Anderw รอไปก่อนนะ..คิดได้..มีอะไร..ต้องเรียนถามคุณครูและท่านผู้อำนวยการโรงเรียน..เดี๋ยวก่อนนะ Anderw..โปรดรอสักครู่..??


ก็อยากจะถามความเห็นคุณครู และท่านผู้อำนวยการ..ที่รักเคารพทุกท่าน..

ส่วนใหญ่เรามีเรื่องราวอะไรก็มักไปคุยกับคุณแม่ในฐานะที่คุณแม่ "เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งคุณแม่" และเป็นผู้มีประสบการณ์มากกว่าเรา(แก่กว่า..ฮิๆๆ)และมีอาชีพเดียวกันอีกคือรับราชการเป็นครู เหมือนกัน..

วันหนึ่งเมื่อกลับจากที่ทำงาน..ไปบ้าน..ก็บ่น..ให้คุณแม่ฟังเล็กน้อย..(ตอนอยู่คณะเก่าฯ)ว่า..ที่คณะฯไม่มีกระดาษชำระ (Tissue)ให้ใช้ในห้องน้ำเลย..คุณแม่เราก็สวนขึ้นมาทันที.."ทำไมต้องมี..อาจารย์ก็ต้องซื้อมาเองซิ.." ...เราก็บอกคุณแม่ว่า..โห..นี่ถ้าคุณแม่เป็นคณบดี..หมู(ชื่อเล่นแทนตัว)ลาออกก่อนเป็นคนแรกแน่..ล่ะค่ะ..คุณแม่ก็ยิ้มๆชินแล้ว..เพราะคุณแม่ก็รู้ว่าเราเป็นคนตรงไปตรงมา..คิดอย่างไรบางทีก็พูดไปเลย..แต่บางทีก็พูดเล่นๆสนุกๆ..(เราชอบคุยกันสนุกๆกับคุณพ่อ คุณแม่..จะไม่ถือกัน..คือหมายถึงคุณพ่อคุณแม่จะไม่ถือเรา..นะ..เพราะเราไปถือท่านไม่ได้อยู่แล้ว..ฮิๆๆ).. นึกในใจ..จริงหรือคะคุณแม่..ขา..??เขาต้องซื้อกันเอง..เลยหรือ..(นึกในใจ..ที่โรงเรียนคุณแม่..ขนาดนั้นเลยหรือ..ฮิๆๆ หนูไม่ย้ายไปสอนที่โรงเรียนคุณแม่..แน่ๆเลย..อิๆ)..แต่ถ้าไม่มีจริงๆความจริงเราก็ไม่ว่าอะไร..แต่เราคิดว่า..เจ้าหน้าที่เขาไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีมากกว่า...เพราะไปสำรวจคณะไหน..เขาก็มีให้นะกระดาษชำระในห้องน้ำเนี่ย..แต่คณะฯนี้ทำไม..ไม่ค่อยมี..คือถ้างบประมาณไม่มีเราก็เข้าใจ..ไม่มีปัญหา..ซื้อเองได้อยู่แล้ว..ก็เลยสงสัย..นะคะ..ว่าที่โรงเรียน..เนี่ย..คุณครูเขาต้องซื้อTissue มาเองหรือคะ.. (หนูอยากรู้ จริง จริ๊ง จริงๆคุณครูช่วยตอบหนูทีนะคะ..หรือท่านผอ ก็ได้คะ..) หรือว่าแล้วแต่นโยบายท่านผอ. หรือว่า..แล้วแต่งบประมาณ..หรืออะไร...หรือมีแต่ที่โรงเรียนอนุบาลพิษณุโลก..(ตอนสมัยคุณแม่..เป็นผอ..เท่านั้น)..อิๆๆ???สงสัย..

แต่จากประสบการณ์ตรงนี้ทำให้ตอนแยกคณะ..ต้องมีมาตรการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาด..ด้วย..คือต้องมี..การรายงาน(สั้น)ทุกระยะเขียนไว้ในห้องสุขา(ส้วม)ว่าได้มาตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว..ดังนั้น อาจารย์หรือใครเข้าไปพบเห็นอะไร..ไม่เรียบร้อยก็สามารถหมายเหตุไว้ได้เลย....(ความจริงเราเป็นรองคณบดีฝ่ายแผน..แต่รู้สึกท่านคณบดีมอบหมายให้ทำทุกตำแหน่งตั้งแต่คนสวน..ช่างซ่อมห้องน้ำ..ซ่อมเก้าอี้..ไม่รู้รวมทั้งเป็นคณบดีด้วยหรือเปล่า..อิๆๆ..แต่ก็ถือว่าช่วยๆกัน..โดยปริยาย..เผอิญสนุกกับการทำงาน..ก็เลยHappy ดี....) เราจะไม่คิดว่าการมีตำแหน่งบริหารคือการมาเป็นเจ้านายคนอื่น..แต่เราคิดว่า..การมีตำแหน่งบริหาร..คือคนที่ต้องคอยดูแล(รับใช้)คณะมากกว่า..เพื่อให้ส่วนรวมอยู่ได้อย่างปกติสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้....จึงทำให้มีความสุขกับการทำงาน..

อีกเรื่องหนึ่งที่สงสัยคะ..คือว่า..ที่โรงเรียนนี่..เขาไม่เปิดแอร์กันใช่ไหมคะ..(ยกเว้นโรงเรียนที่ไม่มีแอร์..อีกเรื่องหนึ่ง...นะคะ เพราะไม่มีให้เปิด) คือพอเราพูดถึงเรื่องที่ต้องใช้จ่ายอะไรของหลวงกับคุณแม่นี่..ต้องระวังมาก..เพราะคุณแม่รักษาผลประโยชน์ให้หลวงมาก..ทำให้ต้องพูดต่ออีกเรื่อง..คือ..เรื่องแอร์..คุณแม่บอกว่า..แล้วแอร์เนี่ยนะ..ก็ไม่ต้องเปิด..บ่ายๆร้อนๆแล้วค่อยเปิด..เราก็ หา..จริงหรือแม่.."โรงเรียนคุณแม่เป็นอย่างนั้นเหรอ"(โรงเรียนอนุบาลพิษณุโลก..สมัยคุณแม่เป็นผู้อำนวยการ..) "นึกในใจ..สงสัยคุณครูคงหุ่นดีๆกันทั้งโรงเรียนแน่ๆเลย..ไขมันละลาย..หมด แล้วทุกคนคงมีพัดเหน็บเอวกันด้วย..อิๆๆ"..เราก็ไม่ทราบว่าเขามีนโยบายประหยัดไฟหรือว่าอะไร..กัน??หรือว่าเราเป็นคนรุ่นใหม่..ที่ไม่รู้จักประหยัดหรือเปล่า..??คิดเหมือนกันนะ..ไม่ใช่ไม่คิด..

แต่การไม่ใช้แอร์เลย..ก็อันตราย..เพราะคุณแม่เล่าให้ฟังว่า.."วันหนึ่งมีผู้ใหญ่มาตรวจเยี่ยมโรงเรียนหรืออะไรเนี่ยแหละค่ะ..คุณแม่ก็เปิดแอร์..ปรากฏไฟลุกแบบวิ่งมาตามท่อแอร์เลย..อ่ะค่ะ...."(เราก็ได้โอกาส..เห็นไหม..ก็คุณแม่..ไม่ค่อยได้ใช้มันน่ะซิคะ..หนูมันคงกัดสายไฟ..ไฟรั่ว..หรืออะไรไปแล้วล่ะ...หรือไม่ก็โดนฆาตกรรม..อิๆ บาปกรรมอีก..ชอบแกล้งคุณแม่...งานนี้เนี่ยนะ..ถ้าเป็นเพื่อนกัน..คงขำกลิ้ง..ไปแล้ว..แต่นี่เป็นคุณแม่..เลยไม่กล้าขำ..ฮิๆๆ..เพราะเราเส้นตื้น..sometime) อุ๊ย..อะไรจะขนาดนั้น..สยอง..แต่ก็โชคดีคุณแม่ไม่เป็นอะไร..แล้วเกิดเหตุไม่ได้ร้ายแรงมาก..ดับไฟได้ทัน..คงวุ่นกันทั้งโรงเรียน..แน่ๆเลย..พยายามนึกภาพ"ห้องผอ ไฟไหม้..."อาจมีหลายคนแอบไชโยก็ได้นะ..อิๆๆ..(ความจริงเรานี่คงตกนรกแน่ๆเลยชอบแซวคุณแม่ แกล้งคุณแม่ประจำ..ไม่รู้เป็นอะไร..คุณแม่กลัวผี..ก็ชอบไปหลอกเขา..บาปแน่ๆเลย..) สรุปว่า ต้องระวังเหมือนกัน..ระบบไฟฟ้า..ต้องหมั่นดูแล..ตรวจสอบเหมือนกันคะ..

ทำให้พอแยกคณะ..ก็ลองเอานโยบายประหยัดไฟของคุณแม่มาปรับใช้..ที่คณะนิติก็เลยมีมาตรการ..ให้เปิดแอร์..ตั้งแต่ 10.00 น เป็นต้นไป..ทุกห้องก็เหมือนกันหมดรวมทั้งคณบดีด้วย..ทดลองดู..แต่ปรากฏ..ไม่ไหว..เพราะห้องพักที่อาจารย์นั่งกันเป็นทิศที่แดดช่วงเช้าส่องเข้ามาเต็มๆเลย..และที่สำคัญทุกห้องใช้คอมพิวเตอร์อีก บวกลบคูณหารแล้วท่าทางจะไม่คุ้ม..ก็เลยต้องยกเลิกมาตรการไป..ให้ใช้ดุลพินิจกันเอง..แต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรจากคุณแม่เยอะมาก..เรื่องของ"การประหยัด..เงินให้หลวง"..แม้ทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของคุณแม่..คุณพ่อ..แต่ต้องยอมรับว่ามีส่วนทำให้รู้สึกว่า.."อะไรที่เป็นของหลวงต้องรักษา ต้องประหยัด..ของตัวเองใช้ไปเถอะ..ไม่มีใครว่า"..

ทำให้ตอนแยกคณะมาใหม่ๆ..เราก็เลยกลายเป็นช่างซ่อม..ซ่อมเก้าอี้อีก..เนื่องจากห้องประชุมใหญ่ก็เป็นห้องเก่าของคณะเดิม..สมควรแก่การซ่อมและปรับปรุงได้แล้ว..แต่.จะปรับปรุงใหม่ก็เสียดายเงิน..มองแล้วเก้าอี้ก็พอซ่อมได้..ก็ไปซื้อไขควง คีมมา แล้วเกณฑ์เจ้าหน้าที่มาช่วยกันตรวจดูเก้าอี้แต่ละตัว เพราะมันเป็นแบบหมุนปิด เปิดได้เวลาลุกจากที่นั่ง..มันเสียไปหลายตัว..บางตัวก็แค่น็อตหลุดหายไปทำให้ใช้ไม่ได้..ก็พยายามไปหาเหล็กอะไรมาใส่แทน..(เพราะมันแค่ต้องการเหล็กท่อนเล็กๆสอดเข้าไปเพื่อเป็นแกนให้หมุนได้เท่านั้นเอง..เราก็เลยให้เจ้าหน้าที่ไปถามตามร้านซ่อมวัสดุเกี่ยวกับเหล็กหรือโรงกลึง..คิดว่าเขาน่าจะมีเศษเหล็กอะไรที่ตัดๆหรือทิ้งๆแล้ว..ซึ่งก็ได้ฟรีมา..เจ้าหน้าที่เราก็เก่ง..ไปหามาจนได้..)หรือบางตัวเหล็กมันแยกออกมาหรือหลวมไป..เพราะใช้มานาน..ทำให้เวลาหมุนปิด เปิด..แล้วมันหลุดออกไปได้..ก็ส่งเข้าโรงกลึงแถวๆมหาลัย เสียไปไม่กี่บาทเอง..ถ้าจำไม่ผิดไม่เกินยี่สิบบาท..ก็ใช้ได้..อันไหนหลวมก็ทำให้มันแน่นซะ..ประหยัดงบประมาณไปอีกเป็นแสนๆ..เพราะตอนนั้นเรียกช่างมาตีราคาถ้าปรับปรุง..ก็หลายแสนบาทรวมทั้งใส่เก้าอี้ใหม่ด้วย..ถ้าปรับปรุงหมดเลยก็เป็นล้านบาท..รู้สึกแพงมากไป..เลยบอกเอาไว้ก่อน..คณะก็ยังไม่มีรายได้อะไร..เพิ่งแยกคณะมา..และไม่อยากให้คณะต้องเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น เพราะช่วงแรก็มีหนี้จากคณะเดิมที่พอแยกคณะกันก็เลยต้องเอาหนี้จากคณะเดิมแบ่งมาให้ด้วย...จึงต้องประหยัดมาก...แต่ก็ดีทำให้เด็กๆและเจ้าหน้าที่ทุกคน..รู้จักประหยัดตามๆกัน..และทำให้มีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ด้วย..คือให้นิสิตมาช่วยด้วย..บางคนก็มาช่วยจัดสวน..ให้คณะ ..คนไหนออกแบบเก่งๆก็มาช่วยกัน ..สนุกสนาน..แทนที่จะออกไปบำเพ็ญประโยชน์ให้ที่อื่น..ก็เริ่มจากที่คณะกันก่อนเลย..สนุกดี..นิสิตเองก็รักคณะมาก โดยเฉพาะรุ่นแรก..เพราะอาจารย์กับนิสิตรุ่นแรกนี่เหมือนเป็นทั้งพ่อแม่พี่น้องกันเลยจริงๆ(ความจริงถ้าเป็นได้แบบนี้ทุกรุ่นก็ดี..นะ)..เพราะทุกอาทิตย์อาจารย์ทุกคนก็จะต้องมานั่งอบรมสั่งสอนนิสิตทั้งหมด..และ ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับเขาเพราะ..สงสารเขาที่ไม่มีรุ่นพี่..ก็เป็นประสบการณ์การทำงานที่สนุกสนานมากจริงๆ ที่ได้เรียนรู้อะไรจากคุณแม่..และนำมาปรับใช้กับชีวิตการทำงาน..ของตนเอง..

 ก็แค่มาเล่าสู่กันฟัง..และรบกวนคุณครูและท่านผู้อำนวยการช่วยกรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยน่ะค่ะ..ถ้าพอมีเวลาว่าง.. เผื่อจะได้ไอเดียใหม่ๆไปปรับใช้กับการทำงาน..ในโอกาสต่อไป..ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ..ด้วยความเคารพรักทุกท่าน..

ด้วยรักจากใจ ยายหมูอ้วน..(อ้วนจริงๆอย่างที่เห็นแหละค่ะ..)บ๊าย บาย I love u

...วันนี้เมื่อเช้าอากาศดีมากเลยคะ เปิดประตูไปมองไปที่เขาเห็นแดดรำไร สวยงามมาก เมื่อมองไปที่ต้นไม้หลังบ้าน..ก็ยิ่งสวยงามจับตาจับใจ เพราะต้นไม้มีตะไคร่จับอยู่..เมื่อโดนแสงแดดแล้ว สวยงามมากเลย..ทำให้ได้บรรยากาศ..เป็นเวลาอันสมควรอย่างยิ่งที่ต้องจิบกาแฟและฟังเพลงclassic..ตามสไตล์ยายหมูอ้วน..แต่จากนั้นไม่นาน..(ก็ได้อีกบรรยากาศ..) หิมะตกหนัก..แดดหายหมด..โอ..My God ..ประเทศอังกฤษ..

"ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"..ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนจริงๆ..

คำสำคัญ (Tags): #อยากรู้จริงๆ...
หมายเลขบันทึก: 168865เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2008 16:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อิๆไม่มีใครกล้าตอบ..สงกะสัย..??จะมีคุณแม่เราจะคนเดียวแน่เลย..ที่มีมาตรการไม่เหมือนคนอื่น ..อิๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท