ประชุมองค์กรแพทย์:การแพทย์ ที่มีจิตวิญญาน ความเป็นมนุษย์


เด็ก รุ่นนี้ เกิดมาในสังคมเลวร้าย ถ้าเขาเป็นคนดีได้ ต้องนับถือ

  คุณหมอ มะโหนก( สำเริง สีแก้วประธานองค์ กรแพทย์ รพ เชียงรายฯ 

มาคุยหลังประชุมวันที่ 13 กพ 50 ว่า

เรื่องที่พี่หน่อยพูด การสร้างแพทย์ให้มีหัวใจความเป็นมนุษย์ เมื่อกี้น่ะ

ผมอยากให้สรุป บันทึกไว้ให้องค์ กรแพทย์ ได้อ่านกัน

เลยเป็นภารกิจที่  the must  ต้องททท ทำทันทีเลย  เพราะถ้าประธานที่ตั้งใจทำงานแบบนี้  ต้องการอะไร

รวิวรรณ ถือเป็นสิ่งที่จะต้อง สนอง

ทีมเชียงรายเรา 3 คน (พี่สมบูรณ์ศักดิ์ พี่พัชรี และรวิวรรณ)ไปประชุม

การสัมมนานำ  เพื่อเตรียมการประชุมแพทยศาสตรศึกษาแห่งชาติ

ที่จัดขึ้น  ณ รพ ศิริราช 4 มกราคม 51


มีผู้เข้าประชุม เป็นอาจารย์แพทย์ จากโรงเรียนที่ผลิตแพทย์ ทั่วประเทศ สัก 200 คน ได้ค่ะ

ผู้จัดการประชุม แจ้งให้ทราบว่าครั้งนี้ การประชุมแบบนี้ จัดขึ้นทุก 7-8 ปี แต่ละครั้งกำหนดนโยบายสำคัญ เช่น

การกำหนดให้มี ระบบ Intern  การสร้างหลักสูตร Resident 


ปรับการเรียนการสอนให้เป็น Problem base learning  ฯลฯ


ล่าสุด เมื่อ 8 ปีก่อน กำหนดให้มีการประกันคุณภาพ ในระบบแพทยศาสตร์ ศึกษา

ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 8  กำหนดหัวข้อ เป็น การแพทย์ ที่มีจิตวิญญาน ความเป็นมนุษย์


เช้า เป็นการบรรยาย บ่ายเข้ากลุ่ม

ตอนเช้ามีสองช่วงเริ่มจาก อาจารย์สองท่าน อ ประเวศ วะสี และ อ โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ บรรยาย

และช่วงหลัง เป็นอภิปรายหมู่ โดยวิทยากร  5 ท่าน

แพทย์ ดีเด่น แพทย์ตัวอย่าง 3 ท่าน จาก  ภาคเหนือ อีสาน และใต้ อาจารย์ สอนกฏหมาย ( อ แสวง) 1 ท่าน  และนักหนังสือพิมพ์ (คุณ พงษ์ศักดิ์ พยัคฆวิเชียร)อีก หนึ่งท่าน

 

คนฟังทั้งหมด นั่งตั้งใจเงียบฟัง  แอบหันไป ดู ตาจ้องเป๋ง ไม่มีใครหลับ

บ่ายตอนเข้ากลุ่ม เพื่อคิดยุทธศาสตร์ ของการแพทย์ ที่มีจิตวิญญาน ความเป็นมนุษย์ ก็ น่าสนใจมาก แต่ทีมเชียงรายต้องกลับก่อนเวลาเลิก ไม่ได้ฟังช่วงสรุป การนำเสนอ ประชุมกลุ่ม


ตอนนั่งเครื่องกลับคุยกับพี่พัชรีว่า เราดีใจที่มาประชุมนี้  ตอนกลับ ยังรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ฟังสรุป

เลยขอนำเอา วาทะ ดีๆ ของวิทยากร  3 ท่าน ช่วงที่ชอบ ช่วงที่ประทับใจมากมาเล่าต่อให้ แพทย์ รพเชียงรายฟังดังนี้


อ ประเวศ วะสี


มนุษย์ ทุกคนมีเมล็ดพันธ์ แห่งความดีอยู่ในตัวพร้อมงอก   เมื่อเราพบมนุษย์ ด้วยกันมีทุกข์ ตัวอย่างที่เราเห็นในเหตุการณ์ สึนามิมาแล้ว


มนุษย์ เห็นแก่ตัวก็ จริง แต่เราไม่ได้เห็นแก่ตัวตลอดเวลา


ในภาวะปกติ เราจะอยู่ในมายาคติ จน รวย สวย มียศ มีศักดิ์  แต่เมื่อเจอทุกข์ ร่วมกัน มายาคติจะหายไปหมด


เราจะปรับการสอนแพทย์ จากการเอาความรู้นำ เป็นเอาความเป็นมนุษย์ นำ ไม่ต้องกลัวว่าการเอาความเป็นมนุษย์ นำแล้ว ความรู้จะพร่อง  ความรู้จะยิ่งดีกว่าเดิม ยิ่งเกิดเพิ่มใหญ่


 อ โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์


ความเป็นมนุษย์ จะเห็นชัดในโรงพยาบาล การเป็นแพทย์เข้าไปประชิด ติดกับความทุกข์ของผู้คน เกิดแก่เจ็บตาย มันอยู่ชิดกัน ติดกันกับการทำงานของแพทย์

ความเป็นมนุษย์ เป็นการก้าวพ้นจากความบีบคั้นคับข้องไปสู่อิสรภาพ ที่เชื่อมโยงมนุษยชาติ และสรรพสิ่งให้เป็นหนึ่งเดียว

เกิดแก่เจ็บตาม มีเป้าหมายคือ ความเป็นมนุษย์ ที่สมบูรณ์


การรู้สึก ถึงความเป็นมนุษย์ด้วยกัน บางทีมันเกิดโดยบังเอิญ เมื่อเจอความทุกข์ แสนสาหัส

เราจะ balance อย่างไร


ที่จะให้ น้องนักศึกษาแพทย์ ได้เรียนแพทย์ เรียนการดูแล การเกิดแก่เจ็บตาย โดยเคารพ ความเป็นมนุษย์ ของผู้ป่วย โดยไม่ต้องรอให้เกิดความบังเอิญ


ยกตัวอย่างผมได้คุยกันกับ Resident สูติ ว่า อะไรที่น่าเบื่อที่สุด

Resident ตอบว่า Normal labor

 เราลองมองลึกกว่านั้น ว่า


เราไม่ได้ทำคลอดเด็ก เท่านั้น  ถ้าพูดว่า Normal laborมันเหลือแต่เทคนิค ความเป็นมนุษย์มันหายหมด

ที่จริงเราทำคลอดความฝันของแม่  ความตั้งใจดีของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รอคอยวันนี้มา 9 เดือน ผู้ทำคลอดมีหน้าที่ ต้องเทิดทูนความเป็นแม่

เพราะจริงๆแล้วการคลอดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยซ้ำ ว่าชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิด เป้นสัญญา ของความเป็นแม่

ตัวอย่างคุณแม่ที่พบว่า ตนเป็น CA Larynx ตอนท้อง 3 เดือน ซึ่งเราคงรู้ ว่ามันยอดเจ็บปวดขนาดไหน

pain score จะเป็น 9 ,10  แต่คุณ แม่ถามหมอว่า อันตรายลูกไหม  แล้วไม่ขอยาแก้ปวด ทนอยู่ อีก 6 เดือน  จน คลอดลูกปกติ

เราควรจะจัดความเป็นมนุษย์ นี้ ให้มันมีที่มีทาง เป็นสิ่งที่ต้องมี ต้องเกิดขึ้น ในการทำงานการเรียนการสอน ในโรงพยาบาล

อ แสวง 

 (อาจารย์พิเศษที่ศิริราช ปกติสอนกฏหมายที่ ธรรมศาสตร์)

เด็ก รุ่นนี้ เกิดมาในสังคมเลวร้าย เราเห็น ตัวอย่างการทำไม่ดี แล้วได้ดี เต็มไปหมด แล้วเขาจะมานั่งทำความดีทำไม


(รุ่น พ่อรุ่นแม่แข่งกันด้วยฝีมือ แต่รุ่นนี้ มันแข่งกันด้วยฝีปาก และฝีตีน)

ถ้าเขาเป็นคนดี ได้ ต้องนับถือ ว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ดีมาก


ผมสอนพวกเด็กเก่ง พวกเรียนกฏหมาย กับเรียนแพทย์  เด็กเก่งมีตัวตนสูง


ฉลาดมากยิ่งน่ากลัว ไอ้ที่โกงเยอะๆ ล้วนแต่ฉลาดทั้งนั้น


ให้แต่ความรู้ไม่พอ ต้องให้ การควบคุมตัวเองได้ด้วย มิฉะนั้นจะโดนกิเลส พาไป


อาจารย์ แพทย์ กำลังสร้างมนุษย์ เป็นบุญคุณ แก่สังคม แก่มนุษยชาติ


มีนักศึกษาถามผมว่า ดูประวัติ อาจารย์ ก็ เรียนดี อาจารย์ ทนได้อย่างไร มาทำงานอย่างนี้ เงินเดือนแค่นี้ (เด็กรุ่นใหม่ มันติดวัตถุ)


ญาติของผม เป็น CVA เป็นผัก นอนรพ เอกชน ญาติโทรมาปรึกษาผม ว่าไปบอกหมอผู้รักษา ว่า ไม่อยาก เจาะคอ


หมอตอบมาว่า ผมจะดู ตามความจำเป็น ไปหาหัวหน้าแผนก และ ผอ โรงพยาบาล ก็ ตอบเหมือนกัน หมอเขาจะดูตามความจำเป็น


ผมเลยต้องโทรหา กรรมการผู้จัดการใหญ่ของโรงพยาบาล ถึงจะฟังญาติ และไม่เจาะคอ

 ................................................................................................................

 

 ดิฉัน สรุปให้ที่ประชุมแพทย์ ว่า การบูรณาการ เรื่องนี้ เข้าในการเรียนการสอน ทำได้ 4 แบบ

1 Voluntary

2 Compulsary

3 Integrate program

4 Special Model ซึ่งดี ที่สุด เป็นส่วนหนึ่งในการเรียน การสอน และการสอบเอาคะแนนด้วย

ขณะที่เล่าในการประชุมองค์กรแพทย์  บรรยากาศในการประชุม สงบ ทุกท่านตั้งใจฟัง และดูมีสติมาก

มีการผุดบังเกิดของความคิดต่างๆ มากมาย

จาก พี่พิษณุ เรื่องจาก การประชุมเสวนา ในวันเกิดโรงพยาบาล ที่คนนอกโรงพยาบาล ในเวที เล่าถึงความรู้สึกดีๆที่มีต่อ ระบบการรักษาพยาบาล และยังช่วยเหลือ ปกป้อง ดูแลโรงพยาบาลเรา

จาก พี่พัชรี เรื่อง ความจำเป็นของการเป็น Role model ของอาจารย์ แพทย์ ในการสอนนักศีกษา

 การสอนด้วยวาจา ไม่สำคัญ และไม่เกิดผลเท่าการทำให้ดู 

ดิฉัน ขอสนับสนุนแนวคิด ของพี่พัชรี ด้วย เรื่องของ ท่านอาจารย์ อาจอง ชุมสายฯ   จากบันทึก ของ   อ มาลินี ธนารุณ แห่ง ม นเรศวร   ว่า

...เรามาเข้าหลักการสัดนิดหนึ่ง หลักการของรูปแบบอันนี้น่ะครับ อันแรกนี้สำคัญที่สุดเลย แบบอย่าง แบบอย่างครับ  เพราะว่าผู้เรียนนี้เขาเห็นเราเป็นอย่างไร เขาเลียนแบบเราได้เร็วมาก

          อย่างครูพละนะครับ สอนให้เล่นพละนี้ อ้าว..ทุกคน ยกมือขึ้นนะ เราทำให้เขาดูใช่มั้ยครับ นักเรียนเห็นทำตามแบบ เขาทำตามที่เราพูดหรือเปล่า เปล่าเลย

เราบอกว่า ยกมือขึ้น เขาเห็นเรายกมือขึ้น แต่เขาเห็นกระโดดด้วยใช่มั้ยครับ ถ้าเผื่อเราบอกยกมือขึ้น ไม่ใช่ยกมือเฉยๆ

ถ้าเผื่อเราบอกยกมือขึ้น ..บางคนยกมือข้างเดียว ยกมือสองข้างอะไรอย่างนี้ แต่นี้เขายกทั้งสองข้าง เพราะอะไรเราทำให้เขาดู เขากระโดดด้วย เพราะเรากระโดดให้เขาดู

เขาไม่ได้ทำตามที่เราบอก แต่เขาทำตามที่เราทำ เพราะฉะนั้นครูต้องเป็นแบบอย่างครับ

ม่ใช่ทำเฉพาะต่อหน้า

          สมมติว่าเราอยากจะให้เด็กงดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า แต่เสร็จแล้วพอถึงวันครูครับ เราตั้งโต๊ะไว้เลี้ยงกันใช่มั้ยครับ เราตั้งขวดเหล้าไว้เต็มเลย ผมบอกอ้าว..ทำอย่างนี้ได้ยังงัย แล้วเด็กก็มาเสิร์ฟด้วยครับ แล้วเขาจำน่ะครับ โอย.. เพราะเราทำตัวอย่างแบบนี้น่ะครับ

สอนเขาอย่าดื่มเหล้าน่ะ อย่าสูบบุหรี่ เขาก็สูบบุหรี่เอา น่ะฮะ ใช้ไม่ได้เลยแบบอย่างแบบนี้ เพราะว่าเด็กจะไม่มีวันเชื่อเราเลย แล้วเราสอนได้ยังงัย ในเมื่อเราสอนในสิ่งที่เราไม่เคยเชื่อ

เราบอกอย่าสูบบุหรี่แล้วเราไปแอบสูบที่บ้าน เราอาจจะไปแอบสูบที่บ้าน เราอาจจะไม่ได้สูบต่อหน้าเด็กที่โรงเรียน  แต่เราไม่เชื่อ พอเราไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด มันขาดพลังครับ

          เราสอนให้เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลงเราจะต้องมาจากใจของเรา เราเชื่อในสิ่งนั้น ผมจะสั่งครูเลย ห้ามสอนในสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติไม่ได้ นี้สำคัญมากเลยครับ ต้องไม่ให้ครูสอน

ครูต้องเป็นตัวอย่างในสิ่งที่ตัวเองจะสอน ต้องเป็นแบบฉบับ พอครูสอนอะไรแล้วมันมาจากใจ เขาเชื่อในสิ่งนั้น แล้วมันเข้าไปถึงใจของเด็กแล้วมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเกิดเราไม่พูดจากใจ แล้วเราไม่เชื่อ พูดตามทฤษฎี ตามหนังสือ 

โอว...มันไม่ได้ผลเลยครับ เด็กท่องได้แต่เด็กก็ไม่ปฏิบัติ ครูก็ไม่ปฏิบัติแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นการเป็นแบบอย่างนี้สำคัญ สอนด้วยแบบอย่าง

           ...ผมจะตั้งกฎสำหรับครู 2 ข้อน่ะครับ

ข้อ 1 จงเป็นตัวอย่างที่ดี นี่สำคัญมาก

ข้อ 2 จงกลับไปดูข้อ 1 ใหม่

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 165150เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2008 06:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 08:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • เป็นแนวคิดที่ดีมากเลยครับ
  • เราต้องร่วมกันสร้างหมอรุ่นใหม่ที่มีหัวใจและจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์เพื่อพวกเราทุกคนครับ
  • ขอบคุณครับ
  • สุขสันต์วันแห่งความรักนะครับ

ขอบพระคุณค่ะ...อ.หมอรวิวรรณ...

ความเป็นมนุษน์นั้น...ทำให้เรามีความต่างจากสัตว์ในประเภทอื่น

ความเป็นมนุษย์นั้น...มีความลึกซึ้งอยู่ในตนเอง...แห่งความละเอียด

...

เรา...เป็นผู้ทำให้ "ความเป็นมนุษย์" นั้นละหายเลือนไปจากจิตวิญญาณ...คืบคลานไปสู่...ความหยาบภายใน เราจึงต้องเผชิญต่อภาวะแห่งความผลักดันภายในนั้นอยู่...และเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการถ่ายทอดเรื่องเล่าดีดีนี้นะคะ

(^_____^)

กะปุ๋ม 

 

 ขอบคุณ อาจารย์ ทั้งสองท่าน

ค่ะ

อาจารย์ อำนวย และน้องกะปุ๋มที่เข้ามาเมนท์ เร็วมาก

happy Valentine's  สำหรับทั้งสองท่าน

และ Happy birth day สำหรับ อ อำนวยค่า 

 

พี่หน่อยครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องดีๆ แบบนี้ ผมรู้สึกมีแรงขึ้นมาอีกเยอะที่พี่ๆ ของเราน่ารักทุกคนเลย ตั้งใจทำเพื่อส่วนรวมจริงๆ เรื่องเหล่านี้ถ้าเราขยายในวงกว้างผมว่า น่าสนใจนะครับ ที่สำคัญคือคนทำจะมีความสุขมาก ไม่ต้องพูดถึงส่วนรวมเลยว่าจะมีประโยชน์แค่ไหน

ขอบคุณมากครับ

นพ.สำเริง  สีแก้ว

 ผุดบังเกิด ของความคิด อีกค่ะ จากที่ท่านประธาน สำเริง มา เมนท์

ว่า อ ประเวศ ก็ พูดแบบ นี้ เหมือนกันเลย ที่นี่ นะคะ

 

 

     ถ้าหมอน้อยๆเช่น นิสิตแพทย์ รู้จักเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่ผู้ป่วยหรือคนรอบข้างด้วยใจปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ พร้อมทั้งเปิดที่ว่างในใจของตนเอง รับรู้ความคิดเห็น ความต้องการของผู้อื่น โดยไม่ปิดกั้นว่าความคิดของเรานั้นถูกที่สุด ดีที่สุด อีกหน่อยเราคงมีแพทย์ที่มีหัวใจเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาเยี่ยงมนุษย์พึงจะมีให้กับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าเมื่อนั้นเราคงมีความภาคภูมิใจเต็มที่กับระบบสุขภาพของเรานะครับ

     ขอบคุณ อาจารย์ รวิวรรณ ที่นำสิ่งดีๆมาเล่าให้ฟังครับ

เป็น โชคดีที่พบ บล็อก อาจารย์ นิพัธ

และเป็น มงคลแก่ชีวิต ที่ได้ฟัง อาจารย์เล่าจิตอาสาดูแลผู้สูงอายุที่ห้องประชุม อิมแพค ใน 9 HA national forum

พบ ตัวจริง ฟังเสียงจริง แล้ว มีความสุข อิ่มเอมใจมาก

ขอบคุณ ที่อาจารย์ ทำสิ่งดีงาม ค้นพบสิ่งดีๆ

และยังเก็บมาเรียบเรียง เล่าต่อให้เกิดความรู้สึกดี มีความสุข เกิด ปิติ ในคนฟัง

 ขอบคุณ ค่ะ

นู๋ออมหายไปไหน เข้ามารับสิ่งที่มีคุณค่าด้วยนะคะ

ขอบพระคุณคณาจารย์ทุกท่านที่ร่วมสร้างหมอน้อยๆ

ให้เป็นหมอที่มีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์

สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท