ม้าที่หายไป


มองโลกในแง่ดี

สอนคุณธรรมอย่างไร

ให้มีความพอเพียง

บทที่ 7

การมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้าย

                                               

จุดประสงค์ :   เพื่อรู้ รัก และฝึกจนเคยชิน

นิทานคติ  เรื่อง : ม้าที่หายไป

         

นานมาแล้วทางตอนเหนือ อันแสนกว้างใหญ่ของจีน ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าและทะเลทราย หุบเขาและขุนเขาสูงตระหง่าน บ้านแห่งชนเผ่าเร่ร่อน ชนเผ่าค้าขาย และชุมชนเกษตรเล็กๆ ถัดไปทางเหนืออีกนิดยังมีดินแดนเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขารอบด้าน ชาวบ้านที่นั้นมีความเชื่อว่าถ้าบ้านใดมีม้า บ้านนั้นจะโชคดี  ดังนั้นทุกปีพวกชายหนุ่มจะออกจากหมู่บ้านไปยังทิศตะวันตก ที่ทุ่งหญ้าด้านนั้นจะมีม้าป่าที่แข็งแรงสง่างามให้เลือกจับ ใครจับได้ก็จะได้เป็นคนที่ชาวบ้านนับถือว่าโชคดีที่สุด ยังมีบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านไปได้ม้าป่ามาฝึกให้เชื่องได้ตัวหนึ่ง มันเป็นม้าที่ลักษณะดี แข็งแรงและสง่างาม ผู้เป็นเจ้าของชื่นชมมันอย่างยิ่ง

วันหนึ่งเจ้าของม้าเดินไปยังคอกม้าเพื่อให้อาหารแก่ม้าของเขา ในเวลานี้ของทุกวันเขามักจะปล่อยมันให้ออกไปเดินเล่นที่ทุ่งหญ้าใกล้ๆ และเมื่อถึงเวลาม้าแสนรู้ตัวนี้ก็จะวิ่งกลับมาเพื่อกินหญ้าที่เขาหามาป้อนมัน

 แต่แล้ววันนี้เมื่อเจ้าของมา เขากลับไม่พบเห็นเจ้าม้าแสนรู้เลย เจ้าของมองหาม้าของเขาจากทุกทิศทุกทาง แต่ก็หามันไม่พบ

            ไม่นานนัก เพื่อนบ้านของเขาก็วิ่งมาหา พลางร้องบอกว่า

 ม้าของเจ้ามันหนีออกไปรวมฝูงกับพวกม้าป่านอกหุบเขาแล้ว ดูนั่นซิ! รั้วของบ้านเจ้าที่หักนั่นก็เพราะว่าถูกเจ้าม้าเตะพังไป เจ้าคงหามันไม่พบแล้วละ มันวิ่งไปทางเหนือดุจพายุทีเดียว

            เจ้าของม้าเสียใจมาก เขาเพียรคิดแต่ว่า

 มันเป็นม้าแสนรู้ ทำไมทำอย่างนี้นะ แต่บางทีอาจมีสิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นได้ในโชคร้ายเช่นนี้ อาจเป็นเช่นนั้น

            เจ้าของม้าภาวนาเช่นนั้น แต่ไม่นานนัก เพียงหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเจ้าม้าก็กลับมา และมันพาม้าตัวเมียตัวหนึ่งมาด้วย ทั้งหมู่บ้านล้วนยินดีกับเขา เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เจ้าของม้ายินดียิ่ง เขาจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่ทีเดียว

           

            จากนั้นอีกไม่นานนัก ลูกชายของเจ้าของม้าซึ่งชอบที่จะขี่ม้ามาก เขาเห็นว่าม้าตัวเมียที่ได้มาใหม่ลักษณะดีอยู่ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะหัดเจ้าม้าป่าตัวใหม่นี้

ชายหนุ่มพยายามที่จะขี่มัน เพราะว่าถ้าขี่ได้ มันก็จะเชื่อง แต่ว่าเขาทำไม่ได้ เขาตกลงมาหลายครั้ง และสุดท้ายเขาก็ขาหัก พ่อของเขามาดูอาหารและบอกต่อเขาว่า

มันดูไม่ดีเท่าไร แต่ว่าบางสิ่งที่ดีๆ อาจเกิดขึ้นในโชคร้ายนี้ก็ได้

            ฝ่ายลูกชายทำได้เพียงมองหน้าพ่อของเขาและนอนเฉยๆ เพื่อรักษาตัว เพียงสามวันหลังจากนั้น มีคำสั่งจากทางเมืองหลวงเกณฑ์ชายหนุ่มทุกคนในหมู่บ้านให้ไปเป็นทหาร เพื่อป้องกันชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือสุดซึ่งโหดเหี้ยม ดุร้าย ถือว่าเป็นการรบที่อันตรายและการรบนี้เสี่ยงตายอย่างยิ่ง น้อยกว่าน้อยของทหารที่ไปมักไม่ได้กลับบ้าน

            แต่เมื่อนายกองทหารมารับทหารเกณฑ์ที่หมู่บ้าน เขาเรียกรวมพลทั้งหมด และเขาก็พบกับชายหนุ่มนี้ซึ่งใช้ไม้เท้าอยู่ นายกองมองที่ขาของอีกฝ่ายและเห็นว่าอีกฝ่ายขาพิการ ดังนั้นจึงไม่เอาเขาไปกับกองทัพ เพราะว่าคนพิการไม่มีประโยชน์ใดต่อกองทัพที่กำลังจะไปรบ

            ทั้งครอบครัวยินดียิ่ง เจ้าของม้าจึงบอกต่อลูกชายว่า

 เจ้าเห็นไหม พวกเราโชคดี แม้แต่การที่เจ้าขาหักนี้ ก็ทำให้เจ้ารอดพ้นจากการเกณฑ์ทหารได้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ร้ายที่สุดอาจนำมาซึ่งความโชคดีในที่สุดได้ เมื่อเรามีปัญหา ให้เชื่อว่ามันจะนำสิ่งที่ดีมาให้ เมื่อความยุ่งยากผ่านพ้นไป

ลูกชายของเจ้าของม้ารับคำ และจากนั้นมาเขาก็ยึดถือเช่นเดียวกับพ่อของเขาตลอดไป

           

 

            ช่วยกันขยายความเพื่อสร้างความเข้าใจ

            ๑) ให้ช่วยกันหาคติพจน์และสุภาษิตส่งเสริมการมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้าย

            ๒) ให้ช่วยกันหาคำสอนของศาสนาต่างๆ ที่กล่าวถึงการมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้าย

            ในทั้งสองกรณีให้มีอาสาสมัครรวบรวมบันทึกไว้ เพื่อทำเอกสารแจกให้เก็บไว้ โดยลงวันที่ไว้ด้วย

 

ฝึกคุณธรรม

            ๑) ฝึกรู้รอบ : เรื่องนี้เหมาะสมสำหรับสอนเรื่องการมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้ายหรือไม่ อย่างไร

            ๒) ฝึกแข็งขัน : เราจะมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้ายอย่างเหมาะสมได้อย่างไร  แล้วเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำแค่ไหน

            ๓) ฝึกพอเพียง : การมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้ายอย่างไร จึงเรียกว่าทำได้อย่าง พอเพียง

                                    - อย่างไรเรียกว่าขาด

                                    - อย่างไรเรียกว่าเกิน

            ๔) ฝึกความยุติธรรม : การมีทัศนคติที่ดีในความโชคร้ายที่ดำเนินไปอย่างมีความยุติธรรมเป็นอย่างไร ให้ช่วยกันยกตัวอย่าง

 

กิจกรรมสันทนาการ

            ๑.ให้อาสาสมัครลองเล่าถึงเหตุการณ์ที่พลิกผันจากโชคร้ายเป็นโชคดีที่ได้เคยพบเจอ หรือได้ยินมา เพื่อให้หลายคนได้ร่วมรับรู้และสร้างกำลังใจแก่กัน

 

เอนก สุวรรณบัณฑิต

ปรับจากหนังสือ Discovering the Real Me, Universal Peace Federation Edition

หมายเลขบันทึก: 172782เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2008 21:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เปรียบเทียบกับเพือนที่เพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง หลังจากที่ทราบจากคุณหมอได้ไม่เกิน 1 ปี ยังไม่ได้ลาออกจากงานด้วยซ้ำ เพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปีไม่นาน สามีถามตัวเองว่า ทำไมโชคร้ายจึงไม่เกิดกับคนที่ชั่วร้าย แต่โชคร้ายกลายเป็นของภรรยา ผู้แสนจะดีเลิศทั้งการบ้าน การเรือน การงาน ความขยัน ความเป็นมิตรไมตรีต่อผู้ร่วมงาน มีคนมาร่วมงานศพกว่า 300 คน

สามีรู้สึกเศร้าที่มีโอกาสดูแลภรรยาน้อยเกินไป แต่ก่อนที่ภรรยาจากไป ภรรยาพูดว่า เธอไม่ได้อธิษฐานเผื่อโรคมะเร็งที่จะต้องหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เธอเฝ้าอธิษฐานที่เธอจะได้เห็นสวรรค์ในเร็ววัน เธอเฝ้ารอที่จะไปอยู่ในสวรรค์ ดีกว่าที่จะอยู่อย่างทรมานในช่วงระยะสุดท้าย ที่เธอไม่สามารถหายใจได้ มะเร็งได้กระจายไปทั่วปอด และอวัยวะส่วนต่างๆ เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงคำพูดใดๆ หรือเรี่ยวแรงที่จะหายใจด้วยตัวเองได้ นอกจากใช้เครื่องอ๊อกซิเจน

ในโชคร้ายของวันนั้น สามีได้สูญเสียสุดที่รัก และสัญญาเธอจะเป็นภรรยาตลอดไป ไม่ว่าเธอจะอยู่ในโลกนี้หรือโลกหน้า

และในความโชคดีของวันนี้ เธอได้ไปอยู่ที่สวรรค์อย่างสงบสุข มีคนจำนวนมากได้เรียนรู้จากชีวิตที่เป็นแบบอย่างของเธอ และใช้ชีวิตในโลกนี้ รู้จักการปล่อยวางคือความสุข ให้การเอาใจใส่ครอบครัวมากขึ้น ก่อนที่จะสายเกินไป หรือมีโอกาสสั้นเกินกว่าที่จะได้ทำอย่างที่ตนปรารถนา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท