มหาลัยในกำกับ..ไม่กำกับ..มีผลอะไรกับเรา..และท่าน??


ความจริงก็อยากจะรู้จริงๆว่าคนคิดดั้งเดิม..เลยนี่เขาคิดว่ามันดีจริงๆหรือ...แล้วเห็นแบบอย่างว่ามันดี..มาจากที่ไหน...

ดูมหาลัยนเรศวรและท่านอธิการบดี รวมทั้งท่านผู้เกี่ยวข้องกับเรื่อง "มหาลัย(ในกำกับ)ของรัฐ".. คงปวดหัวกันมากเลย..เราเองไม่ค่อยได้ตามเรื่องนี้เลย..แต่ตั้งสมมุติฐานว่ามันคงดีกว่าเดิม..ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดกันทำไม..(ถ้าไม่ดีต้องไปจัดการคนคิดดั้งเดิม..ดร.วิจิตร..หรือเปล่า)..

แต่สงสัยว่าคนที่เอาแนวคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกนี่..เอามาจากไหน..แล้วแน่ใจหรือว่ามันจะดีกว่าเดิม แก้ตรงจุดแล้วใช่ไหม....เพราะมันทำให้คนต้องมานั่งคิดๆๆกันและตื่นเต้นกัน ลุ้นกัน..บางคนคงเหนื่อย..บางคนก็อาจท้อแท้ หรือบางคนก็ดีใจ อ้อ เปลี่ยนแปลงบ้างก็ดี..เผื่อจะดีขึ้น..สำหรับเราไม่ค่อยสนใจ..ไม่ใช่ว่าเป็นข้าราชการหรอก แต่คิดว่าเราพยายามทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด..ส่วนอื่นๆถ้ามันไม่ดี...ไม่ไหวจริงๆ.แก้ไขอะไรไม่ได้ แย่แล้ว.ก็บ๊าย..บาย..ทำไงได้..(แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องขอให้ระวัง..คือการให้คณะพยายามหาเงินเอง..ไม่ควรจะคิดเป็นประเด็นสำคัญ..รัฐปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องสนับสนุนเป็นหลัก..จะบอกไม่มีเงินไม่ได้เด็ดขาด..แต่ขณะเดียวกับคณะก็ต้องพยายามหาเงินด้วย.. อันนี้เห็นด้วย..เพราะกำลังดูตัวอย่างของคณะนิติศาสตร์และอีกหลายที่ที่อังกฤษ ซึ่งกำลังประสบปัญหา Professor ต้องอพยพโยกย้ายไปทำงานให้องค์กรระหว่างประเทศ หรือย้ายไปอยู่ในที่ที่เขารู้สึกว่าระบบ หรืออะไรต่างๆมันทำให้เขามีความสุขมากกว่า อันนี้เรื่องจริง..พวกเรานักศึกษาก็อ้า ปากค้างอย่างเดียว อ้าวเหรอ..ปัญหาอะไรมันเยอะแยะขนาดนั้น..คณะจะไปหาเงินอะไรจากไหนได้มากมาย ฝันไปหรือเปล่า...โดยเฉพาะเท่าที่สังเกตคือสายสังคมจนสุดๆแย่ตามๆกัน สายวิทย์ไม่มีปัญหา ยกตัวอย่าง U of Sheffield ที่อังกฤษ Professor ดีร่วมสิบคนย้ายหมด..อันนี้ต้องระวัง...กำลังบอกว่า"ขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก"..ในองค์กร..ถ้าเขาอยู่แล้วมีความสุขคงไม่มีใครอยากย้ายไปไหนแล้ว..แก่ๆกันแล้ว..ต้องขายบ้าน..อพยพโยกย้ายกันหมด...รัฐบาลบางทีก็ขยันคิด..แต่คิดไม่รอบคอบ.."บางครั้งมองคนเป็นเครื่องจักรไปหรือเปล่า" ก็ไม่รู้นะ..ทำอย่างไรให้คนดี มีความสามารถ..หนีหมด..น่าสงสัย..จริงๆ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรา..ถึงเวลาก็ต้องกลับไปศึกษาเหมือนกัน..ว่าที่เขาคิดๆกันเป็นอย่างไรกันบ้าง(แต่คิดว่าน่าจะดีเพราะคิดกันตั้งนานแล้ว)แต่จะอย่างไรก็ตาม ถ้ามันไม่กระทบกระเทือนหรือเดือดร้อนอะไรมาก..ขาดเกินบ้างเล็กน้อย..ก็คงค่อยๆปรับค่อยๆแก้ไขกันไป..

แต่สิ่งสำคัญและท้ายที่สุดก็คือถ้าระบบกฎเกณฑ์ที่คิดกันนั้นมันดีกว่าเดิมและ มีกฎหมายมารองรับที่ชัดเจน ..ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร....ส่วนใครจะเป็นผู้บริหารก็คงไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะระบบมหาวิทยาลัยมีวาระที่ไม่ยาวนานเกินไป...ใครดีก็เลือกเข้าไปอีก ใครไม่ดีเราก็ไม่เลือก..

ดังนั้น (สำหรับความเห็นส่วนตัว)..มหาลัยจะมีสถานะภาพอย่างไร ขอเป็นข้าราชการไปก่อนจนกว่าจะแน่ใจว่ามีกฎหมายมารองรับที่ชัดเจนแล้ว ถึงตอนนั้นจะอย่างไรก็ได้..."No problem"...

สุดท้ายของสุดท้าย..ก็ขอให้คำนึงด้วยว่า "ขวัญและกำลังใจ"ของทุกคนในองค์กร สำคัญมากที่สุด หากสิ่งที่กำลังจะทำหรือทำอยู่นี้ จะเป็นการช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกคน(ส่วนใหญ่)ได้เราก็ยินดีอย่างยิ่ง เห็นดีเห็นงามด้วยแน่นอน ส่วนมันจะบิดเบี้ยวไปบ้างคิดว่าค่อยๆแก้ไขปรับปรุงกันไปได้..จะให้ดีร้อยเปอร์เซนต์คงเป็นไปไม่ได้...ดังนั้น ถ้าสิ่งที่ทำหรือกำลังจะทำมันอาจทำลายขวัญและกำลังใจของคน(ส่วนใหญ่)ได้...ก็โปรดอย่าทำ..มิฉะนั้น จะถือว่าประเทศไทยเกิดความล้มเหลว...อย่างมาก.....ในระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา

สุดท้ายนี้ จึงขอฝากความหวังไว้กับทุกท่านที่มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงระบบของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ว่าสิ่งที่ท่านทำหรือกำลังกระทำอยู่ขอให้คำนึงถึง"ขวัญและกำลังใจ"ของทุกคน(ส่วนใหญ่)ในองค์กรให้มากๆ...และเพื่อประโยชน์อย่างแท้จริงของส่วนรวม...และหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีงามเพื่อประโยชน์สุขของชาว มน.อย่างแท้จริง ก็ขออำนาจและบุญบารมีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โปรดประทานพรให้การกระทำนั้นๆสำเร็จได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ...ประชาชนชาว มน.จะได้อยู่กันได้อย่างมีความสุข..กันทั่วหน้า...

 ด้วยรักจากใจ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 165613เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2008 17:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท