เตือนภัยมืด..??


??

สมาคมนักเรียนไทยในSheffiled เขาส่งข่าวมาให้อ่าน..คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับบุคคลทั่วไป..ความจริงก็เป็นเรื่องที่เกิด..และได้ยินกันบ่อยๆแล้ว..แต่มาเตือนความจำอีกครั้ง

(ข้อความนี้น้องๆส่งมาให้อ่านค่ะ..เพื่อจะเป็นประโยชน์)

"ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้

ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S

ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบเข้ามาทักทายบอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและมีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่านแล้วก็บอกว่าจะรีบไปทำงาน แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผมเคยอ่านมาแล้วจึงอยากจะคืนกลับไป

การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้วและได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้นถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่าจะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจจึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน พอนั่งทานไปได้ประมาณครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผมแล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้นภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีรถตู้สีขาวก็มาจอด
แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงและผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้ พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีกโดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลยนั่งซึมอยู่กับบ้าน

สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้านให้ไปรับผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจเพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้างกินเงินเดือนเท่านั้น ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับพวกเดนสังคมได้สองคนได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่งและตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะภาพลง internet สองครั้ง

ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการพบปะกับใครเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน


ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ อย่าลืมบอกต่อๆกันไปด้วยครับ"

**อืม..ถ้าเป็นเราไม่จ่ายแน่นอน..เล่นวิธีสกปรกแบบนี้..อิๆๆ..ที่สำคัญคือ.. ไม่มีเงินจ่ายด้วย..ไม่ใช่อา-ราย..อิๆๆ..

ด้วยรักจากใจยายหมูอ้วนเอง

คำสำคัญ (Tags): #ภัยมืด
หมายเลขบันทึก: 172348เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2008 18:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีคะ

รู้สึกว่าเราต้องระวังภัยให้มากๆ และ คงต้องช่วยกันดู สิ่งแวดล้อมให้ดีนะคะ

สวัสดีค่ะคุณก้ามปูที่น่ารัก

  •  ใช่ค่ะ..อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน..จะจนใจเอง..
  • ค่ะคงต้องช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม..และช่วยกันระวังภัยต่างๆด้วยค่ะ..
  • ด้วยรักจากใจยายหมูอ้วน

อ่านเรื่องนี้แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็นับว่าเราไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ได้เลย

รู้สึกสงสาร เห็นใจ ภรรยาและตัวคุณด้วยมาก ก่อนที่ภรรยาคุณจะเป็นโรคจิต ควรได้รับความช่วยเหลือทางด้านจิตใจอย่างเร่งด่วน ถ้าจำเป็นมากควรพบจิตแพทย์ แต่อยากแนะนำ ให้ปรึกษาท่านอาจารย์ ที่มีจิตเมตตา และมีความรู้ทางธรรมสูงก่อน บางทีท่านอาจช่วยผ่อนหนัก(ทางจิตใจ)ให้เป็นเบาได้ ลองเข้าดูที่เว็บwww.supawangreen.in.th

เผื่อท่านจะแนะนำทางที่ถูก เพื่อให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไม่เจ็บปวด สามารถทำงานต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้

สวัสดีค่ะคุณแก้วที่นับถือ

  •  ใช่ค่ะก็ต้องระวัง..เหมือนกันนะคะ..
  • อิๆๆ..เป็นเรื่องที่เขาส่งมาให้อ่านค่ะ..ไม่ใช่ภรรยา..ดิฉัน..
  • อิๆๆ..อิๆๆสามียังหาไม่ได้เลย..จะให้หาภรรยาซะแล้ว..อิๆๆ
  • ขอบคุณค่ะ.. ถ้าทราบว่าเป็นใครจะบอกเขาให้อีกทีนะคะ..
  • ขอบคุณแทนเขาด้วยค่ะ..ที่ช่วยแนะนำสิ่งดีๆมานะคะ
  • อิๆๆถ้าเป็นดิฉัน..คงไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวลแน่นอนค่ะ..
  • ด้วยรักจากใจยายหมูอ้วนเอง
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท