ในแวดวงการของสัตว์ก็มีการถือศีลและปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกันกับมนุษย์อย่างเรา ๆ และท่าน ๆ ในการปฏิบิบัตินั้น ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละท่าน จะมีขันติธรรมในการปฏิบัติมากแค่ไหน ดังมีเรื่องว่า
มีพ่อไก่ตัวหนึ่งไก่ตัวนี้ เป็นไก่ที่ตั้งปณิธานด้วยความตั้งใจว่าจะปฏิบัติธรรมด้วยความเคร่งครัดในธรรม ด้วยหวังว่า ในภายภพหน้าจะได้ไปกำเนิดในภพภูมิที่ดีกว่า จึงตั้งใจและมีขันติในการปฏิบัติธรรมเรื่อยมาไม่มีข้อตกบกพร่อง รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นระยะเวลาหลายปี
วันหนึ่งขณะที่ไก่เจ้าปฏิบัติ กำลังกำหนดจิตอยู่ มีแม่ไก่ตัวหนึ่งเดินมาหารับประทานอาหารอยู่ไกล้ ๆ พร้อมส่งเสียง ก๊า ๆๆๆ เรียกร้องความสนใจตามประสาสัตว์โลก ไก่เจ้าปฏิบัติ พอได้ยินเข้า คิดว่า โอ..เราไม่เคยได้ยินเสียงอันไพเราะอย่างนี้มาตั้งนานแสนนานแล้ว...วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ..ทำไมหนหอจิตใจเราไม่ปกติ...คิดไปคิดมา ความฟุ้งซ่านคงเกิดขึ้น คิดว่า เป็นงัยเป็นกันเถิด จึงหันไปมองพลัน
จึงกล่าวว่า โอ..เล่นเอาตบะกูแตกเลย เล่นเอาความหวังที่จะไปสู่ภพภูมิชั้นสูง ของ ไก่เจ้าปฏิบัติ นั้น พังทลายลงกับ กิเลสที่เกิดขึ้น ของแก
ข้อความนี้ เป็นอุทาหรณ์ว่า เราพึงสำรวมและระวังอยู่ทุกขณะจิตเถิด บางครั้งสิ่งล่อใจเพียงเล็กน้อยทำให้เราสูญเสียการงานและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไป
ความสุขโลกีย์มีได้ชั่วคราว
ความสุขยืนยาวต้องเข้าหาธรรม
ไม่หยุดไม่ถึงพระ ไม่ละก็ไม่ถึงธรรม
ยามมืดค่ำให้ส่องด้วยแสงไฟ
ยามมืดใจจงส่องด้วยแสงธรรม.....
ปัญญาเท่านั้น จึงเป็นแสงสว่างในโลก
สวัสดีครับอาจารย์
- ข้อความของอาจารย์อ่านแล้วมีสาระมากและมีความสุขด้วยที่ได้ ทำให้ทราบปรัชญาของชีวิต
สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์เฉิน
เห็นชื่อบันทึก อะไรเกี่ยวกับ ไก่ๆ เลยแวะมาเยี่ยมค่ะ
เพราะอยากรู้ ว่าไก่ ตะบะแตกยังไง...อิอิอิ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์เฉิน แสนดี
แวะมาอ่านข้อเขียนของอาจารย์เฉิน ครับ มีข้อเขียนที่น่าอ่านและน่าสนใจหลายเรื่องดีครับ ปิดเทอมนี้กลับบ้านหรือเปล่าครับ อย่าเขียนมาคุยกันนะครับ
อาจารย์เฉิน
อย่าลืมเข้าไปตอบคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในบันทึกของเรานะคะ
และก็อย่าลืมเข้าไปอ่านและแสดงความคิดเห็นใบบล็อกและบันทึกของคนอื่นด้วยนะ
สวัสดีครับ
แวะมาอ่านข้อความผมบางนะครับ
ขอบคุณท่านสรพงษ์ นะ
ขอบคูณ ครูกุ๊กไก่นะ ถือว่าเป็นคติเตือนใจละกัน
ขอบคุณอาจารย์ทวิชที่คิดถึงเสมอ
พี่นุ้ยเราตอบให้แล้วนะ
แล้วผมจะแวะไปอ่านนะท่านอาจารย์ กำจร