ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เรามีนัดคุยงานโครงการชุมชนเป็นสุขภาคตะวันตกกับเพื่อนพ้องน้องพี่ สถานที่ที่พวกเรานัดหมายกันคือ “ธรรมสภา” ไม่ไกลจากศาลายาเท่าใดนัก
ทีมงานส่วนหนึ่งของโครงการนี้โดยเฉพาะแกนนำหลักเป็นทีมงานที่เราคุ้นเคย เพราะได้ช่วยกันขับเคลื่อนงานฟื้นฟูและพัฒนา “ทุนทางสังคม” เพื่อสร้างเสริม “ชุมชนเข้มแข็ง” ในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคตะวันตกของสำนักงานกองทุนเพื่อสังคมหรือ SIF (Social Investment Fund) มาก่อน
การได้กลับมาพบปะพูดคุยกันและได้ช่วยกันวางแผนเพื่อสร้างตำบล “ต้นแบบ” ด้านสุขสภาวะเชิงบูรณาการครั้งนี้ ทำให้เราหวนคิดไปถึงวันคืนเก่า ๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่พวกเราคนทำงาน “จิตอาสา” มารวมตัวกัน... แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน... ช่วยกันสร้างกิจกรรมหลากหลายรูปแบบเพื่อเสริมหนุนการพัฒนาชุมชนในห้วงเวลานานนับ ๔๐ เดือนของการดำเนินงานของกองทุน SIF
การได้รับโอกาสให้เป็นกรรมการทั้งในระดับจังหวัดและระดับภาค ซึ่งต้องทำงานขับเคลื่อนทำ “วงเรียนรู้” ทั้งในส่วนของแกนนำชุมชน สมาชิกชุมชน และภาคีจากหลากหลายภาคส่วน ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความหมายและความสำคัญของกระบวนการทำงานที่ต้อง “เชื่อมประสาน” ในทุกระดับ และทำให้ได้ตระหนักถึงความลึกซึ้งของพุทธพจน์ที่สอนให้เรา “ครองตน ครองคน และครองงาน”
เป็นธรรมดาที่การทำงานย่อมมีปัญหาและอุปสรรค...หลายครั้งที่คนทำงานเพื่อชุมชนเข้มแข็งอย่างพวกเรากลับต้องมา “ไล่บี้” กันเอง... พี่น้องเราหลายคนที่ทำงานเพื่อชุมชนด้วยความมุ่งมั่นจน “ลืมวัน ลืมคืน” กลับต้องตกอยู่ในสภาวะ “ครอบครัวล่มสลาย” ...บ่อยครั้งที่พวกเราต้องมานั่งล้อมวง “เปิดใจ” เพื่อทบทวน ถอดบทเรียน และให้กำลังใจกันและกัน...ยังจำได้ดีเสมอถึงประโยคที่พวกเราใช้เป็น “คาถา” ในการฝึกตัวเอง นั่นคือประโยคที่ว่า “คนทำงานอาสาต้องมีจิตสาธารณะและต้องก้าวล่วงพ้นตนเอง”
การขับเคลื่อนงานชุมชนเป็นสุขในครั้งนี้ พวกเราจึงตกลงกันว่า... ท่ามกลางสภาพสังคมที่เป็นอยู่ และภายใต้ปัจจัยเงื่อนไขนานัปการที่เราอาจต้องเผชิญ พวกเรา...คนทำงานเพื่อชุมชนเป็นสุข คงต้องคอยสำรวจตรวจสอบความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอๆ... เพราะหากทีมงานไม่มี "ความสุขในการทำงาน" เสียแล้ว ก็คงไม่สามารถสร้างให้ “ชุมชนเป็นสุข” ได้อย่างแน่แท้
เราคิดถึงหนังสือเล่มเล็กฉบับพกพาที่เพื่อนรักเราเคยให้ไว้... เนื้อหาว่าด้วย “ยาระงับสรรพทุกข์” ...สูตรของท่านอาจารย์พุทธทาส...
ต้น “ไม่รู้ -ไม่ชี้” นี่เอาเปลือก
ต้น “ชั่งหัวมัน” นั้นเลือก เอาแก่นแข็ง“อย่างนั้นเอง” เอาแต่ราก ฤทธิ์มันแรง
“ไม่มีกู - ของกู” แสวง เอาแต่ใบ“ไม่น่าเอา - น่าเป็น” เฟ้นเอาดอก
“ตายก่อนตาย” เลือกออก ลูกใหญ่ ๆหกอย่างนี้ อย่างละชั่ง ตั้งเกณฑ์ไว้
“ดับไม่เหลือ” สิ่งสุดท้าย ใช้เมล็ดมันหนักหกชั่ง เท่ากับ ยาทั้งหลาย
เคล้ากันไป เสกคาถา ที่อาถรรพ์“สพฺเพ ธฺมมา นาลํ อภินิเวสาย” อัน
เป็นธรรมชั้น หฤทัย ในพุทธนามจัดลงหม้อ ใส่น้ำ พอท่วมยา
เคี่ยวไฟกล้า เหลือได้ หนึ่งในสามหนึ่งช้อนชา สามเวลา พยายาม
กินเพื่อความ หมดสรรพโรค เป็นโลกอุดร
สงสัยว่าคงจะต้องปรุงยาสูตรนี้ให้ทีมงานชุมชนเป็นสุขได้กินกันบ่อย ๆ เสียแล้ว...
เราคิดว่ายาสูตรนี้ยังเหมาะสำหรับทุก ๆ คน... โดยเฉพาะกับหลายคนที่อาจ “ป่วย” จากผลการเลือกตั้งในวันนี้...
คุณ Petit Jazz คะ
Merci bien ค่ะ
ปีนี้ไปฉลอง Noel ที่ไหนคะ...
ส่งความสุขปีใหม่มาให้ค่ะ ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่งที่ดีงามตลอดปีนะคะ...Bonne Annee 2008 ค่ะ