยอาจจะได้เห็นหิมะกันได้

หน้าหนาวปีนี้คงอาจจะเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้นัก ฟังจากข่าวท่านสมิธ ธรรมสโรช ประธานคณะกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุกับคุณดู๋ สัญญา คุณากรเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ถ้าปีทางเดินของนี้พายุพัดขึ้นทางไปเหนือของเวียดนามและพอดีกับช่วงมวลอากาศเย็นพัดสอบเข้ามาแล้วทำให้อุณหภูมิทางภาคเหนือลดต่ำลงใกล้ 0 องศา โดยเฉพาะยอดดอยอาจจะได้เห็นหิมะกันได้ แต่การคาดการณ์นั้นก็ไม่มีการณ์ประจวบเหมาะอย่างที่ว่าเกิดขึ้น ปีนี้หลายคนก็เลยอดเห็นหิมะไปซะ แต่เพื่อไม่ให้เสียใจเลยลองค้นหาดูเรื่องหิมะตกในประเทศไทย ก็ไปพบ Website ของคุณแนน (Nancy Love Chololate) ที่มีภาพภ่ายของเรื่องหิมะตกในเมืองไทยที่เชียงรายในปี 2498 มาให้ดู ตามไปดูที่ Web ของคุณแนนนะครับ คนที่อยากเห็นหิมะในเมืองไทยอย่างน้อยก็จะได้ทราบว่าเคยมีขึ้นเหมือนกันในปี 2498 (web คุณแนน url: http://nongza.exteen.com/20071102/entry-2) 

อย่างที่ว่าครับตอนนี้โลกเราอะไรแน่นอนไม่ค่อยได้ การตลาดเองก็ต้องปรับเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย วันนี้เขาพูดกันถึงคนในตลาดที่เริ่มเป็นกลุ่ม Generation Y กันมากขึ้น กลุ่มนี้เริ่มปรากฎตัวชัดๆ ในปี 1993 ตามศัพท์ที่ทาง AD Week บัญญัติไว้ ซึ่งใน AD Week ได้บอกว่าเป็นเด็กที่เกิดระหว่างปี 1991-1985 กลุ่มคนใน Gen Y  นั้นเป็นวิวัฒนาการของพวกเราๆ ที่อยู่ในยุค Baby Boomer และ Gen X เคยคุ้นเคยกัน หากมองถึงลัษณะนิสัยใจคอ และพฤติกรรมก็จะพบว่าเริ่มมีความแตกต่างกับพวก Baby Boomer มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นพวกที่รักอิสระ ไม่ชอบอะไรที่บีบบังคับ ทำงานแบบ Mobile คือต้องการที่จะเคลื่อนไหวตลอด กฎ ระเบียบอาจจจะไม่เคยมีอยู่ใน Dictionary ของคนกลุ่มนี้ กลุ่ม Gen Y นั้นเติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในโลกคือ เทคโนโลยี ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ในกลุ่มคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เครื่องมือสื่อสาร การใช้ webboard, SMS อื่นๆ อีกมากมาย  

 

ถ้าถามว่านักการตลาดต้องใส่ใจอะไรก็คนกลุ่มนี้บ้าง ต้องบอกว่า มหาศาลครับ ตัวอย่างเช่นตอนนี้บริษัทข้ามชาติที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทย หรือบริษัทไทยเองหลายแห่งก็เริ่มคิดถึงการที่ Gen Y จะเข้าสู่ระบบการทำงานเพราะช่วงอายุต้นๆ ของคนกลุ่มนี้ก็เริ่มมีอายุ 17 ปีแล้วอีกไม่นานนักก็จะเข้าสู่ตลาดแรงงานเต็มตัว ดังนั้นแนวคิดว่าจะจัดการอย่างไรที่จะทำให้สถานที่ๆ ทำงานสามารถตอบรับกับพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของคนกลุ่มนี้ได้ ออฟฟิศประเภทเป็นบล็อค เป็นห้องตายตัว หรือการทำงานที่เป็นรูปแบบมากๆ อาจจะเป็นยาขมสำหรับ Gen Y ดังนั้นต้องคิดต่อว่าออฟฟิศแบบใดที่จะตอบคำถามในการทำงานของคุณกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด ถ้าอยากจะดูตัวอย่างก็ลองแวะไปดูระบบการทำงานที่ออฟฟิศบัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) ดูครับ นี่คือต้นแบบที่ตอบรับกับ Gen Y ที่เป็นรูปธรรมมากเท่าที่ผมเห็นมา เช่น ไม่มีโต๊ะนั่งประจำใครมาก่อนก็เลือกเอาว่าจะเอาโต๊ะไหน ผ่านระบบการตัดการของคอมพิวเตอร์ในการจัดโต๊ะนั่งทำงาน การแบ่งห้องใช้ผ้าขาวแบบมุ้งกั้น พนักงานสามารถทำงานได้คล่องตัวแม้นอกสถานที่ การประชุมไม่เป็นรูปแบบใส่สูท ผูกไทด์ ประชุมกันมองดูเหมือนหลวมๆ แบบนั่งคุยกันแต่ได้งาน มีมุมพักผ่อนดูหนังสือ นิยสาร เล่น Poll  การควบคุมใช้ระบบสายตาคนอื่นคุมกันเอง ใครไม่ทำงานก็จะโดนเพื่อนฝูงเหลือบมองและทำให้รู้สึกอับอาย ถ้าเมื่อยนักก็เข้าห้องนวดไฟไฟ้าเพื่อผ่อนคลาย อืม...

เดี๋ยวจะกินพื้นที่มาก เอาแค่นี้ก่อนนะครับ  และของส่งท้ายด้วยคำว่า สวัสดีปีใหม่ 2551ครับ

หมายเลขบันทึก: 153916เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2007 11:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท