การเดินทางไกลเมื่อปลายปี 2550 ตอนที่2


ถูกบีบอย่างหนักจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทุกทาง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่ความเป็นหนึ่งเดียวของคน การมีจิตใจอาสาเพื่อชาติ การสร้างสรรค์กิจกรรมของตนเองโดยมีนัยเพื่อพัฒนาประเทศมีมากมหาศาล แม้การเมืองกำลังจะเลือกตั้งใหม่ แต่การใส่ใจต่ออนาคตประเทศของคนมากมหาศาลเหลือเกิน ผมได้เห็นจิตใจและบ้านเมืองของเขา แม้จะเห็นไม่มากแต่เขาก็เป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของเอเชีย รองจาก ญี่ปุ่น เกาหลี สิงค์โปร์ เท่านั่นเอง ฟังว่า กว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ได้เขาความสำคัญของการเรียนของเยาวชนอย่างยิ่งยวด งบประมาณถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาการศึกษาและป้องกันประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นการศึกษาของเยาวชนของเขาจึงพัฒนาต่อเนื่องส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนาอย่างยิ่งใหญ่และกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีอันดับต้น ๆของเอเซีย

การเดินทางไกลเมื่อปลายปี 2550 ตอนที่2

หายไปนานกับการขีดเขียนเรื่องราวที่อยากเล่าสู่ฟังดีกว่าการเก็บไว้เฉยๆปล่อยให้หลุดหายไปจากความทรงจำ  ความหลังครั้งก่อนหลังจากที่เรามีเวลาในการเตรียมตัวเดินทางครั้งนี้เพื่อไปเสนอผลงานวิจัย เกี่ยวกับประชาสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่ง หัวหน้าทีมศาสตราจารย์ ดร.โนริยูกิ ซูซูกิ เป็นหัวหน้าโครงการ ก็ได้จัดส่งตั๋วเครื่องบินเพื่อบินไปโอกินาวา ในวันที่5ธันวาคม 2550 ซึ่งผมถือว่าเป็นวันมหามงคลสำหรับคณะของเรา เพราะเป็นวันที่ชาวไทยทั้งประเทศได้ปลื้มปิติกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงหายประชวรและมีพลานามัยสมบูรณ์ในปีที่มีพระชนมายุครบ 80 พรรษา เราจึงถือเป็นสิริมงคลยิ่งนักกับการเดินทางเพื่อไปสัมมนาและเสนอผลงานวิชาการที่โอกินาวาในครั้งนี้

อาคารผู้โดยสารสนามบินนานาชาติไต้หวัน

การเดินทางไปโอกินาวา เพื่อไปเสนอผลงานวิจัยที่มหาวิทยลัยริวกิวในครั้งนี้ เราเดินทางใช้เส้นทางแวะไปที่ไต้หวันเพื่อเปลี่ยนเครื่องไปโอกินาวาที่นั้น โดยใช้บริการสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ซึ่งถูกกว่าการบินไปต่อเครื่องที่โตเกียว คาเครื่องบินไป-กลับ ประมาณ สองหมื่นนิด ๆ  หลายคนก็หวาดวิตกในสายการบินนี้ เพราะก่อนหน้าไม่กี่เดือนก็เลื่อนไหลออกจากรันเวย์ สนามบิน นาฮา ที่โอกินาวา นี้แหละแต่คนไม่เป็นอะไรช่วยได้ทันทั้งหมดแต่เครื่องบินไฟไหม้หมด ผมกะคณะรู้สึกเฉย ๆ เพราะอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดที่สำคัญคือทุกคนเชื่อว่า กรรมดี และการยังไม่ถึงเวลาคงทำให้พวกเราไม่เป็นอะไรแน่นอน 

บริเวณที่นั่งรอเพื่อเดินทาขาออก

 ก็เลยธรรมดากะการเดินทางในครั้งนี้  ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยามนี้ผจญปัญหาทางการเมืองมากมาย แต่ก็ยังดำเนินการบริการต่อไปได้  ก็ถือว่ายังสะดวกอยู่  ที่สำคัญสุดก็คือ การบริการก็ยังต้องดำเนินไปตามที่ประเทศยังต้องติดต่อกะผู้คน  ใช้เวลาจากสุวรรณภูมิ เช้าประมาณ8-9โมง ดำเนินภารกิจออกเมืองขึ้นเครื่อง บินอยู่บนท้องฟ้าประมาณเกือบเที่ยงกว่า ๆ ก็ถึงสนามบินแห่งชาติไต้หวัน ผู้คนลงเปลี่ยนเครื่องที่นี่ทั้งหมด  ลางคนก็บินต่ออเมริกา ฮาวาย แคนาดา แต่เราบินต่อ โอกินาวา ต้องรอเครื่องประมาณสี่โมงเย็น ก็เป็นโอกาสอันดีที่มีโอกาสได้แวะชมบรรดาร้านค้าสินค้าและกิจกรรมของวิถีคนเดินทางในสนามบินแห่งชาติไต้หวัน แห่งนี้ ซึ่งสะอาดสว่างไสวกว่าสุวรรรภูมิ ถ้าไฟในสุวรรรภูมิสว่างเท่านี้ก็จะดี ที่สำคัญสะอาด พนักงานทำความสะอาดทุกครั้งที่มีคนปฎิบัติภารกิจเสร็จ และหลายคนก็เป็นแม่บ้านคนไทยนะ ความซื่อสัตย์ไม่เป็นรอง ผมเคยลืมของไว้เมื่อคราวก่อน เดินหาไม่กี่นาทีก็เห็นเพราะแม่บ้านเก็บไว้ให้

พิพิธภัณฑ์แนะนำไต้หวันในสนามบินให้ผู้โดยสารได้รับรู้

และการออกจากอาคารหลังหนึ่งไปยังอาคารหลังหนึ่งก็สะดวกและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับหลายสนามบินที่ผมเคยไป ไม่ว่าที่ฝรั่งเศส  หรือที่ ญี่ปุ่น เขาจะใช้รถไฟฟ้าเดินทางจาก อาคารผู้โดยสารหนึ่งไปยังอาคารผู้โดยสารอีกหลังหนึ่ง อากาศเสียก็น้อย ความจอแจก็ไม่มี คนนอกก็เข้ามาเกี่ยวข้องยาก นอกจากผู้โดยสารและคนปฏิบัติงานในอาคาร สำคัญที่สุดคือระบบการรักษาความปลอดภัย  ที่นี่หลายคนอาจรำคาญแต่สำหรับผม ผมว่าดีนะ  ผมต้องถอดรองเท้า เข็มขัด กระเป๋าสตางค์ นาฬิกา  สร้อย ทุกอย่างที่มันจะดังเมื่อถูกเครื่องตรวจสอบโลหะ  แม้จะยุ่งยาก แต่เราเป็นผู้โดยสารก็รู้สึกปลอดภัยนะ ที่กระบวนการมาตรการรักษาความปลอดภัยได้มาตรฐาน บ้านเราถ้าทำอย่างนี้ได้ตลอดและได้มาตรฐาน เชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในเอเชียแน่นอน

ผศ.ดร.อนุชา กับป้ายโฆษณาการท่องเที่ยวไต้หวัน

เรานั่งคุยกันที่สนามบินแห่งชาติไต้หวัน บอกจริง ๆ ประเทศนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย ไทยก็ได้สตังค์จากประเทศนี้มากมหาศาล ในการส่งแรงงานทั้งแบบมีฝีมือ และแม่บ้านมาสร้างประเทศให้เขาอย่างมโหฬาร ถูกบีบอย่างหนักจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทุกทาง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่ความเป็นหนึ่งเดียวของคน การมีจิตใจอาสาเพื่อชาติ การสร้างสรรค์กิจกรรมของตนเองโดยมีนัยเพื่อพัฒนาประเทศมีมากมหาศาล แม้การเมืองกำลังจะเลือกตั้งใหม่ แต่การใส่ใจต่ออนาคตประเทศของคนมากมหาศาลเหลือเกิน ผมได้เห็นจิตใจและบ้านเมืองของเขา แม้จะเห็นไม่มากแต่เขาก็เป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของเอเชีย รองจาก ญี่ปุ่น เกาหลี สิงค์โปร์ เท่านั่นเอง ฟังว่า กว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ได้เขาความสำคัญของการเรียนของเยาวชนอย่างยิ่งยวด  งบประมาณถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาการศึกษาและป้องกันประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้นการศึกษาของเยาวชนของเขาจึงพัฒนาต่อเนื่องส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนาอย่างยิ่งใหญ่และกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีอันดับต้น ๆของเอเซีย

ผศ.ดร.ไชยยงค์ หน้าบริเวณร้านปลอดภาษีของสนามบินไต้หวันซึ่งจัดในสไตล์จีนปนสากล

เล่ามาเสียยืดยาววันนี้ยังไปถึงเกาะโอกินาวา เพราะตอนบ่ายต้องไปประชุมจังหวัด เล่าเรื่องการสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมสุขภาพ อันจะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสถาบันอื่น ๆ ว่ามหาวิทยาลัยมหาสารคามทำได้ขนาดไหน ทำได้จริงเท็จเพียงใด  ก็เป็นการแบ่งปันแนวคิดร่วมกัน ใครมีดีอะไรควรจะนำมาเสนอเพื่อสร้างชุมชนให้น่าอยู่ต่อไป เพราะเมืองมหาสารคามก็ได้ทำโครงการหลายอย่างอยู่  เช่น มหาวิทยาลัยมหาสารคามทำโครงการ มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ เทศบาลนครเมืองมหาสารคาม ทำโครงการ เมืองน่าอยู่  จังหวัดมหาสารคาม ทำโครงการ จังหวัดที่ประชาชนมีความสุขที่สุด หลายส่วนก็แลกประสบการณ์กัน  แต่คงไม่ได้หมายความว่า  เมืองที่มีความสุขที่สุด คือ เมืองที่มีโรงแรมม่านรูดมากที่สุด คงไม่ใช่น้อ (อิอิ) อันนี้ก็คงต้องคุยกันว่า เอะจังหวัดเราเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร  และจะแก้ภาพพจน์ได้อย่างไร แต่คงไม่ใช่ไปรื้อหรือไปทุบของเขาทิ้งหรอกนะ  เพราะมันก็มีประโยชน์สำหรับคนเดินทางอยู่เช่นกัน  วันนี้คงแค่นี้ก่อนวันหลังจะพาไปเที่ยวโอกินาวา สวรรค์บนดิน ไข่มุก ของญี่ปุน นะครับ

หมายเลขบันทึก: 162265เขียนเมื่อ 30 มกราคม 2008 11:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอติดตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะท่านผู้ช่วยฯ 

หนิงอยากไปมากเลยค่ะ ญี่ปุ่นเนี่ย...แต่บุญไม่ถึงสักที

ขอบคุณมากคุณหนิง อย่าถือเป็นสาระ

บางครั้ง คนเราทุกคนก็มีอดีตที่ควรจดจำและไม่อยากจดจำ

แต่ถ้ามีประโยชน์บ้าง ก็ควร ญาย ให้คนอื่นได้รับรู้บ้าง

คงไม่หวังประโยชน์อื่นใด  นอกจากเพียง  อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง เท่านั้นเอง

 อิศรา ประชาไท

ญาย ภาษาลาวแปลว่า แจกจ่าย แบ่งปัน ด้วยท่าที มีมิตรภาพต่อกัน

ขอบคู๊ณค้า  ท่านผู่ซอยอี๊ด

หนิงวา  ท่านผู่ซอย  เปิด blog ญายคำลาวเฮาดีบ๊อค้า  อิอิ  หนิงวาสิมีหลายคนเด๊ะ ที่เพิ่นอยากฮู้ คำบ้านเฮาผ่าน blog  อย่างหน้อยๆ  กะ สาวอินเตอร์ คือ pa_daeng หนี่หละค้า

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

( แล้วแต่จะเห็นสมควร  อิอิ )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท