ผมและทรงผม


พม่าเรียกเส้นผมว่า สะบีง ผู้หญิงพม่าจะให้ความสำคัญต่อเรือนผมเพราะถือว่าเป็นสิ่งบ่งถึงความงามอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับผิวพรรณ
ผมและทรงผม
พม่าเรียกเส้นผมว่า สะบีง ( C"x'N ) ผู้หญิงพม่าจะให้ความสำคัญต่อเรือนผมเพราะถือว่าเป็นสิ่งบ่งถึงความงามอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับผิวพรรณ
ชาวพม่าถือว่าผมที่งามจะต้องมีสีดำขลับดุจแมลงภู่  หรือบะโดง ( xb96oNt) และเรือนผมที่จัดว่าสวยจะปล่อยยาวจนถึงน่องหรือข้อเท้า  ผู้หญิงที่มีผมงามจะถูกขนานนามว่า แม่เกศาวดี (gdlk;9u ) หรือเกศามรกต (w,gdlk ) แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีความนิยมตัดผมสั้นกันบ้างแล้ว  แต่ผู้หญิงพม่าจำนวนไม่น้อยยังมีความเห็นว่าผู้หญิงที่ไว้ผมยาวจะดูงามสมหญิงกว่าไว้ผมสั้น  และสำหรับผู้หญิงที่มีอาชีพครูนั้น ส่วนมากจะนิยมไว้ผมยาวและมุ่นมวยผมจนดูเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของครูพม่า
ส่วนผู้ชายพม่านั้น  เดิมเคยนิยมไว้ผมยาวเช่นกัน  โดยมุ่นผมเป็นมวยบนศรีษะและโพกด้วยผ้า การมุ่นมวยผมแบบผู้ชายจะเรียกว่า หย่อง ( glYk'N ) ส่วนการเกล้ามวยผมอย่างผู้หญิงนั้นจะเรียกว่า สะโดง ( C"5"6t ) คำเรียกมวยผมซึ่งต่างกันนั้นได้กลายเป็นโวหารแสดงชายและหญิงดังมีถ้อยคำว่าหย่อง-เน้าก์–สะโดง–ป่า ( glYk'NgokdNC"5"6txj) แปลว่า “ตามหลังหย่องคือสะโดง” ตีความได้ว่าฝ่ายหญิงต้องตามไปอยู่บ้านฝ่ายชายหลังแต่งงาน
พอมาถึงยุคอาณานิคม ทรงผมสำหรับผู้ชายก็เริ่มเปลี่ยนมานิยมไว้รองทรงอย่างฝรั่ง และเรียกทรงผมแบบนี้ว่า โบ่เก่ ( 4b6gd X คำว่า โบ่ Z 4b6 X เป็นคำใช้สำหรับเรียกพวกอังกฤษ ส่วน เก่Z gd Xแปลว่า “ทรงผม”มาจากคำ เกสา  Z gdlk Xในภาษาบาลี พอผู้ชายหันมานิยมผมสั้น ก็เลยไม่จำเป็นต้องโพกศรีษะอย่างเดิม   อย่างไรก็ตามผ้าโพกศรีษะนั้นก็พัฒามาเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติ ที่เรียกว่า กองบองZ g-j'Ntgxj'Nt X การสวมกองบองมักจะปล่อยชายผ้าไว้ด้านขวา แต่ถ้าเป็นนักแสดงแล้ว ชายผ้าจะต้องอยู่ด้านซ้ายเสมอ  เพราะในเวลาแสดงสีหน้า นักแสดงมักจะหันหน้าด้านขวาให้กับผู้ชม และชายผ้าจะไม่บังใบหน้า
ปัจจุบันวัยรุ่นพม่าเริ่มนิยมทรงผมในหลายสไตร์  ส่วนมากจะเลียนแบบทรงผมจากดารา นักร้อง  หรือคนดัง  ทรงผมที่ผู้ชายนิยมกันในตอนนี้เป็นรองทรงสั้นแบบพระเอกภาพยนตร์เช่นทรงด่วย (gm:tgd X หรือแบบนักร้องชายเช่น ทรงสี่ตู่-ลวีง  Z0PNl^]:'Ngd) ส่วนผู้หญิงก็นิยม ทรงไดอะนา Z Diana gd X ทรงโซเมียะนันดาZ 0b6tw,9NoOmkgd X เป็นต้น  ซึ่งส่วนใหญ่ดารานักร้องของพม่าก็มักเลียนแบบทรงผมจากดารานักร้องวัยรุ่นของไทย
ในการดูแลผิวพรรณนั้น  สาวพม่านิยมใช้แป้งตะนะคา (loxN-jtX ส่วนเรือนผมจะใช้สมุนไพรที่เรียกว่า ตะหย่อ-กี่งมูน  คำว่า กี่งมูน  Zd'Nx:oNt X หมายถึงส้มป่อย และตะหย่อ Z 9gikN X เป็นเปลือกใม้ชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เกิดฟอง  กรรมวิธีการทำก็โดยนำสมุนไพร  ๒ อย่างนี้มาผสมกันและแช่น้ำทิ้งไว้ ยาสระผมชนิดนี้อาจหาซื้อได้ทั่วไป  ขายบรรจุถุงพลาสติกขนาดถุงกาแฟ ราคาถุงละ ๕-๘ จั๊ต ยาสระผมชนิดนี้เก็บได้เพียง ๓-๔ วันเท่านั้น  ชาวพม่าเชื่อว่าการสระผมด้วยสมุนไพรดังกล่าวจะช่วยให้ไม่ร้อนศรีษะ ทำไห้ผมแข็งแรง ไม่ร่วงง่าย นอกจากนี้ชาวพม่ายังนิยมใช้น้ำมันมะพร้าวหรือ โองสี่ ( v6oNtCu X ทาเส้นผมอีกด้วย เพื่อให้ผมเป็นมัน  มีกลิ่นหอม และจัดทรงง่าย
ในการสระผมนั้น ชาวพม่ากำหนดไว้ว่าควรสระในเวลาสาย บ่าย หรือในเวลาที่มีแดด และห้ามสระในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืน หรือเวลาที่เพิ่งโดนแดดกลับมา เพราะจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย ส่วนวันตัดผมนั้น ชาวพม่ามีความเชื่อว่า ไม่ควรตัดผมในวันจันทร์  วันศุกร์และวันเกิดของตน
หากกล่าวถึงร้านตัดผมหรือ สั่งต้ะส่าย ( C"lCb6'NXในประเทศพม่านั้น มีทั้งร้านตัดผมระดับชาวบ้าน และร้านตัดผมแบบมีระดับ  นอกจากนี้พม่ายังมีช่างตัดผมเร่ ซึ่งจะเที่ยวเดินหาลูกค้าไปตามละแวกบ้าน หรือคอยบริการลูกค้าบนทางเท้าในย่านตัวเมือง ช่างตัดผมเร่มักจะสะพายย่ามหรือหิ้วกล่องไม้ใส่เครื่องมือตัดผมไม่มากชิ้น อาทิ  กรรไกร หวี และไม้ปั่นหู คิดราคาค่าบริการไม่กี่จั๊ต
ส่วนการตัดผมตามร้านนั้น หากเป็นร้านระดับชาวบ้าน มักจะทำเป็นเรือนหรือห้องเล็กๆอยู่ตามย่านชุมชน  หรือไม่ก็ตั้งเป็นซุ้มอยู่ใต้ร่มไม้ ค่าบริการตกหัวละ ๘;-๑;; จั๊ต ( ราว ๘-๑; บาท) แต่ถ้าเป็นร้านมีระดับและติดแอร์จะตกราคาหัวละ ๕;;- ๘;; จั๊ต ( ราว ๕;-๘; บาท)บางร้านมีบริการสระผมและนวดตัวด้วย  ชาวบ้านทั่วๆไปมองว่าคนที่ใช้เงินมากเกินควรในการตัดผมเป็นคนชอบความสำราญหรือ เส่งขั่ง ( =b,N-"X จึงพอเห็นได้ว่าพม่าส่วนใหญ่ยังต่อต้านการบริโภคที่ฟุ่มเฟือยหรือใช้จ่ายเกินความจำเป็น
ในส่วนของความเชื่อที่เกี่ยวกับผมนั้น พม่ามีหลายเรื่อง เช่น ห้ามผู้หญิงสยายผมออกนอกบ้านในเวลาค่ำคืน  หากกินข้าวก่อนผู้ใหญ่ผมจะหงอกเร็ว  การถอนผมหงอกยิ่งจะทำให้มีผมหงอกมากขึ้น  นอกจากนี้ผู้หญิงพม่ายังนิยมถวายผมให้กับพระพุทธรูปและพระเจดีย์เพื่อกุศล แต่ทราบว่าผู้หญิงมักจะถวายผมเมื่อถึงคราวเจ็บป่วย  ดังพบแขวนเป็นปอยผมไว้ใกล้ๆกับองค์พระ  บางคนที่บวชชี จะตัดผมถวายวัดโดยเก็บไว้ในตู้กระจก ส่วนคนที่อยากมีผมสวยในภพหน้านั้น  กลับไม่นิยมเพียงถวายผมกับองค์พระ แต่ยังถวายไม้กวาดอีกด้วย นับเป็นการสร้างกุศลอีกแบบเพื่อความงาม
 วิรัช นิยมธรรม
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15593เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2006 19:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท