เทคนิคการตีความ ให้ความเห็นทางกฎหมาย
การตีความ หมายความว่า
การค้นหาคว่ามหมายของกฎหมายที่มีถ้อยคำไม่ชัดเจน
หลักการตีความในกฎหมายทั่วไป มี 2 ประเภท
1. ตีความตามตัวอักษร
- บทกฎหมายใช้ภาษาธรรมดา / ต้องเข้าใจว่ามีความหมายธรรมดาที่คนทั่วไปเข้าใจกัน
- บทกฎหมายใช้ภาษาเทคนิค หรือ วิชาการ / ต้องเข้าใจความหมายตามที่เข้าใจกันในทางเทคนิคหรือทางวิชาการนั้น
- บทกฎหมายต้องการให้บางคำมีความหมายพิเศษ (มักจะบัญญัตฺ นิยาม ความหมายของคำนั้นๆ ) / ต้องพิจารณาความหมายจากคำนิย
2. ตีความตามเจตนารมณ์ มี 2 ทฤษฎีคือ
1. ทฤษฎีอำเภอจิต ( Subject Theory )
ค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมายจากผู้บัญญัติ กฤหมาย เช่น รายงานการประชุมในชั้น การตรวจพิจารณาร่างกฤหมาย
2. ทฤษฎีอำเภอการณ์ (Objective Theory)
ค้นหาเจตนารมณ์ของกฎหมายจากบทกฑหมายนั้น ๆเองว่ามีความมุ่งหมายอย่างไร ( มีลักษณะเป็นพลวัตร คำนึงถึงความเหมาะสมในปัจจุบัน )
สรุป ควรนำทั้งสองทฤษฎีมาใช้ในการตีความกฤหมาย เพราะทั้งสองทฤษฎีต่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
วิธีทราบเจตนารมณ์ของกฎหมาย
- ดูจากพระราชปรารภ
- ดูจากบันทึกหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติ
- ดูจากสถานะก่อนวันที่กฎหมายฉบับนั้นมีผลใช้บังคับ
- ดูจากกฎหมายหลาย ๆ ฉบับในเรื่องเดียวกัน
- ดูจากบทมาตราหลาย ๆ มาตราในกฎหมายฉบับเดียวกันเทียบเคียง
- ตีความไปในทางที่ให้มีผลใช้บังคับได้
การตีความตามกฎหมายเฉพาะ
เช่น กฎหมายอาญา ให้ตีความโดยเคร่งครัด ตีความโดยขยายเป็นการลงโทษ หรือเพิ่มโทษผู้กระทำไม่ได้
หากมีการตีความตามตัวอักษร และตีความตามเจตนารมณ์ ขัดแย้งกัน ควรที่ต้องถือว่า ตีความตามเจตนารมณ์เป็นหลัก
เพราะความยาก และซับซ้อนของงาน พร้อมกับต้องมีความรู้รอบ
รู้จริงในระเบียบ กฎหมาย พัสดุ และระเบียบอื่นๆๆที่เกี่ยงข้อง
จำเป็นที่สุด ที่ต้องมีความละเอียด ถี่ถ้วนจ๊ะ
พี่เปี๊ยกคะ
คิดถึงจริงๆๆๆๆคะ หยากให้หมอเล่าเทคนิคของการเกิด ลปรร ของศูนย์ ที่ถือ note book แล้ว เกิด blog go to know เล่ามาเลยนะคะ อยากรู้ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ