17 : งงและงงและงงอีก


 

พอมาถึงตอนนี้ เรียบเรียงเรื่องราวไม่ถูกเลยครับ  ปรากฏมืด_มล_อนธ_กาฬไปหมด  อ่านเนื้อเรื่องในอัคคัญญสูตรแล้ว  นึกถึงสภาพแวดล้อมตอนต้นกัปป์ไม่ออก ในเรื่องฤดูกาลที่ปรากฏในสมัยที่หมู่พรหมกำลังปั้นง้วนดินอยู่ แล้วรัศมีหายไปนั้น ปรากฏดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แต่นั้นก็ปรากฏวัน เดือน ปี ฤดูกาล

หากว่าปรากฏฤดูกาลแล้ว  ก็ต้องมีฤดูฝน หนาว อบอุ่นหรือว่าร้อนแล้ว  แล้วตอนที่ฝนตกลงมาใส่ง้วนดิน มันจะไม่ละลายง้วนดินลงไปผสมน้ำหรืออย่างไร?   การรู้ว่ามีฤดูกาลปรากฏในตอนนั้น ก็เป็นอันดีอย่างหนึ่ง คือ พอจะปรุงแต่งให้ว่า ฤดูกาลเป็นปัจจัยในการปรากฏแห่งข้าวสาลีในภายหลัง และพืชพรรณอื่นๆอันไม่ใช่ข้าวสาลีก็ปรากฏขึ้นด้วย

เมื่อสมัยนานมาแล้ว  ผมเคยอ่านพบเหตุการณ์ประหลาด เช่นว่าฝนปลา  ฝนงู ทำนองนี้ มีบันทึกไว้เหมือนกัน  มีรูปถ่ายด้วยนะครับ  ว่า มีครั้งหนึ่งฝนตกในต่างประเทศ แต่สิ่งที่ตกลงมากลายเป็นปลาไปทั่วทั้งเมือง  และอีกแห่งหนึ่ง ตกลงมาเป็นงู.... อันนี้ตอนอ่านแรกๆมันก็รู้สึกคัดค้านอยู่ แต่ที่น่าแปลกคือ เขามีรูปประกอบไปด้วย  อ่านแล้วดูรูปแล้วก็จินตนาการตาม  มันก็เลยทรงจำสุตตะนี้ไว้มาจนเดี๋ยวนี้  ทีนี้ พอมาอ่านอรรถกถาเรื่องว่า ในตอนต้นกัปป์ มีห่าฝนขนุนสำมะลอ ห่าฝนเมล็ดพืชพรรณต่างๆตกลงมานี้  อันนี้ก็เลยสามารถรับเอาคำพระอรรถกถาได้โดยไม่รู้สึกแปลกใจว่า มันเป็นไปได้หรือ  เพราะความที่เคยอ่านพบเรื่องฝนงู ฝนปลา อันเกิดในสมัยไม่นานมานี้นั้นด้วย

มันก็เกิดข้อสงสัยอีกล่ะว่า ตอนที่ปรากฏง้วนดินนั้น มีแผ่นดินอันหนานี้อยู่ไหม?  ก็ไหนตอนเริ่มต้น ผมพล็อตเรื่องไปแล้วว่าโลกทั้งโลกเป็นน้ำไปหมด   แล้วหากว่าแผ่นดินที่ว่าวิวัฒนาการมาจากง้วนดิน คือจากง้วนเป็นกะบิ จากกะบิเป็นเครือ  และท่านบอกด้วยว่า เครือดินนั้นใหญ่ขนาดมะพร้าวเสียด้วย  ไม่ใช่เล็กๆ   แสดงว่า ง้วนดินนั้น ปั้นได้ด้วยมือ ก็ต้องไม่ใช่เรี่ยรายอยู่บางๆ หากแต่ปรากฏอยู่อย่างหนาเลยที่ผิวน้ำ   แม้กะบิดินที่ปรากฏกลบง้วนดินขึ้นมา เป็นเหตุให้ง้วนดินหายไปนั้น ก็ต้องเป็นชั้นหนาเช่นกัน   และพอมาถึงเครือดินนี้ ก็แผ่นแพเครือดินก็ต้องมีความหนามากขึ้นไปอีก  จวบจนกลายมาเป็นแผ่นดินนั้น ก็ย่อมต้องยิ่งหนาขึ้นไปอีก

หากคำนึงคำนวณดูว่า นับจากพรหมลงมากินง้วนดิน จนง้วนดินปรากฏเป็นแผ่นดิน เป็นข้าวสาลีนั้น หากจะคำนวณเป็นปี จะเป็นกี่ร้อยปี กี่พันปี กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้านปี?

แล้วสมัยที่เป็นข้าวสาลีนั้น มนุษย์อันไม่มีรัศมีแล้วจะยังเหาะได้อยู่ไหม?  อันนี้ก็ต้องได้ย้อนพิจารณาไปอีกครั้งหนึ่ง ความลังเลทำให้เนื้อหานิยายของผมดูไม่สนุกไปถนัดใจ  แต่จะทำอย่างไรได้  เมื่อโลเลลังเลก็ทำได้เพียงระลึกรู้ว่าโลเลลังเลอยู่เท่านี้เองล่ะครับ

อดนึกไม่ได้ว่า แล้วแบบนี้ อีกนานเท่าใด กว่าผมจะบรรยายให้โลกวิวัฒนาการไปจนได้ครบรอบกัปป์ คือ ไปชนกับโลกาวินาศ การทำลายกัปป์ในรอบต่อไป?

การนึกคิดอย่างนี้ทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา แล้วคิดว่า หรือว่าผมจะหยุด แล้ววางมือ วางใจจากเรื่องนี้เสียในตอนนี้ดีนะ

ปัญหาถามว่า โอเค การรวมกันเป็นหมู่ๆนั้นเข้าใจ  แล้วการสร้างบ้านเรือนมันมาเกิดมีภายหลังนี้  การตีกันด้วยท่อนไม้ พระศาสดาก็กล่าวไว้ในตอนลักข้าวสาลีกัน แล้วผมจะแต่งนิยายอย่างไรล่ะครับ  ในเมื่อว่า สิ่งแวดล้อมในใจผมที่ปรากฏตอนมีทุ่งข้าวสาลี มันดันเป็นแผ่นดินราบๆดุจหน้ากลอง แทบไม่มีภูเขา ไม่มีป่าไม้  แล้วจะไปคำนึงถึงการสร้างกระท่อมได้อย่างไร  ยังคิดหาเหตุเรื่องอยู่ว่า จะให้มนุษย์พวกนี้สร้างกระท่อมในเวลาไหนนะ?  เหตุที่สร้างกระท่อมนั้นก็ชัดเจนตามพระศาสดา คือ เป็นที่แอบประกอบเมถุนธรรม

ก็แสดงว่า ในตอนที่เสพเมถุนธรรมกันนั้น มีป่าไม้ชนิดอื่นๆอยู่ด้วยแล้ว  เมื่อมีป่าไม้ ก็ควรจะมีภูเขาด้วย  แล้วตาน้ำเกิดมาจากไหน? แม่น้ำลำคลองก็พอจะเดาเอาได้จากฤดูกาลที่มีแล้ว คือ เมื่อฝนตกก็น้ำไหลไป กัดเซาะที่ใดเป็นธารน้ำ เป็นแม่น้ำ ไหลลงห้วงน้ำใหญ่ไป แม้ข้าวสาลีก็เจริญดี ทำนองนี้เดาได้

แล้วสัตว์ดิรัจฉานก็ควรจะมีมาในตอนที่มีป่าแล้ว คือตอนที่เสพเมถุนนั้น ท่านก็ว่า คนมุงเอามูลโคหว่านใส่ เอาฝุ่นโปรยใส่ เอาขี้เถ้าโปรยใส่   นั่นก็ควรจะพอนึกคิดได้ว่า มีโคเกิดขึ้นในตอนนั้นได้แล้ว   แล้วมันจะเกิดมาอย่างไรล่ะครับ  แล้วจิตจากที่ไหนมาเกิดเป็นโค  แล้วรูปกายโคปรากฏมาจากไหน  จากโลกที่ไม่มีโคปรากฏมาก่อน แล้วมันมาจากไหน?  ไม่ใช่แต่โคเท่านั้น หากว่ามีโคอยู่ ก็ควรจะมีสัตว์อย่างอื่นด้วย

อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปเลยผม  ต้องได้กลับไปกำหนดลมหายใจให้หายเหนื่อยเสียก่อนแล้วล่ะครับ  ห่างลมหายใจมาเป็นระลอกๆ  ยิ่งพบปัญหาที่ไม่มีคำตอบอันราบรื่นอย่างนี้ ยิ่งพลุ่งพล่าน ต้องได้อาศัยลมหายใจแก้กันสักหน่อยก่อน

ท่านใดมีจินตนาการ คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบในปัญหาหลายๆอย่างที่ผมติดอยู่ ก็โพสต์ได้นะครับ หากมีแรง ผมจะโพสต์ต่อ แต่ถ้ายังคิดไม่ออก ก็ต้องได้สงบไปก่อน

หมายเลขบันทึก: 159859เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2008 21:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท