คนดี


การเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น

สอนคุณธรรมอย่างไร

ให้มีความพอเพียง

บทที่ 11/12

การเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น                                                                                   

จุดประสงค์ :   เพื่อรู้ รัก และฝึกจนเคยชิน

นิทานคติ  เรื่อง : คนดี           

เด่นเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนดีที่สุดในห้อง แต่เขาเป็นคนไม่ค่อยเก่งเรื่องกีฬานัก แต่ในชั้นเรียนของเขามีคนที่ไม่เก่งกีฬากว่าเขาอีก เด็กคนนั้นเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยเล่นหัวกับใคร เขาคืออิฐ แต่เขาขี้น้อยใจ และร้องไห้บ่อยๆ คนที่มักจะเข้าไปปลอบอิฐก็คือเก่ง เก่งเป็นหัวหน้าห้อง เขาตัวโต และเล่นกีฬาเก่งหลายอย่าง ที่สำคัญคือยังเรียนได้เก่งเป็นที่ 3-4 ของห้องด้วย นั่นทำให้เด่นแอบอิจฉาเก่งอยู่ลึกๆ ในห้องของเขายังมีกลุ่มเด็กเล่นอีกกลุ่มหนึ่ง แกนนำกลุ่มคือกล้า เขาเป็นญาติของเก่งด้วย แต่ว่าเหมือนไม่ค่อยจะถูกกัน เด่นเชื่อว่าเขาคงเกลียดเก่งเพราะว่าทั้งสองทะเลาะกันในหลายเรื่อง ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันก็หลายครั้ง แต่เก่งก็ชนะได้ทุกครั้งไป ทำให้พวกเด็กเล่นไม่ค่อยกล้ายุ่งกับเก่งซักเท่าไร ดังนั้นก็เลยไปลงที่อิฐแทน อิฐจึงถูกแกล้งอยู่บ่อยๆ เก่งต้องคอยช่วยดูแล และคุ้มครองอิฐอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน           

ในชั่วโมงกีฬา เทอมนี้สอนบาสเกตบอล แน่นอนว่าอิฐก็ยังคงเล่นได้ไม่ดี แค่เลี้ยงบอลยังทำได้ไม่ดีเลย เก่งเองก็คอยช่วยแนะนำอิฐอยู่บ่อยๆ เด่นเองก็อยากให้เก่งมาช่วยสอน แต่เขาก็ยังถือตัว ไม่อยากขอร้องอีกฝ่าย วันหนึ่งอาจารย์พละให้ทดลองโยนบอลลงห่วง ก็คือทุกคนวิ่งเลี้ยงบอลไปที่ตำแหน่งใกล้ห่วงแล้วก็โยนบอล แน่นอนว่าเก่งโยนบอลลงห่วงด้วยท่าทางคล้ายนักกีฬาด้านนี้ทีเดียว พอถึงคราวของเด่น เขาเลี้ยงลูกได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังสามารถโยนลงห่วงได้อย่างหวุดหวิด พอถึงทีของอิฐ อิฐเลี้ยงลูกได้ไม่ดีเลย ทำให้บอลหลุดมือหลายครั้ง พอใกล้ตำแหน่ง เขาก็จะกระโดดเพื่อโยนบอลลงห่วง กล้าก็แกล้งยื่นขวาไปขวาง ทำให้อิฐสดุดขาอีกฝ่าย ก็เลยทำให้ล้มฟาดลงกับพื้น จมูกเลือดออกมาก เก่งรีบเข้าไปช่วยอุ้มพาอิฐไปส่งห้องพยาบาล ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆ กล้าและกลุ่มเพื่อนกลับตะโกนว่าเก่ง ว่าอยากเป็นพระเอก เป็นฮีโร่ จนอาจารย์พละต้องห้ามให้หยุด พวกนั้นจึงหยุดพูด           

เมื่อกลับถึงบ้าน บนโต๊ะอาหาร เด่นเล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟัง พ่อกับแม่ชมว่าเก่งเป็นคนดี รู้จักช่วยผู้อื่น เด่นสงสัยจึงถามว่า

พ่อครับ ที่เก่งทำนี่ เรียกว่าดีอย่างไรครับ พวกกล้าเขาว่าเป็นการทำดีเอาหน้าต่างหาก

พ่อมองที่เด่น แล้วก็อธิบายว่า

จำไว้นะเด่น คนดีก็คือคนที่ยึดถือการปฏิบัติที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง พ่อถามเด่นนะ การที่เก่งช่วยอิฐหลายครั้ง เขาทำไปเพราะอะไร เพราะเป็นหัวหน้าห้องหรือ เพราะเขาตัวโตกว่าหรือ เพราะเขาเก่งหรือ มันไม่ใช่ใช่ไหม ถึงเขาไม่ทำก็ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไร แต่เขากลับช่วยเหลือเพื่อนที่ไม่เก่ง ก็เพราะเขาชอบที่จะช่วยเหลือและเห็นอกเห็นใจเพื่อนอย่างไรละ อย่างนี้ละที่เขาเรียกว่าเป็นคนดี

เด่นนิ่งฟังพ่ออธิบายอย่างตั้งใจ พ่อจึงอธิบายต่อว่า

การปฏิบัติที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งนั้นเป็นที่ยกย่องมานานในโลกของเรานะลูก มีเรื่องเล่าหลายๆ เรื่องที่สอนให้คนเราทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น พ่อจะเล่าให้ฟังซัก 2-3 เรื่องแล้วกัน เรื่องแรกเป็นเรื่องเล่าในศาสนาคริตส์ ว่ากันว่าพระคริตส์เป็นผู้เล่าเรื่องนี้ให้สาวกฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งมีชายผู้หนึ่งถูกโจรปล้นชิงทรัพย์ ทั้งยังทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เขาถูกทิ้งไว้ที่ข้างทาง ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างพากันไม่สนใจ ไม่เพราะกลัวก็เพราะว่ายุ่ง ไม่อยากเสียเวลากับคนเจ็บ ซึ่งไม่รู้ว่าจะตายหรือเปล่า แต่แล้วมีชาวซามาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมา เขาขนสัมภาระมาบนหลังลา เมื่อพบคนบาดเจ็บ ชาวซามาเรียผู้นี้ก็เข้าไปช่วยพันบาดแผลให้เท่าที่ทำได้ก่อน จากนั้นพยุงคนเจ็บให้นั่งไปบนหลังลา โดยที่เขาเอาของลงบางส่วนมาแบกเองเพื่อให้มีที่สำหรับคนเจ็บ เมื่อเข้าไปในเมืองเขาก็ไปที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง หาห้องให้คนเจ็บพัก ตามหมอมาดู และออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ระหว่างนั้นเขาไปติดต่อธุระของเขา แต่ยังสั่งเจ้าของโรงแรมให้คอยดูแลคนเจ็บ และเขาจะจ่ายค่าดูแลให้เมื่อเขากลับมา ความใจดีของชาวซามาเรียผู้นี้เป็นที่ยกย่องมาก เพราะว่าเขาช่วยเหลือคนเจ็บโดยไม่หวังสิ่งใด ในต่างประเทศจะมีโรงพยาบาล โบสถ์ และองค์การด้านช่วยเหลือสังคมต่างๆ ที่มีชื่อซามาริตัน ก็เพราะให้เกียรติแก่ชาวซามาเรียผู้นี้นั่นเอง และคำว่า ซามาริตัน (samritan) ในภาษาอังกฤษยังแปลได้ว่าเป็นผู้มีจิตใจเมตตากรุณาอีกด้วย

เด่นยิ่งฟังยิ่งสนใจ พ่อจึงเล่าเรื่องต่อไป

อีกเรื่อง เป็นเรื่องเราในศาสนาพุทธ เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นางกิศาโคตมี นางมักจะเป็นทุกข์ว่านางมักเจอเรื่องยุ่งยากและโชคร้ายอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขอคำปรึกษา พระพุทธเจ้าจึงบอกให้นางไปเมล็ดถั่วจากบ้านที่ไม่เคยโศกเศร้าหรือเดือดร้อนในเรื่องใดๆ หากนางนำมาได้ พระพุทธเจ้าจะให้พรนางไม่ต้องโศกเศร้างหรือเดือดร้อนในเรื่องใดๆ อีก นางกีศาโคตมีจึงออกตามหาบ้านเช่นที่ว่า อย่างไรก็ตามนางก็หาไม่พบ สิ่งที่นางพบก็คือมีหลายบ้านที่มีคนเดือนร้อนกว่านาง จิตใจของนางหวั่นไหว และสุดท้ายนางจึงรู้ว่านางไม่ได้โชคร้ายมากมายนัก ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนเป็นช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่านาง พระพุทธเจ้าจึงสรรเสริญเรื่องนี้

พ่อเล่าเรื่องจบ ก็หันไปถามเด่นว่า

 ลูกฟังแล้ว คิดว่าลูกจะเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งอย่างในเรื่องที่พ่อเล่าได้ไหม

เด่นนิ่งคิด แล้วจึงตอบว่า

 ผมยังคิดไม่ออกเลยครับพ่อ

พ่อยิ้ม แล้วสอนต่อว่า

ก่อนที่เราจะทำอะไรโดยเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งนั้น เราจะต้องจูงใจตนเองให้ได้ก่อนว่าเราจะช่วยเหลือผู้อื่น เพราะว่าเราต้องเสียสละ บางครั้งก็เหนื่อยยากทีเดียว และต้องไม่หวังผลตอบแทนจากการกระทำนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือแม้แต่คำชม หากลูกช่วยเหลือเพราะอยากได้คำชม ก็แสดงว่าลูกยังเห็นแก่ตัวอยู่ ลองนึกถึงเก่งซิ เขาช่วยอิฐโดยหวังคำขอบใจของอีกฝ่ายหรือเปล่า แน่นอนพ่อว่าคงไม่ใช่ เขาช่วยเหลืออิฐก็เพราะว่าเขาต้องการจะช่วยเท่านั้นเอง แต่นั่นทำให้เขามีความสุขทางใจ เป็นความสุขใจนั่นเอง

เด่นนิ่งฟัง เขาคิดว่าเขาทำได้นะอย่างที่พ่อว่า แต่เขาควรทำที่ไหนดีละ เด่นจึงถามพ่อว่า พ่อครับ แล้วผมควรช่วยเหลือใครดีละครับ

พ่อตอบอย่างทีเล่นทีจริงว่า

ไม่ต้องช่วยใครหรอกลูก เวลาทำอะไรไม่จำเป็นต้องไกลตัว แค่ลูกช่วยแม่เก็บจานชามล้าง ช่วยดูแลบ้าน ทำให้แม่เขาได้พักบ้าง แค่นี้ก็คือว่าลูกได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว แต่ถ้าลูกมีเวลาอีก ก็ช่วยเหลือคนอื่นๆ ไปตามแต่โอกาสจะมี เช่นไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ช่วยครูยกของ ตัดหญ้าหน้าบ้าน  ไม่ทิ้งขยะลงพื้นถนน แค่นี้ก็ช่วยเหลือคนอื่นได้ตั้งหลายคนแนะ

พ่อเว้นวรรค แล้วก็เล่าเรื่องต่อว่า

การปฏิบัติโดยเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ อย่างที่พ่อเล่าเสมอไป บางเรื่องเป็นการทำในระดับชาติทีเดียว มีอยู่เรื่องหนึ่ง ตอนนั้นญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ญี่ปุ่นยากจนมาก ผู้คนอดอยาก ขาดอาหารและยา ตอนนั้นสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามเข้ามายึดครองญี่ปุ่น นายพลแมคอาเธอร์ผู้นำทางทหารที่เข้ามาปกครองญี่ปุ่นช่วงนั้น เคยอยู่ที่ญี่ปุ่นมาก่อน เขาจึงเข้าใจความเป็นคนญี่ปุ่นดี ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้ทหารสหรัฐไม่กินอาหารท้องถิ่น เพราะว่าอาหารเหล่านั้นเป็นอาหารที่ควรเอาไปปันส่วนให้คนญี่ปุ่นได้กินกัน เขาช่วยเหลือรัฐบาลญี่ปุ่นในหลายด้าน ทั้งการเกษตรและเศรษฐกิจ และช่วยให้ญี่ปุ่นร่างรัฐธรรมนูญและกำหนดสิทธิสตรีอีกด้วย ซึ่งในตอนนั้นสิทธิสตรีของอเมริกาเองก็ยังไม่ได้มีตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดเลย เขาไม่ได้เข้าไปคุกคามจักรพรรดิ์ของญี่ปุ่นในฐานะเชลยสงคราม เขาปล่อยให้พระองค์เป็นอิสระ นั่นทำให้พระจักรพรรดิยังคงเป็นที่นิยมของประชาชนญี่ปุ่นอยู่ สหรัฐอเมริกาใช้เงินจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูญี่ปุ่นและสร้างสัมพันธภาพระหว่างประเทศที่ดีต่อกัน ทั้งหมดก็เพราะความเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งของนายพลแมคอาเธอร์นั่นเอง

เด่นนิ่งคิด แล้วก็พูดขึ้นว่า

ถ้าผู้นำของทุกชาติต่างก็เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง โลกคงสงบสุข ไม่มีสงครามนะครับพ่อ

พ่อนิ่ง แล้วก็ยิ้มให้กับความช่างคิดของเด่น แล้วก็พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะลุกไปช่วยแม่ล้างจานว่า

 แล้วเด่นละ จะทำอะไรเพื่อโลกใบนี้

บ้าง             

ช่วยกันขยายความเพื่อสร้างความเข้าใจ           

๑) ให้ช่วยกันหาคติพจน์และสุภาษิตส่งเสริมการเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น           

๒) ให้ช่วยกันหาคำสอนของศาสนาต่างๆ ที่กล่าวถึงการเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น           

ในทั้งสองกรณีให้มีอาสาสมัครรวบรวมบันทึกไว้ เพื่อทำเอกสารแจกให้เก็บไว้ โดยลงวันที่ไว้ด้วย 

ฝึกคุณธรรม            

๑) ฝึกรู้รอบ : เรื่องนี้เหมาะสมสำหรับสอนเรื่องเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นหรือไม่ อย่างไร           

 ๒) ฝึกแข็งขัน : เราจะทำสิ่งต่างโดยเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งอย่างเหมาะสมได้อย่างไร  มีความมุ่งมั่นที่จะทำอย่างต่อเนื่องแค่ไหน           

๓) ฝึกพอเพียง : การเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งอย่างไร จึงเรียกว่าทำได้อย่าง พอเพียง     - อย่างไรเรียกว่าขาด       - อย่างไรเรียกว่าเกิน           

๔) ฝึกความยุติธรรม : การเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งอย่างยุติธรรม มีอย่างไร ให้ช่วยกันยกตัวอย่าง 

กิจกรรมสันทนาการ

๑.     ให้เพื่อนๆ ออกมาเล่าถึงเรื่องที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เรื่องที่เสียสละ และเรื่องที่เขาเมตตาปรานีสิ่งต่างๆ และการทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อเล่าจบ ให้เพื่อนคนอื่นๆ ตบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้คนทำดี  

เอนก สุวรรณบัณฑิต   ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการคุณธรรมและจริยธรรม

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

เอกสารคุณธรรมและจริยธรรมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ปรับจากหนังสือ Discovering the Real Me, Universal Peace Federation Edition

หมายเลขบันทึก: 154315เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2007 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท