ปัญญาชนกรวยส้ม


ปัญญาชนกับวัตถุสีส้ม

            ใครเคยหงุดหงิดใจกับปัญหารถติดที่ปากทางเข้ามหาวิทยาลัยบ้างยกมือขึ้น ผมคนหนึ่งละที่มีความรู้สึกแบบนี้ ทุกครั้งที่ต้องขับรถมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยทางประตูใหญ่ หลายครั้งต้องรีบลดความเร็วรถอย่างปัจจุบันทันด่วน เนื่องจากรถยนต์จะถูกบีบให้วิ่งเข้าได้เพียงเลนครึ่งเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะว่าคุณรปภ.ที่ยืนควบคุมการจราจรอยู่นั้นได้แบ่งถนนส่วนในสุดให้รถจักรยานยนต์เข้า โดยเขาแบ่งทางเข้าให้เป็นสองช่องทาง ซึ่งต้องนำเอากรวยสีส้มๆมาวางเรียงราย เพื่อทำให้ถนนของจักรยานยนต์มี 2 ทางวิ่งทันที ดูก็น่าจะเป็นการแก้ปัญหาจราจรที่ดีได้ใช่ไหม แต่เรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างที่ว่านั้น เพราะหลายครั้งท่านนำกรวยวิเศษมาวางล้ำเข้ามาในช่องวิ่งของรถยนต์ ถ้าสังเกตให้ดีก็จะพบว่า หลายครั้งท่านรปภ.ก็จะนำรถของท่านมาจอดไว้ที่เส้นแบ่งถนนด้วย หรือไม่บางคนก็เด็ดกว่านั้น เพราะท่านนำเก้าอี้มาวางไว้เพื่อนั่ง นั่งกางร่วมแจกบัตรเข้ามหาวิทยาลัย ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก แต่นั่นแหละ ช่างน่ารำคาญลูกกะตาของผมจริง (ไม่กล้าเขียนว่า ลูกตา เพราะว่าจะกลายเป็นแม่ผมเอง ฮา)

            ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมจึงต้องปฏิบัติเช่นนั้น เพราะรถที่วิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ล้วนแล้วแต่เร่งรีบ รถยนต์วิ่งมา 2 เส้นทางก็ถูกเบียดให้เหลือเลนครึ่งซะหลายครั้ง หรืออาจจะเป็นนโยบายลดความเร็วรถก็ได้ อย่านี้ผมให้อภัยครับ (กรอด...)

            ปรากฏการณ์นี้ก็มีให้เห็นเมื่อเราต้องการวิ่งออกจากมหาวิทยาลัย คราวนี้ไม่เห็นเก้าอี้ตากอากาศตั้งอยู่ แต่จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดไว้แทน ประหนึ่งว่า หากมีรถที่ทำผิดกฎขึ้นมาแล้ว ท่านจะได้ออกตัวไล่ได้ทัน แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นท่านจะสนใจตรวจตราเท่าไหร่ แค่รับบัตรคืนเท่านั้นเอง แถมเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ออกตัวไปเพื่อจะเข้าถนนกาญจนวนิชนั้น เราจะเห็นว่า บรรดารถเครื่องเหล่านั้นก็จะต้องเลี้ยวขวาทันทีทันใด ตัดหน้ารถหลายๆคันที่ออกตัวเมื่อเห็นสัญญาณไฟเขียวส่องสว่างขึ้นมา อุบัติเหตุก็เคยเกิดเพราะการหักเลี้ยวจากเลนขวาเข้าเลนซ้ายอย่างรวดเร็วแบบนี้มาก็หลายหน จะไปว่ามอเตอร์ไซค์เขาไม่ได้ เพราะว่าต้องถูกบังคับให้เข้าเลนซ้ายเพื่อคืนบัตรนี่นา

            มาถึงรถยนต์บ้าง จุดตรวจรถขาเข้าก็ช่างกระไร มีใช้มาตั้งหลายปีแล้ว มันก็ยังคงสภาพเป็นเต็นท์ถาวรอยู่อย่างนั้น ทำท่าว่าจะมีกล้องวงจรปิดอยู่พักหนึ่งแล้วมันก็หายไป (แต่ตอนที่มีนั้น ไม่รู้ว่าได้ใช้บ้างไหมหนอ) เอาล่ะ ไม่ว่ากัน เป็นเต็นท์ก็สะดวกดี เพราะยกไปยกมาได้ ประเด็นของผมก็คือ เขาเปิดให้มี 2 ช่องทางวิ่งก็ดีครับ แต่วันดีคืนดีก็ลดลงเหลือช่องเดียว ช่องที่อยู่ด้านซ้ายมือ ก็เพียงเอากรวยส้มสักอันสองอันมาวางดักไว้ ก็เป็นที่เข้าใจว่าใครอย่าเสียบเข้าไปเชียวนะ รถจะติดแค่ไหน พี่ก็จะให้เหลือช่องเดียว ติดจนถึงไฟแดงนู่น พี่ก็ไม่สนใจ เคยวิ่งเข้ามาเลนซ้ายไหม เห็นรถว่างอยู่ แต่แม่เจ้า ไปแล้วแช่เลยครับ เพราะว่าเขาเปิดให้เข้าช่องเดียว คราวนี้แทนที่จะเร็ว ก็ต้องช้าลงอีกนาน เพราะคันหลังไม่ยอมให้เราเสียบเข้าช่องขวา ประเทศไทยจงเจริญ

            ยัง ยังไม่หมดครับกับไอ้วัตถุสีส้มที่กล่าวถึง เมื่อเราเลี้ยวเข้าวงเวียนเพื่อที่จะเข้าเขตโรงพยาบาล ตรงบริเวณสามแยกโรงพยาบาลทันตกรรมกับตึกฉบ. จะเห็นวัตถุสีส้มวางเรียงรายเป็นแนวโค้งเพื่อบังคับรถให้เลี้ยวตามที่มันต้องการ มันในที่นี้คือวัตถุสีส้มที่เคารพนะครับ อย่าคิดว่าผมหยาบคาย  

            พยายามคิดมาตลอดว่า ทำไม? ทำไม? และทำไม?

            ลองจินตนาการตามผมดังนี้นะครับ ท่านกำลังขับรถมาจากหน้าโรงพยาบาล ผ่านหน้าตึกฉบ. เมื่อถึง 3 แยกก็ต้องเลี้ยวซ้าย เพราะวัตถุสีส้มนั้นบังคับท่านไว้ ทั้งๆที่เราอยากจะเลี้ยวขวาใจจะขาด อยากจะไปหน้าอาคารบริหารคณะแพทย์นี่นา ทำไมต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปจอดรถติดอยู่ที่หน้าวงเวียน เพื่อที่จะเข้าวงเวียน แล้วเลี้ยวกลับมาเพื่อผ่านหน้าโรงพยาบาลทันตกรรมแล้วจึงจะถึงอาคารบริหารคณะแพทย์ น้ำมันก็แพง รถก็เยอะ รถก็ติด รถถูกชนก็เคยเห็นมาแล้ว นั่นเพียงเพื่อต้องถูกบังคับเลี้ยวซ้ายนั่นเอง ทำไมครับ ทำไมจึงเลี้ยวขวาไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็เป็นทางที่รถวิ่งทางเดียวอยู่แล้ว หรือกลัวว่ารถที่มันวิ่งลงมาจากวงเวียนจะมาชนกันตรงนี้ ประโถ ขอบพระคุณในความหวังดีครับ แต่ไอ้ที่รถไปติดในวงเวียนนั้นไม่ต้องไปสนใจมันครับ ประเทศไทยจงเจริญ

            จะเห็นว่านี่เป็นอานิสงค์ของวัตถุสีส้มครับ มหาวิทยาลัยเราใหญ่โต ผู้คนมีการศึกษามากมาย จบปริญญาโท เอก ก็มากโข แต่อนิจจาต้องมาถูกวัตถุสีส้มบังคับให้หักพวงมาลัยไปตามใจมัน โต้แย้งไม่ได้ เรียนมาเสียสูงแต่แพ้พลาสติกสีส้ม ฮา...

            แล้วที่เขียนมานี้ มีทางแก้ไขให้เขาหรือเปล่า บ่นอย่างเดียว ใครๆก็ทำได้

            โถ กระผมเป็นเพียงหมอตัวเล็กๆนี่นา วันๆก็เห็นแต่ช่องคลอด เพราะเป็นหมอสูติ ทำไมไม่ไปจ้างคนเก่งๆมาแก้ปัญหาเล่า คนที่เขาทำงานด้านนี้น่ะ ไปหามาสิ ก็แค่เอาป้อมยามที่ตรวจมอเตอร์ไซค์ขาเข้า ไปวางไว้ที่ถนนเส้นในสุด เส้นที่เขาเลี้ยวออกมาจากปั๊มน้ำมันบางจากน่ะ รถติดก็จะลดลงไปได้โขเชียว หากใช้สมองมองให้เห็นก็จะพบว่า มอเตอร์ไซค์ทุกคัน ท้ายที่สุดเขาก็ถูกบังคับเลี้ยวเข้าเส้นนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ คราวนี้ท่านจะวางเก้าอี้ไว้กี่ตัวก็ไม่ไปบังคนอื่น ส่วนป้อมยามขาออกก็เลื่อนเข้ามาด้านในอีกนิด เพื่อให้มอเตอร์ไซค์สามารถกระเถิบรถเข้ามาเลนขวาเพื่อเตรียมตัวเลี้ยวออกไปทางสามแยกคอหงส์ได้โดยไม่ต้องหักเลี้ยวแบบกระชั้นชิดจนเกินไปที่บริเวณสัญญาณไฟ แล้วขอเถอะ มอเตอร์ไซค์ท่าน ไปจอดไว้ที่อื่นก็ได้ อย่าลืมนะ ว่าท่านไม่ใช่ตำรวจจราจร

            ส่วนเจ้าสีส้มที่แยกตึกฉบ.เหรอครับ แค่เคลื่อนย้ายมันออก แล้วอนุญาตให้เราเลี้ยวขวาได้ ก็จบแบบง่ายๆ

            ก็แค่นี้แหละครับ สังคมอุดมปัญญาได้ เราต้องช่วยกันดู ดูไปบ่นไป แก้ได้ก็แก้ไป แก้ไม่ได้ก็เอวัง

 

หมายเลขบันทึก: 171209เขียนเมื่อ 16 มีนาคม 2008 22:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

วันนี้เห็นคุณหมอบ่นยาววววว...

เอ พวกรปภ.นี่เขาต้องได้ใบอนุญาตอะไรหรือเปล่าคะที่มากั้นรถอะไรเนี่ย เพราะทำได้เฉพาะตำรวจไม่ใช่หรือคะ จะมีการมอบอำนาจได้ไหมคะ...

คุณศศินันท์ครับ P

บ่นไปเรื่อยๆครับ บ่นลงข่าวคณะแพทย์ของโรงพยาบาลด้วย

เขาได้สัมปทานการดูแลเรื่องพวกนี้แหละครับ

ผมบ่นหลายเรื่อง และก็ได้เรื่องไปหลายเรื่อง เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลของผมเขาจะทำเป็นโปสเตอร์เล็กๆไปติดให้คนไข้ ชาวบ้านได้อ่านด้วยครับ

ในช่วงเช้าก่อนทำงานกับเย็นหลังเลิกงานในมหาวิทยาลัยเราก็จะมีรถที่มาจากทางนาหม่อมแล้วเข้ามาในมหาวิทยาลัยทางประตูข้างเพื่อออกทางประตูหน้าเยอะมากเลยครับ รถเหล่านี้เข้ามาเพื่อหลีกไฟแดงแต่ก็ต้องมารถติดในมหาวิทยาลัยครับ ติดกันเป็นแถวยาวจนทำให้ผมสงสัยว่าเขารู้ว่ารถติดแล้วจะยังเข้ามาทำไมอีกครับ ประเทศไทยจงเจริญอีกเรื่องหนึ่งครับ

สวัสดีครับคุณพ่อ P

แวะมาบ่นเหมือนกันนะครับ ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอน สงสัยลูกกวนแฮะ

อันนี้เป็นความรู้ใหม่จริงๆนะครับ ว่ามีรถเข้ามาเพื่อหลบไฟแดง เฮ้อ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท