รถยนต์ราคาแพง ดีกว่ารถยนต์ราคาถูก..จริงหรือ???


(ความเห็นส่วนตัว)จากประสบการณ์คิดว่าไม่แน่เสมอไป..อย่างไรก็ตาม..ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดี ข้อเสีย...และจะดีหรือไม่ดี อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย มิใช่อยู่ที่ราคาแพง.....แล้วจะต้องดีเสมอไป.......

รถยนต์ก็มีทั้งรถยุโรป รถญี่ปุ่น รถเก๋ง รถกระบะ แต่คิดว่าความเชื่อของคนส่วนใหญ่ มักจะคิดว่ารถยุโรปแข็งแรงกว่ารถญี่ปุ่น อันนี้ไม่แน่ใจ..ว่าแข็งแรงกว่าจริงหรือไม่..ณ.ปัจจุบันนี้.. แต่โครงสร้างของรถที่แข็งแรงกว่า ก็มิได้หมายความว่า รถยุโรปจะดีกว่ารถญี่ปุ่น

และแน่นอนรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ราคาถูกกว่ารถยุโรป..แต่ข้อดี ของรถญี่ปุ่น ก็มีหลายประการ

  1.  คันเล็ก กว่าหาที่จอดง่าย
  2. ไม่กินน้ำมันมาก
  3. ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ ถูกกว่ามาก
  4. หาอะไหล่ทดแทนได้ง่ายกว่า
  5.  หาช่างซ่อมได้ทั่วไป
  6. หาที่ซ่อมได้ง่าย เช่น รถเสียตามต่างจังหวัด นอกๆเมือง อาจใช้อะไหล่ รถอีแต๋น(รู้จักหรือเปล่าคะ คน กทม..เคยเห็นหรือเปล่าคะที่เขานำมาบรรทุก(ลาก)ข้าว..มีเครื่องยนต์ติดตั้งไว้มองเห็นกันเลย..มีที่จับยาวๆ..แล้วมีคันเร่งคล้ายมอเตอร์ไซด์หรือ(บางคัน)ก็ดัดแปลงทำเป็นเหมือนรถขนข้าวคันเล็กๆมีพวงมาลัยรถด้วย..ไม่รู้จักแน่ๆเลย...ขับสนุกมากคะขอบอก..ฮาๆๆ) เช่น สายพาน เป็นต้น ใส่แทนกันได้...กับรถยนต์บางยี่ห้อ เช่น โตโยต้ารุ่นเก่า..เป็นต้น
  7. รถชน งัดคนขับและผู้โดยสารออกจากรถง่ายหน่อย..(สำคัญ)
  8. แอร์เย็นกว่า
  9. ขายก็ราคาไม่ตกมาก เป็นต้น

ข้อเสีย รถญี่ปุ่น

  1.    บอบบาง เบา บุบง่ายกว่า เข้าโค้งถ้ารถเล็กมากๆการทรงตัวจะไม่ค่อยดี
  2.    โครงสร้างแข็งแรงน้อยกว่า ความปลอดภัยเมื่อเกิดการชนจึงอาจมีน้อยกว่า

ข้อดี ขับรถยุโรป

  1. คันใหญ่นั่งได้หลายคน (ตายหมู่)
  2. โครงสร้างน่าจะแข็งแรงกว่ารถญี่ปุ่น

ข้อเสีย รถยุโรป

  1. กินน้ำมันมาก (เปลืองเงิน)
  2. ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ แพงมาก (ไม่มีเงินจ่าย)
  3. ส่วนใหญ่ก็ต้องอะไหล่ของยี่ห้อรถนั้นๆ (แพงเกินเหตุ)
  4. ต้องเข้าศูนย์โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆมีแต่ระบบdigital หมดสิทธิเข้าร้านซ่อมทั่วไป
  5. ศูนย์ซ่อมไม่ได้มีทุกจังหวัด
  6. รถชน อาจงัดไม่ออกไม่มีใครช่วยได้ตายคาที่..อาจต้องใช้เครื่องมือพิเศษตัดเหล็ก
  7. แอร์ไม่ค่อยเย็นเลย (ควรพกพาพัดติดรถไปด้วย)
  8. ขายก็ราคาตกมาก ยกเว้น Bens เป็นต้น

ดังนั้นความเห็นส่วนตัว จึงคิดว่ารถยนต์ราคาแพง..ไม่แน่เสมอไปว่าจะดีกว่า..รถยนต์ราคาถูก...ด้วยเหตุผลข้างต้น

และ(เพิ่มเติม) ความจริงถ้าดูเครื่องเป็น ดูแลรักษารถได้บ้าง..น่าเล่นรถมือสอง..มาก เพราะอะไร..เพราะรถใหม่สมัยนี้ซื้อมาบางทีก็..เสียซะแล้ว..ยกตัวอย่างรถที่บ้าน..BMW318iซื้อใหม่ขับๆอยู่กระจกร่วงลงมา Peugeot 405ซื้อใหม่ใช้ได้หนึ่งเดือนเสียกลางทาง..บริษัทใส่อะไรผิดไม่ทราบจำไม่ได้เรียกรุ่นนี้เข้าศูนย์หมด..เป็นต้น

เพราะ รถรุ่นใหม่ อุปกรณ์กลไกทันสมัยขึ้นแต่ช่างไม่แน่ใจว่าความสามารถ ความรู้ตามทันกับระบบที่ทันสมัยหรือเปล่า..และนับวันรถรุ่นใหม่ก็จะบางลงๆแต่แพงขึ้น.. แม้รถยุโรปก็ใช่ว่าจะแข็งแรง (เคยถอดออกมาดูด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น....volvo รุ่น 244 GL แข็งแรงมาก ..ตรงประตูข้างถ้างัดออกมาดูจะเห็นเหล็กท่อนใหญ่ขวางอยู่ ต่อมาพอรุ่น740 เหลือท่อนเหล็กเล็กๆ 850 GLE ก็เหลือเหล็กท่อนเล็กๆซึ่งดูแล้วไม่ได้เซฟอะไรเท่าไร.. แล้วยังไม่แน่ว่ารุ่น S 60 S 80 นี่จะมีเหล็กอะไรหรือเปล่า..สงสัยเหมือนกัน วันไหนต้องลองไปงัดดูสักหน่อย..แต่ที่แน่ๆฝาปิดน้ำมันหลุดติดมือพนักงานเติมน้ำมันเลย..แต่ก็ยังคิดว่าโครงสร้างใหญ่รถยุโรปยังคงแข็งแรงดีอยู่..)

แต่อย่างไร..ก็ตาม ก็ยังคงชอบทุกชีวิตปลอดภัยใน Volvo (ปลอดภัยบ้างไม่ปลอดภัยบ้าง) ถึงแม้มันจะมีข้อเสียมากกว่ารถญี่ปุ่นก็ตาม..ก็ขอบอกว่าชอบมาก..มากคะ.. เพราะราคาไม่แพงเกินเหตุ.. เมื่อเทียบกับคุณภาพและความปลอดภัย...ที่สำคัญคันใหญ่ดี..

ท้ายที่สุด รถยนต์จะดีหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่การดูแลรักษา ต้องดูแล และรักษาเป็น ซ่อมได้เองเบื้องต้น มีความรู้ด้านช่างบ้าง..ไม่ใช่อะไรก็เข้าศูนย์..แล้วก็โดน"ต้ม"เขาให้เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน..ความจริงบางครั้งมันซ่อมได้..ให้แอบเข้าไปดูเวลาเขาซ่อมด้วย แล้วขออะไหล่ที่เสียคืนด้วย เพราะอะไหล่บางชิ้นยังเอาไปใช้ได้ ช่างตามศูนย์บางทีชอบเปลี่ยนยกทั้งชุด..ต้องระวัง..ถามให้ละเอียด ว่าจะเปลี่ยนอะไร แล้วเปลี่ยนให้จริงหรือเปล่า..และ หลายอย่าง(รถเรา) ซ่อมเอง..เพราะแค่ใช้ไขควงซ่อมก็ใช้ได้แล้ว เช่นสวิตช์กดกระจกไฟฟ้า หรือไฟบนหลังคารถ..เราสัมผัสปิด เปิดบ่อยๆหน้าสัมผัสมันจะห่างกัน ก็ถอดออกมาแล้วเอาไขควงดัดๆ ให้หน้าสัมผัสมันเข้ามาใกล้ๆกัน เวลากดมันก็ใช้ได้เหมือนเดิม..(ถ้าเปลี่ยนราคาเป็นหมื่น..เป็นลมก่อน..ไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย..เกือบโดน"ต้ม"..)หรือตรงประตูข้าง ด้านในที่ปิดเปิดจะเป็นค้นโยกแล้วจะมีพลาสติกเป็นตัวต่อคันโยก เพื่อให้เปิดล็อคประตูได้เลยบอกช่างเอาลวดมัดไว้แทน...ฮิๆๆ.. ไม่ต้องเปลี่ยน..(ใครซื้อต่อคงโชคร้ายหรืออาจโชคดีก็ได้....แต่ไม่ขายหรอก..)เพราะดูแล้วอะไหล่ที่จะเปลี่ยนเป็นพลาสติก ใช้ไม่นานก็แตกอีก เอาลวดมัดแทน..ก็ใช้ได้เหมือนกัน..ดีไม่ดี อาจใช้ได้ Forever เลย..

สรุปว่ารถยนต์ราคาแพง..อาจจะไม่ดีกว่ารถยนต์ราคาถูกก็ได้..คะ...ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น..

แต่ก็ยังเห็นด้วยหากมีการรณรงค์ให้ขี่จักรยาน ในสถานที่ทำงาน..เพื่อลดมลพิษ ลดอุบัติเหตุ ฯลฯ

ด้วยรักจากใจ หมูอ้วน..I love u

หมายเลขบันทึก: 167191เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2008 00:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

  ขอแจมด้วย

      ถูกต้องครับ...เห็นด้วยครับ...

  เราไม่จำเป็นต้องใช้รถที่ใช้สื่อล่อด้วยโฆษณาเรื่องสมรรถภาพ และความปลอดภัยขนาดนั้น

 *ความปลอดภัยสิ่งสำคัญอยู่ที่คนขับ

 *การเลือกประเภทรถที่ใช้ต้องให้เหมาะกับการใช้งาน

 *การเลือกอู่ซ่อมอย่าเชื่อช่างมาก ควรสอบถามเพื่อน ๆ หรือคนที่รู้จักและใช้รถรุ่นเดียวกัน(หรือไกล้เคียงกัน)หรือยี่ห้อเดียวกันก่อน  เพราะจะมีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น อาการจะคล้าย ๆ อย่าเสียเงินทั้งที่ไม่จำเป็น

  *ช่าง ที่เปิดอู่เองส่วนใหญ่มาจากศูนย์ ฯ พอเก่งก็ลาออกมาเปิดอู่เองและมีความรู้ในส่วนที่เคยทำงานอยู่มาใช้ทำมาหากิน แต่วิวัฒนาการทางเทคโนโลยียานยนต์พัฒนาการไปไวมาก ถ้าช่างไม่เรียนรู้เพิ่มเติมจะซ่อมไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอู่ใหนขึ้นป้ายว่า " ซ่อมรถได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ"เป็นไปได้ยากครับ..แทบเป็นไปไม่ได้เลย ( นอกเสียจากว่าจะใช้รถของท่านเป็นหนูลองยา)  แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้าอู่จริง ๆ ควรเลือกอู่ที่เปิดเฉพาะทางเช่น แอร์ หรือ ช่วงล่าง หรือ เครื่องยนต์ เป็นต้นครับ

   ควรรู้เรื่องรถบ้าง..รถท่าน..ท่านขับท่านน่าจะรู้มากกว่าคนอื่น การขับอยู่บนท้องถนนและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเสมือนใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย สติและสัมปชัญญะของคนขับสำคัญที่สุดครับ

สวัสดีค่ะ

บันทึกนี้ดีค่ะ ให้ความรู้ดี

ดิฉัน เป็นคนดูแลรถ และใช้รถมาหลายยี่ห้อ เอาเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

รถยุโรป บางลงๆ เพราะตัวถังและกระจกบางลง ใช้กระจกชั้นเดียวแล้ว แต่โครงสร้างดีกว่ารถญี่ปุ่น

ส่วนการตรวจสอบและซ่อม เข้าศูนย์ค่ะ ยกเว้นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เพราะช่างนอกศูนย์ มักตามเทคโนโลยี่รถไม่ทัน ไม่ควรเสี่ยง

มีรถต้องดูแล คอยสังเกตอาการอยู่เสมอ ก็จะใช้ไปได้เรื่อยๆไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

สวัสดีคุณพี่"วิสิทธิ์"

  • ขอบพระคุณมากคะสำหรับข้อแนะนำดีๆ
  • คุณพี่วิสิทธิ์ คงจะมีประสบการณ์เยอะมากเลยนะคะ
  • ช่างที่ศูนย์เก่งแล้วก็ลาออกไปเปิดอู่กัน..ก็เลยทำให้ช่างในศูนย์ก็เหลือแต่เด็กใหม่..สรุปว่า..เราต้องเสี่ยงกับการเป็นหนูทดลอง..อีกแล้ว..ถึงว่า..เวลาไปยืนดูใส่ผิดใส่ถูก..นึกว่าตื่นเต้น..ที่ไหนได้.."มือใหม่"คงใส่ยังไม่ค่อยถูก..มากกว่า..นะคะ..
  • คงต้องถาม..เพื่อนๆที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน..ละคะ..ไม่อย่างนั้น โดน"ต้ม"อีก..
  • ขอบคุณมากคะ

สวัสดีคะคุณพี่"sasinanda"

  • ขอบพระคุณคะสำหรับคำแนะนำที่ดีคะ
  • ปกติหนูก็จะนำรถเข้าศูนย์คะ แต่ก็ไม่ค่อยไว้ใจ..ต้องคอยสอดส่องว่าเปลี่ยนให้จริงหรือเปล่า เสียจริงไหม ไหนดูหน่อยซิ..อะไรแบบนี้นะคะ เพราะหนูเคยเจอช่างในศูนย์ตอนใช้รถยุโรปยี่ห้อหนึ่ง(ขออนุญาตไม่กล่าวชื่อยี่ห้อนะคะ)แต่ไม่ใช่Volvo คะ Volvoยังพอไว้ใจได้คะ..แต่เป็นรถที่ใช้สมัยตอนทำงานที่กรุงเทพ..(พี่คงพอเดาได้นะคะถ้าอ่านจะข้อความที่หนูเขียนไว้ข้างต้น)
  • หนูได้นำรถค้นนั้นเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยน"ผ้าเบรคใหม่" ซึ่งเราจะพอมีความรู้ว่าผ้าเบรคเก่า ใหม่มีหน้าตาเป็นอย่างไร และของเก่าก็สามารถนำไปอัดหรือปั๊มผ้าเบรคใหม่แล้วนำมาใช้ได้ แต่ไม่ดีและไม่ทนเหมือนของใหม่เลย..เพราะเนื้อผ้าเบรคจะต่างกันคะ..และราคาก็ต่างกันมากคะ
  • โดยปกติศูนย์จะไม่ให้ลูกค้าเข้าไปในศูนย์..แต่หนูก็อาศัยเดินเข้าไปดูตอน..ที่คิดว่าเข้าคงกำลังเปลี่ยนอยู่..(ช่างคงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามาดู)ปรากฏว่า..ช่างกำลังเอาผ้าเบรคที่เป็นของเก่าแล้วและนำไปปั๊มมาใหม่ใส่เข้าไปให้เรา..และหนูก็เห็นข้างๆช่างก็มีผ้าเบรคแบบนี้เต็มเลยคะ อยู่ในถังน้ำมันที่ใช้แล้วแล้วเขาผ่าครึ่งเอาใส่ผ้าเบรคไว้..(แสดงว่าทำกันแบบโจ่งแจ้งมากเลยคะ..คงเป็นที่รู้กัน..)เห็นแล้ว..ตกใจ..เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้กับศูนย์ที่มีชื่อเสียงแบบนี้(ถ้าบอกชื่อรับรองทุกคนรู้จักแน่นอนคะ)
  • หนูก็บอกว่า"นี่ฉันมาเปลี่ยนของใหม่นะ ไม่ใช่เอาแบบนี้มาเปลี่ยนให้ฉัน"..ว่าแล้ว ช่างก็อ้อ อ้อ ครับๆ แล้วก็ไปเอาของใหม่แกะกล่องมาใส่ให้เรา...(แสดงว่ามีการเบิกของใหม่มาแล้วแต่ไม่เปลี่ยนของใหม่ให้ลูกค้า..ไม่ทราบว่าเจ้าของบริษัทรู้เรื่องหรือเปล่า..นะคะ..)เอ๊ะ..แล้วทำไมตอนนั้นหนูบ่อยให้คนชั่วลอยนวลไปได้นะเนี่ย..??
  • อันนี้ก็เลยคิดว่า เข้าศูนย์ก็ต้องค่อยสอดส่องเหมือนกันคะพี่

ด้วยความเคารพรัก

จากหมูอ้วน

ขออนุญาตชมคุณพี่เล็กน้อยนะคะ เห็นรูปคุณพี่มานานแล้ว..นึกในใจว่าคุณพี่"sasinanda"ยังสวยอยู่เลย..คะ แสดงว่านอกจากจะดูแลรถยนต์ได้ดีแล้ว ยังดูแลสุขภาพได้ดีด้วยคะ..ขอบพระคุณคะ

 

  มีคนรู้จัก เป็นช่างให้คำแนะนำเล็ก ๆ มา ว่าเครื่องยนต์และตัวถังของรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ กว่าจะผ่านการทดสอบมาตรฐานของรถแต่ละคัน จนผ่านและนำออกมาจำหน่ายให้เรา ๆ ท่าน ๆ ใช้ ผ่านกระบวนการนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นถ้าไม่แน่ใจว่ารถเราเสียจริงหรือเปล่า อย่าให้อู่ที่ไม่รู้จักดู เพราะถ้าเข้าอู่เมื่อไหร่รถท่าน " ต้องเสียและต้องเสียตังส์ "  บางคนมีอาการวิตกจริต ได้ยินอะไรนิดหน่อยไม่ได้ต้องรีบเข้าอู่หรือศูนย์ฯ เงินลอยออกจากกระเป๋าเห็น ๆ ทั้งที่ไม่มีอะไรครับ

   ศึกษาหาความรู้เรื่องรถ(จากคนรู้จัก,หนังสือหรือคู่มือ)ที่ท่านขับ เช่น ข้อมูลเครื่องยนต์  วิธีการดูแลรักษา  ซึ่งบางอย่างเราทำเองได้ง่ายมาก จะได้ไม่ต้องเสียตังส์โดยไม่จำเป็นครับ

สวัสดีคะคุณSingha the Kop

  • ขอบคุณมากคะสำหรับคำแนะนำดีๆ
  • ใช่คะบางอย่างทำเองได้..ไม่ยาก
  • สมัยก่อนก็วิตกจริตเหมือนกัน แต่ตอนนี้ได้ยินเสียง...ก็พอทราบว่า..อะไรเสีย..จนบางครั้งเขาศูนย์บอกน้องอันนี้ไม่ต้องเจียรจานเบรคนะแค่ช่วยเอากระดาษทรายขัดๆจานเบรคให้พี่ก็พอแล้ว.คือ"มันมีเสียงเล็กน้อยคะเวลาเบรค"แต่ดูจานเบรคแล้วมันก็ยังหนาอยู่..พอดีเป็นช่วงหน้าฝน..เข้าใจว่าจานเบรคคงสกปรก มีโคลน มีสนิมเกาะเท่านั้น.. ไม่ได้เป็นอะไร..บางทีก็ อาศัยประสบการณ์ด้วยคะ..
  • เข้าอู่นี่ไม่ค่อยไว้ใจหรอกคะ ส่วนหนึ่งที่ใช้Volvoก็เพราะเขาเช่าที่ๆบ้าน..แล้วดีที่ถือโอกาสเล็กน้อย..เข้าไปยืนคุมเวลาซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่..คะ..เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่คะ.. อู่ไม่รู้จักไม่กล้าเสี่ยงเลย.. กลัวจริงๆคะ.. กลัวว่ารถไม่เสียบอกเสีย..หรือถอดอะไรไปแล้วเอาไอ้ที่เสียๆมาใส่ให้เรา..เสร็จแล้วก็ต้องกลับเข้าไปซ่อมอีก..
  • ขอบพระคุณมากจริงๆเลย..น่ารักสุดๆที่ช่วยกรุณาให้คำแนะนำดีๆคะ

สวัสดีค่ะ

อยากทราบว่าVolvo รุ่น XC90 ใช้ดีหรือเปล่าค่ะ..ขอบพระคุณมากค่ะที่ให้คำแนะนำที่ดีๆ

หมูอ้วนเองค่ะ

จริงค่ะ รถแพงค่าดูแลก็แพงตามไปด้วย อย่างเคยใช้อยู่คันนึง E220 สีฟ้าสวยสดใส ประกอบนอก เบาะไฟฟ้า ซันรูฟ มูนรูฟ หรูซะไม่มี เป็นมรดกตกทอด ขับมาได้ปีนึงม่ายไหว ซดน้ำมันเฮือกๆ เติมเต็มถังทีเหยียบสองพัน พอเจอค่าซ่อมบำรุงร้องเจี๊ยก หนูมันเด็กจนๆ ไม่มีปัญญาดูแล จ่ายทีร่วมแสนเพราะถึงรอบการเปลี่ยนอะไหล่หลายอย่าง น้ำตาตก T_T เลยขายกินซะ สบายใจ

หันกลับมาขับรถญี่ปุ่นคู่ชีพคันเดิม แต่งซิ่งหน่อยๆ วิ่งฉิว กินน้ำมันน้อย ซ่อมบำรุงทีหลักพันหรือไม่ก็หมื่นสองหมื่นเต็มที่ รู้สึกดีกว่าค่ะเพราะทางไกลก็ไม่ค่อยได้ขับ วนอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เวลารถติดๆ ต้องการออกตัวไว ปราดเปรียวคล่องแคล่ว คันนี้กินขาด เสียอยู่อย่างคือ มอเตอร์ไซต์ไม่ค่อยเกรงใจ ปาดหน้าปาดหลังเล่นเอาเสียวไส้ ตอนที่ขับรถยุโรปมอเตอร์ไซต์มักจะไม่ค่อยเข้าใกล้เราค่ะ ^ ^ และข้อดีรถใหญ่อีกอย่างคือเวลาวิ่งทางไกลมันสบาย ไม่ต้องเหยียบกดตลอด มันลอยตัว มั่นคง วิ่งที่ 160 ยังรู้สึกเฉยๆ ล็อกความเร็วได้ด้วย ก็เรียกว่าดีคนละแบบค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าใช้งานประเภทไหนมากกว่า

หนูไม่ติดยึดหรอก มีให้ขับก็บุญแล้ว เห็นคนที่ต้องใช้รถสาธารณะเมืองไทยแล้วสงสาร ยิ่งเวลาฝนตกด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่ถ้าระบบรถสาธารณะของเมืองไทยดีเหมือนเมืองนอกก็อาจจะเลือกไม่ขับรถเหมือนกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณน้อง Little Jazz ที่น่ารัก

  •  อิๆๆ คุณพี่กะว่ารถยนต์เอาไว้ประดับบารมีเฉยๆค่ะ..เพราะไม่มีเงินเติมน้ำมันเหมือนกัน..อิๆๆ.
  • ...ความจริง..คือขี่จักรยาน..อิๆๆ
  • ด้วยรักจากใจพี่ยายหมูอ้วนเองจ๊ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท