โลกใบเล็กกับ Six Degrees


คงเคยได้ยินเรื่อง Six degrees of separation ที่กล่าวไว้คร่าวๆ ว่า

ในบรรดาคนที่เรารู้จักหรือเกี่ยวข้องด้วยตัวของเราเองนับเป็นหนึ่งช่วง และนับเอาคนที่รู้จักหรือเกี่ยวข้องด้วยกับคนที่เรารู้จักหรือเกี่ยวข้องด้วยเป็นช่วงที่สอง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทุกคนในโลกนี้จะมีความสัมพันธ์กับตัวเราโดยเฉลี่ยไม่เกินช่วงที่หก

ทฤษฎีโลกใบเล็กเริ่มมาจากดุษฎีนิพนธ์ของ Dr. Michael Gurevich ที่ MIT ในปี 2504

Gurevich, M (1961) The Social Structure of Acquaintanceship Networks, Cambridge, MA: MIT Press

ซึ่งมีการใช้คอมพิวเตอร์จำลองในปี 2516 พบว่าประชากรในแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ จะห่างกันโดยเฉลี่ยแค่สามช่วงเท่านั้น

เดิมที Six degrees of separation เป็นเรื่องทางคณิตศาสตร์ จนกระทั่งปี 2537 เมื่อนักศึกษาสามคนของวิทยาลัย Albright ในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ได้ประยุกต์หลักของเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยยก Kevin Bacon ซึ่งมาเป็นจุดเริ่มต้น แล้วบอกว่านักแสดงฮอลลีวู๊ดทุกคน จะอยู่ห่าง Kevin Bacon ไม่เกิน 6 ช่วงของการร่วมงานภาพยนต์กัน เรียกว่า Six degrees of Kevin Bacon

แล้วที่มันเป็นเรื่องเพราะ Kevin Bacon เล่นด้วย เขาตั้งเว็บไซต์ sixdegrees.org ขึ้นมา

อนุสนธิจากเรื่องนี้ก็คือทุกคนในโลก หากนับจากคนรู้จักของคนรู้จักแล้ว ไม่น่าจะอยู่ห่างกันเกิน 6 ช่วง

เช่นแต่ละคนรู้จักคน 100 คน (ในชีวิตจริงคงมากกว่านี้) ถ้าหกช่วงก็เป็น 1006 คือ ล้านล้าน combination -- เทียบกับประชากรโลกหกพันล้านคน

องค์กรธุรกิจพบปรากฏการณ์เดียวกัน

Microsoft Research ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ MSN Messenger ซึ่งเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมิถุนายน 2549 และพบว่าผู้ใช้ MSN Messenger อยู่ห่างจากสมาชิกอื่นเป็นระยะเฉลี่ย 6.6 ช่วง

เมื่อต้นปีนี้ Facebook วิเคราะห์ฐานข้อมูลของตน พบว่าสมาชิกอยู่ห่างกัน 6.38 ช่วงโดยเฉลี่ย (โดยมีช่วงที่ห่างกันไกลที่สุดคือ 14 ช่วง)

ลักษณะการบอกต่อ (word of mouth) หรือ ส่งต่อ (viral marketing/forward mail) จึงเป็นวิธีการแพร่กระจายข่าวสารที่รวดเร็วและได้ผล

Six degrees กับโลกร้อน

National Geographic ทำสารคดีเรื่องผลของโลกร้อนที่น่าสนใจมากขึ้นมาครับ

เขามุ่งหาคำตอบด้วยการประเมินทางสภาวะแวดล้อมว่า ถ้าอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเพียงไม่กี่องศา จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง; แค่ร้อนขึ้นไม่กี่องศาเราคงคิดกันว่าไม่เป็นไร แต่ผลที่ประเมินออกมานั้น น่ากลัวมากครับ

ทวีปอาร์คติคจะไม่มีหิมะปกคลุมถึงครึ่งปี มหาสมุทรแอตแลนติคตอนใต้ ซึ่งธรรมดาไม่มีพายุเฮอริเคน ก็จะเริ่มมีเฮอริเคนตามชายฝั่ง ทางตะวันตกของสหรัฐจะประสบความแห้งแล้วหนักรบกวนการดำเนินชีวิตปกติ
หมีขั้วโลกมีชีวิตยากลำบากขึ้นเพราะธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย ธารน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์เริ่มละลาย ปะการังหายไป
ป่าดงดิบอเมซอนประสบความแห้งแล้ง ความแปรปรวนของอากาศจากเอลนินโญ (El Niño) กลายเป็นเรื่องที่เกิดเป็นปกติ ทวีปยุโรปประสบปัญหาคลื่นความร้อนรุนแรงเป็นประจำ
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ทำให้เมืองชายฝั่งจมน้ำ การที่ธารน้ำแข็งหายไป ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำจืด คานาดาทำการเพาะปลูกได้ดีขึ้น ชายหาดในสวีเดนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับหน้าร้อน ส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์ติกาละลายและแตกออก ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีก
พื้นที่ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ขยายตัวออกไป เกิดการขาดน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างรุนแรง เมืองที่ใช้น้ำจากหิมะหรือชั้นหินอุ้มน้ำจะแห้งตาย จะมีผู้อพยพจากลมฟ้าอากาศเป็นล้านๆคน อารยธรรมมนุษย์เริ่มสั่นคลอน คนจนจะได้รับผลกระทบรุนแรงกว่า
จุดจบของโลกแบบที่เรารู้จักกัน
หมายเลขบันทึก: 171272เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2008 12:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 14:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีครับอาจารย์

ได้ดูสารคดีเรื่องความร้อนที่เพิ่มขึ้นบางส่วน

ดูแล้วก็คิดไปหลายอย่างเหมือนกันครับ

ความวุ่นวายคงจะมีมากมาย  ความทุกข์ของมวลมนุษย์

คงต้องพยามปฏิบัติธรรมให้เข้มข้นขึ้นครับ...

ดูแล้วกลัวครับ โลกของเราใกล้ชิดกันและเปราะบางกว่าที่เรา "คิด" และ "รู้สึก" กันโดยทั่วไป

"กมฺมุนา วตฺตตีโลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" (ไม่ใช่เพลงของ Big Ass)

หากจะยืดอายุโลกออกไปได้ ก็คงจะต้องรวมพลังกันครับหมอ มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป สิ่งที่เราทำในวันนี้ ลูกหลานในอนาคตรับผลจากการกระทำของเราในวันนี้

ลองไล่เล่นๆ ดูค่ะ แค่สามช่วงของคนรู้จักก็สามารถเชื่อมเรากับ จอร์ช ดับเบิลยู บุช หรือโป๊ปได้แล้ว ไม่น่าเชื่อนะคะทฤษฎีนี้ แต่เป็นจริง ส่วนรายการ Six Degrees ของ National Geographic คนไทยน่าจะได้ดูเร็วๆ นี้ เพราะเห็นโฆษณาทางสถานี Thai PBS เมื่อสักสองอาทิตย์มาแล้ว ใน preview ของรายการบอกว่าประเทศไทยโดนแบบเต็มๆ ซะด้วยสิ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ จะหายไปเลยเนื่องจากน้ำทะเลหนุน - - "

เรื่อง Six degrees of separation อาจารย์บัญชา สวทช. เคยเขียนไว้เมื่อปีที่แล้วครับ -- ผมไม่ได้ตรวจสอบก่อน แต่โชคดีที่เขียนเรื่องเดียวกัน/ใช้ศัพท์เดียวกัน แต่ชี้ไปคนละประเด็น

ส่วนทีวีนั้น ช่วงนี้ไม่ได้ดูครับ กำลังเก็กซิมที่คนที่ควรจะทำเรื่องเพื่อส่วนรวม ดันใช้เวลาทีวีมาเบิ้ล "คู่ต่อสู้" เพื่อความสะใจส่วนตัว

พี่ว่า ตอนนี้เราจะอยู่ในโลกใบเล็กๆ นี้อย่างมีความสุขสงบได้ยากขึ้น

 ในเมื่อในแต่ละวัน เราต้องเผชิญกับปัจจัยต่างๆ ที่ไหลบ่าเข้ามาจากหลากหลายแห่งหนนะคะ  ซึ่งหลายเรื่องหลายประเด็นนั้นดูจะขัดแย้งกันเองด้วยค่ะ ตอนนี้ก็มีธุระยุ่งๆเยอะพอดู อิๆๆ

ตอนแรกเห็นรูป Bacon ยังงงว่ามาทำไมที่นี่ อ่านแล้วจึงทราบ เขาเป็นดาราที่เล่นหนังมาก คงไม่มีใครที่ชอบดุหนังแล้วไม่รู้จักเขานะคะ เป็นศูนย์กลางฮอลลีวู้ดจริงๆค่ะ  เขาเล่น Murder in the first ถ้าจำไม่ผิด ดีค่ะ

ทฤษฏีนี้ก็มีส่วนจริงนะคะ แม้แต่คนที่รู้จักกับคุณConductor บางคน พี่ยังรู้จักเลยนะคะ

การเอาเรื่องนี้มาให้ความรู้และเริ่มกระทำในสิ่งที่ควรทำในประเทศไทยเรานั้นดูเหมือนจะไม่มีพลังเท่าที่ควร ไม่มีการตื่นตัว แม้ตื่นตัวแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มีส่วนในการช่วยลดปัญหานี้....

สวัสดีครับพี่ ขอนำเสนอหลักการง่ายๆ แต่ทำยาก 4 ประการครับ

  1. หยุด คือ หยุดทุกๆกิจกรรมที่นำไปสู่การส่งผลทำให้เกิดผลของปัญหาโลกร้อน หลักๆ คือ สงครามที่ทำให้เกิดความร้อนทั้งภายในและนอก
  2. คิด คือ คิดหาแนวทางในการมุ่งพาโลกให้้ย้อนกลับไปสู่ภาวะสมดุลก่อนจะมาถึงภาวะโลกร้อน
  3. ทำ คือ ทำทุกอย่างที่ไม่ส่งผลทำให้เกิดปัญหา นำไปสู่ผลของสิ่งนั้น
  4. ใช้ คือ ใช้ทุกอย่างที่ไม่ก่อให้เกิดผลต่อภาวะไม่สมดุล

หยุด คิด ทำ ใช้  แล้วก็วนรอบต่อๆ ไปครับ

ขอบคุณมากครับ

พี่ศศินันท์: ที่จริงเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2537 ใน rec.arts.movies (USENET newsgroup) มี thread ยาวมากอันหนึ่งชื่อ Kevin Bacon เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า It is a little known fact that any actor or actress can be linked back to Kevin Bacon.

พี่บางทราย: ใช่เลยครับ นั่นเป็นประเด็นของบันทึกนี้ ความรู้ที่มีอยู่ หากนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและต่อผู้อื่นไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับการไม่รู้เลยครับ บางทีเรารู้แต่ไม่ทำอะไร ก็เพราะคิดว่าตัวเรามีกำลังนิดเดียว ไม่มีอำนาจหน้าที่ จึงไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ ก็จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาครับ

อาจารย์เม้ง: ขอบคุณครับ หยุด คิด ทำ ใช้ [โยนิโสมนสิการ]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท