"นักเรียน" ไม่ใช่ "ครู"


ไม่มีผู้เรียน เราไม่โต

               หลังจากจบหลักสูตรการอบรมครูโยคะรุ่นที่ 3 ที่ร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จัดร่วมกับสำนักโยคะวิชาการ  เรากลับมามองตนเองว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นได้อย่างไร  ก็เลยตัดสินใจว่าจะเปิดสอนโยคะ  หลายคนอาจถามว่า  "ทำไมคุณกล้าที่จะสอนทั้งๆที่ฝึกโยคะยังไม่ถึงเดือน?" ขอตอบว่าเราไม่ได้ใช้ความกล้าแม้แต่นิดเดียว  สิ่งที่เรามีคือ "ความมั่นใจ" ต่างหาก  แล้วเรามั่นใจอะไรน่ะหรือ    ก็มั่นใจว่าหลักสูตรที่เรียนมาจะก็ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างแน่นอน  และสิ่งที่ครูสอนนั้นคือ "แก่น" ของโยคะ  และการสอนแนวนี้เป็นการสอนที่ปลอดภัยหากผู้เรียนทำตามกติกาอย่างเคร่งครัด

               คำถามต่อมา  จะสอนใคร  ที่ไหน  อย่างไร?  ก็มาลงตัวที่ว่าเรามีเวลาว่างแค่เสาร์-อาทิตย์  เลือกสถานที่ใกล้บ้าน  ไม่ต้องเดินทาง  ก็เลยไปเดินสำรวจสถานที่ในชุมชนที่เป็นบ้านเกิด  พูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในชุมชน   มีเสียงสนับสนุนให้สอน  พร้อมทั้งติดต่อขอใช้ลานเอนกประสงค์ให้เสร็จสรรพ  เจ้าของร้านชำอนุญาตให้เอาประกาศประชาสัมพันธ์และการเตรียมตัว/ อุปกรณ์ มาติดไว้ที่ร้านค้า  พร้อมรับสมัครและชี้แจงสิ่งที่ต้องเตรียมให้เรา 

              วันนี้เป็นวันปฐมฤกษ์  เราก็เตรียมตัวมาเป็นอาทิตย์ด้วยการอ่านหนังสือ  และจากประสบการณ์ตรงของการที่เราฝึกทุกวันและจดบันทึก  นำมาเรียบเรียงว่าจะต้องสอนอะไรบ้าง  พร้อมทั้งพิมพ์เอกสารไปแจกด้วยเพื่อให้เขากลับไปศึกษาต่อที่บ้าน  ใกล้เวลานัดก็เดินไปสำรวจสถานที่ที่จะสอน   wow!!!  มีคนมาล้างลานให้สะอาดเอี่ยม พร้อมทั้งมีแท่นให้เราขึ้นไปนอนสาธิตได้  Perfect location กำลังใจมาเพียบเลยจ้า

              เวลา 17.00 น. เราก็เตรียมอุปกรณืต่างๆไปให้พร้อม  ครูกวีบอกว่าคนเป็นครูต้องตรงเวลา ผ่านไป 15 นาที มีผู้เรียนมาเพียงหนึ่งคน  นั่นคือพีสาวข้าพเจ้าเอง 555 หลังจากนั้นมีคนไปแจ้งว่าหมอมาแล้ว  ก็เลยนั่งรอต่ออีก 15 นาที  ได้ผู้เรียนมาถึง 7 คน  เป็นหนูน้อยประมาณ 6-7 ขวบ 1 คน  ผู้ชาย 1 คน และหญิงวัยกลางคนอีก 5 คน

              ก่อนเรียนก็ทักทายผู้เรียน  จริงๆรู้จักหมดอยู่แล้ว  สอนคนที่เราสนิทก็ดีไปอย่างตรงที่เราไม่รู้สึกประหม่าเลย แต่ก็ยังไม่ค่อยจะกล้าตอบเพราะอาจจะเห็นว่าเราเป็นหมอ  มีเพียงหนึ่งคนที่เคยฝึกโยคะมาก่อนแต่ไม่ค่อยได้ปฏิบัติ   เนื่องจากล่วงเลยมานานก็เลยเริ่มเรียนกันเลย  โดยการทำความตกลงให้ตรงกันเสียก่อนว่า โยคะไม่ใช่การออกกำลังกาย  แต่เป็นการรวมกายและใจ  พัฒนากายเพื่อไปสู่การพัฒนาจิต

             นอกจากนี้ยังทบทวนกฏเหล็กของการทำอาสนะ ก่อนเริ่มเรียน คือ

  1. นิ่ง  (ทั้งกายและใจ)
  2. สบาย (ไม่เกร็ง)
  3. ใช้แรงน้อย  (ทำแล้วต้องไม่เหนื่อย  หอบ  ใจสั่น)
  4. มีสติ  ตามรู้กายให้ได้มากที่สุด
  5. ห้ามเอาตนเองไปเปรียบเทียบ/ แข่งขันกับคนอื่น  ให้พัฒนาตนเองโดยกลับมามองตนเอง  เรียนรู้ร่างกายตนเองให้มากที่สุด
  6. หลังจากทำอาสนะแล้วต้องไม่รู้สึกเหนื่อย  ปวดมากขึ้น  แต่ควรรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

            เริ่มด้วยการ warm up ตามท่าที่ครูหมูสอน ทุกคนทำตามได้ดี  แล้วให้ลงนอนในท่าศพ เพื่อรู้จักความแตกต่างของการเกร็งและคลายของร่างกายส่วนต่างๆ  ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังค่อนข้างเกร็งในรอบแรก  เราต้องคอยเดินจัดท่าให้แต่ละคน (เรียนกลุ่มเล็กจะดูได้ทั่วถึง) เพราะไม่หันเท้าออก  คอเกร็ง  มือเกร็ง  แขนกาง  แล้วให้ผู้เรียนปรับตัวเองอีกครั้งในท่าที่สบาย 

            จากท่าศพ  ก็สอนให้ลุกนั่งในท่าที่ถูกต้องเพราะหลายคนมีเวียนศีรษะ  บ้านหมุนบ่อย  เป็นการป้องกันการล้มเวลาลุกจากที่นอน  แล้วต่อด้วยท่าคันไถครึ่งตัว  โดยการสาธิตให้ดูก่อนหนึ่งรอบ  และลองปฏิบัติ  รอบแรกผู้เรียนส่วนใหญ่จะเกร็ง  ก็ได้อธิบายเพิ่มเติม  พร้อมทั้งทบทวนกฎ 6 ข้อ แล้วลองทำอีกครั้ง  รอบที่สองทำได้ดีขึ้น  แต่บางคนยังทำเร็วมากก็ต้องบอกให้ช้าลง เพื่อให้สติตามรู้ทัน  สอบถามถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายที่เกิดขึ้น  รอบนี้ก็ยังไม่ค่อยสังเกตตนเองอีกเพราะกังวลกับการทำท่าทาง  ก็เลยให้ทุกคนหลับตาถ้าไม่รู้สึกกลัว  แล้วให้สังเกตขาข้างที่ยกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  อวัยวะส่วนอื่นๆ  ปรากฏว่ารอบที่สามผู้เรียนมีความสังเกตมากขึ้น  และไม่ฝืนตัวเอง  สามารถบอกได้ว่าขาสองข้างรู้สึกไม่เหมือนกัน ข้างไหนทำแล้วสบายกว่า  ก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าแต่ละคนรู้สึกไม่เหมือนกัน  คนนี้ยกขาขวาสบาย  ส่วนอีกคนยกขาซ้ายสบาย  เพราะทุนเดิมมีไม่เท่ากัน  ดังนั้นไม่ต้องแข่งกับคนอื่น  ให้กลับมามองตัวเรามากขึ้น  เมื่อจบแต่ละรอบก็ให้พักในท่าศพ  หลายคนรีบร้อนจะทำรอบต่อไปก็ต้องคอยบอกให้พักจนรู้สึกสบายก่อน  รอบหลังๆเริ่มทำท่าศพได้ถูกต้องขึ้น  อาการเกร็งของคอและแขนก็น้อยลงในภาพรวม

            เสร็จแล้วสอนให้นอนคว่ำพร้อมสติตามรู้เพื่อเข้าสู่ท่าจรเข้  ก็ต้องเดินตรวจท่าอีกรอบพร้อมทั้งจัดท่า  ส่วนใหญ่เท้าไม่หันออกข้างนอกและมีอาการเกร็งของแผ่นหลัง  ก็ต้องแนะนำให้คลายแผ่นหลังให้มากที่สุด  สังเกตลมหายใจและกายทั่วร่าง  ยังสังเกตได้ไม่ชัดเจนนัก  ก็เริ่มต่อด้วยท่าต๊กแตน  เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกับท่าคันไถครึ่งตัว  ผู้เรียนจะรู้สึกง่ายกว่าการเริ่มท่างู  รอบแรกยังทำไม่ถูกก็ต้องแก้ไขปรับแต่งรายบุคคล  รอบที่สองทำท่าทางถูกแต่ยังขาดการสังเกต  รอบสามสังเกตชัดเจนขึ้นทุกคน  ระหว่างรอบให้พักในท่าจรเข้  ก็ยังเกร็งอยู่  แต่พอถึงรอบสุดท้ายทุกคนบอกว่าสบายมาก  ผ่อนคลาย

            ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  ฟ้าเริ่มมืดก็เลยให้ทุกคนนอนในท่าศพ  เพื่อผ่อนคลายอย่างลึก  ทำได้ดีในระดับหนึ่งเนื่องจากฝูงยุงเริ่มรบกวน  นักเรียนก็ตบยุงกับใหญ่  เราเลยต้องบอกว่าให้หลีกเลี่ยงการตบยุง  เป็นพื้นฐานของการฝึกโยคะ  แต่คงต้องมาเน้นจุดนี้ใหม่ครั้งต่อไป อย่างไรก็ดีผู้เรียนบอกว่าทำแล้วสบาย  อาการปวดสะบักหายไป  ตัวเบากว่าตอนมา

           ทุกคนบอกว่าพรุ่งนี้จะมาอีก  และมาให้ตรงเวลาเพื่อจะได้ไม่ถูกยุงรบกวนอีก  เราก็เลยรู้สึกดีใจ  วันนี้เราไม่ได้มาสอนแต่เรากลับมาเรียนต่างหาก  ผู้เรียนคือครูของเรา  ทำให้เราต้องอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น  ฝึกโยคะทุกวันเพื่อที่จะได้สอนเขาถูกหลัก  เกิดประโยชน์  และไม่บาดเจ็บ  สิ่งที่เราทำได้  เข้าใจ  เราต้องเรียนรู้ว่าจะถ่ายทอดอย่างไรให้เขาเข้าใจเหมือนเรา  จังหวะและคำพูดในการถ่ายทอดเป็นสิ่งที่ต้องฝึกหัด  ทำอย่างไรให้คนต่างวัยสนุกในการเรียนได้เหมือนกันเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

          ขอบคุณครูกวี  ครูหมู  ครูลักษณ์ และทุกท่านที่ให้โอกาสเราในการเรียนรู้และแบ่งปัน

คำสำคัญ (Tags): #yoga#โยคะ
หมายเลขบันทึก: 167015เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2008 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

 ขอปรบมือให้ดังๆเลยค่ะ ครูกวีคงดีใจ ที่มีการเผยแผ่วิชาโยคะกันแล้ว คุณหมอสุ มีความตั้งใจ และสละเวลามาก ทำเพื่อชุมชน และทราบว่า หมอไม่เปิดคลินิก ไม่อยู่โรงพยาบาลเอกชน นับเป็นแพทย์ ที่มีความพอเพียง และสร้างสุขให้คนรอบข้างได้ด้วย ขอยืนยัน จากการได้สัมผัสกันมาแล้ว ขอชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ

 จะตามอ่านต่อไปค่ะ

สวัสดีค่ะคุณsu

บังเอิญเข้ามาอ่านแล้วชอบใจ ฝึกโยคะอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังทำไม่ค่อยเก่ง บางทีก็มีลืมหายใจ

เห็นนักเรียนในภาพแล้วอยากไปเรียนด้วยค่ะ เด็กน่ารักจัง วิธีคิดเริ่มสอนหลังจบนี้ดีจังค่ะ ไฟกำลังแรง เห็นด้วยค่ะที่ว่าผู้เรียนช่วยให้เรารู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ชื่นชมด้วยคนค่ะ ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณพี่ต้อยที่เป็นกำลังใจนะคะ  ดีใจที่พี่ได้มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ตั้งใจ  ประสบการณืที่ยิ่งใหญ่นี้คงได้มีโอกาสเข้ามาแชร์ให้ทราบกันต่อไป  อยู่ใกล้ถิ่นกำเนิดโยคะ  คงได้มีโอกาสได้เรียนรู้เพิ่มเติม  สัมผัสของต้นตำรับด้วย

สวัสดีค่ะ  คุณลักษณา

ขอบคุณที่เป็นกำลังใจนะคะ  หนทางยังอีกยาวไกล  เพราะครูบอกว่านี่คือ Lifetime commitment  ฝึกโยคะแล้วป็นอย่างไรก็มา share กันบ้างนะคะ

 

สวัสดีค่ะคุณครูหมอสุ

                หมูขออนุโมทนาด้วยนะคะ กับสิ่งอันเป็นกุศลที่คุณหมอได้ทํา หมูขอเป็นกำลังใจในสิ่งที่คุณหมอตั้งมั่น+ตั้งใจทำนะคะ ศรีราชาช่างป็นเมืองที่น่าอยู่จัง มีสิ่งแวดล้อม ประชาชนที่เอื้อให้เกิดแต่ความรู้สึก และสิ่งดีๆ มากมาย หมูประทับใจมากเลยค่ะ

คุณหมอมีหัวใจของผู้ให้และความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม  หมูรู้สึกปลื้มจัใลเห็นคุณหมอเป็นแบบอย่างที่ดีของหมูค่ะ  สู้ๆ ค่ะ

Congratulations!

ได้ดูผลงานชิ้นโบว์แดงของครูสุแล้วค่ะ รู้สึก ชื่นชม ดีใจ และหนักใจ ว่าจะเรียนกับใครดี พี่กุ้งก็ promotion ครูสุก็ น่า สนใจ สงสัยต้องสมัครทั้ง 2 ที่

อยากให้มาเรียนกันเยอะๆ อยากเรียนมากๆ จะติดต่อได้ที่ไหน คะ

สาว สาว สาว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท