สำหรับคอ..กาแฟ..??


??

เชื่อว่าการทานกาแฟ..ก็คงมีทั้งผลดีและไม่ดีต่อร่างกาย..อย่างแน่นอน..

.....แต่ทางที่ดีที่สุด..เชื่อว่าทุกอย่างไม่ว่ามัน..จะมีผลดีมาก ดีน้อย..ต่อร่างกายเรา..เราก็ไม่ควรทาน..มากเกินไป..ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด...(รู้หมดเลย..แต่ทำได้หรือไม่ได้..อีกเรื่องหนึ่ง..อิๆๆ..)

.....สำหรับคอกาแฟ..ลองอ่านความเป็นมาของกาแฟที่เราๆท่านๆจิบกันอยู่ทุกวัน..ว่ามีความเป็นมาอย่างไร..เพื่อไม่ให้เสียชื่อว่าเราเป็น "คอกาแฟพันธุ์แท้"..จริงๆ

ประวัติศาสตร์กาแฟโลก


- 1000 ปีก่อนคริสต์กาล พ่อค้าชาวอาหรับนำกาแฟกลับบ้านเกิด (สงสัยว่าแล้วเอามาจากไหน..มีใครรู้ประวัติก่อนหน้านี้หรือเปล่า..อิๆๆ)และเริ่มการปลูกกาแฟและต้มเมล็ดเป็นครั้งแรก คนอาหรับเรียกกาแฟที่ได้นี้ว่า "qahwa" ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ป้องกันการง่วงเหงาหาวนอน

- ต้นศตวรรษที่ 14 ชาวอาหรับเริ่มปลูกกาแฟเพื่อการค้ากาแฟครั้งแรก บริเวณคาบสมุทรอาระเบียน ใกล้เมืองท่าชื่อ "Mocha"

- ค.ศ.1453 ออตโตมันเติร์กนำกาแฟเข้าสู่กรุงคอนสแตนติโนเปิล

- ค.ศ. 1475 กฎหมายตุรกีมีว่าหญิงใดก็ตามที่สามีมิอาจเลี้ยงดูเธอด้วยกาแฟในปริมาณที่เพียงพอแต่ละวัน สามารถขอหย่าได้โดยถูกกฎหมาย (ขนาดนั้นเลยหรือ..เพราะอะไร..สงสัยจัง..แสดงว่าต้องมีความสำคัญมากนะเนี่ย"กาแฟ" เอ๋ย "กาแฟ"..ถึงขนาดขอหย่าได้เลย..อิๆๆ..)

- ค.ศ. 1554 ร้านกาแฟร้านแรกของโลกเกิดขึ้นที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ถือเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักนิยมศิลปะและวรรณกรรม ร้านกาแฟจึงเคยถูกเรียกว่า qahweh khaneh (แหล่งปัญญา หรือ school of wisdom)

- ค.ศ. 1607 กัปตันจอห์น สมิท ก่อตั้งอาณานิคม Virginia ที่ Jamestown ในทวีปอเมริกา เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์กาแฟในอเมริกาเหนือ

- ค.ศ. 1615 กาแฟยุโรปประเดิมขายครั้งแรกที่ร้านขายยาในฐานะตัวยาชนิดหนึ่ง โดยพ่อค้าชาวเวนิสเป็นผู้นำมาเผยแพร่ (น่าสนใจว่าทำไม..ไปขายอยู่ในร้านขายยา....."แก้โรคอะไร"..สงสัยแก้โรคขี้เกียจ..เพราะแก้ง่วงได้..สำหรับบางท่าน....อิๆๆ..แต่เรากินเท่าไหร่ก็หลับ..)

- ค.ศ. 1616 กาแฟถูกลักลอบนำออกจากอาหรับโดยชาวดัตช์ เป็นชนชาติแรกและนำไปเพาะปลูกเพื่อการค้าขายใน Ceylon (ศรีลังกา) ในปี ค.ศ. 1658 (อ้อ...เพิ่งรู้..อิๆๆ ศรีลังกาเนี่ยใบชาก็หอมดีน่ะ..แต่ชาอังกฤษหอมกว่า...ความชอบส่วนตัว..อิๆๆ "Twinings" Classics(Traditional Afternoon) แต่ว่าชามะลิ..หอมที่สุด..อิๆๆ)

- ค.ศ. 1645 เกิดร้านกาแฟร้านแรกในอิตาลี

- ค.ศ. 1650 ร้านกาแฟแรกในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกที่เมือง Oxford หลังจากนั้นอีก 2 ปี จึงมีร้านกาแฟในลอนดอน ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวกรีกและอังกฤษ จากนั้นมีการขยายจนมีเต็มเมือง เรียกกันว่า penny universities เพราะค่าเข้าและค่ากาแฟถ้วยละ 1 เพนนี ภายในร้านมีกล่องทองเหลืองสลักคำว่า To Insure Promptness (เพื่อความทันใจ) เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินแลกกับการบริการที่ดีเยี่ยม วลีนี้ถูกย่อสั้นๆ ให้เหลือแค่ตัวอักษรแรกของแต่ละคำคือ TIP และคำนี้เองเป็นที่มาของคำว่า ทิป (tip) ที่ใช้กันทั่วทุกหัวระแหง

- ค.ศ. 1651 มีการโฆษณากาแฟในใบปิดครั้งแรกของโลก ปัจจุบัน ใบปิดนี้เก็บรักษาไว้ที่ British Museum

- ค.ศ. 1674 ผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟเนื่องจากพวกผู้ชายพากันไปชุมนุมกันที่ร้านกาแฟมากกว่าจะยอมอยู่ติดบ้าน(อ้าว...จะได้หนีสามีเที่ยวบ้าง..ไม่ดีเหรอ..แหม..อิจฉาแม้กระทั่งกาแฟ..เนอะ....)

- ค.ศ. 1683 ชาวตุรกีนำกาแฟติดตัวมาด้วยขณะปิดล้อมออสเตรียไว้ และเผยแพร่ออกไปในที่สุด

- ค.ศ. 1683 กองทัพตุรกีล้อมกรุงเวียนนา ภายหลังไม่สามารถตีกรุงแตกได้ ต้องยกทัพกลับไป ทิ้งไว้แต่กาแฟที่กลายเป็นที่มาของร้าน Blue Bottle ร้านกาแฟแห่งแรกในเวียนนาที่มีเจ้าของชื่อ Kolchitzky ผู้คิดค้นการกรองกาแฟบด การดื่มกาแฟแบบหวานๆ และแบบใส่นม

- ค.ศ. 1689 ร้านกาแฟแรกในปารีส

- ค.ศ. 1690 ชาวดัตช์ตั้งบริษัท East India Coffee หลังจากนำกาแฟมาสู่เกาะชวา อินโดนีเซีย

- ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชาวยุโรปเริ่มผสมช็อกโกแลตลงในกาแฟ

- ค.ศ. 1715 ชาวดัตช์ถวายต้นกาแฟแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เชื่อกันว่ามีการใส่น้ำตาลในกาแฟเป็นครั้งแรกในราชสำนักของพระองค์

- ค.ศ. 1721 ร้านกาแฟแรกในเบอร์ลิน

- ค.ศ. 1727 Johann Sebastian Bach ประพันธ์เพลง Kaffee-Kantate ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโคลงสรรเสริญกาแฟ และเป็นการเสียดสีความเคลื่อนไหวที่จะห้ามมิให้สตรีเพศได้บริโภคกาแฟ (เพราะเชื่อว่าจะทำให้พวกเธอเป็นหมันและแท้งลูก) และในปีเดียวกันนั้นเอง มีการนำเอาเมล็ดกาแฟเข้าสู่ประเทศบราซิล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บราซิลเป็นประเทศที่ผลิตกาแฟมากที่สุดในโลก

- ค.ศ. 1763 มีร้านกาแฟกว่า 200 ร้านในเวนิสและปัจจุบันมีมากถึง 200,000 ร้านทั่วอิตาลี และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

- ค.ศ. 1773 เกิดเหตุการณ์ “Boston Tea Party” หรือการเรียกเก็บภาษีชาอย่างไม่ปราณี จนชาวอเมริกันต้องหันมาดื่บกาแฟแทนซึ่งเสียภาษีน้อยกว่า

- ค.ศ. 1779 นักเดินทางชาวสเปนเป็นผู้นำกาแฟจากคิวบาไปเผยแพร่ในคอสตาริกา

- ค.ศ. 1809 Meslitta Bentz ใช้กระดาษจากสมุดบันทึกของลูก กรองกากกาแฟ อันเป็นต้นกำเนิดของกระดาษกรองในปัจจุบัน

- ค.ศ. 1893 มิชชันนารีโรมันคาธอลิก เป็นผู้นำกาแฟไปเผยแพร่ในเคนยา

- ต้นศตวรรษที่ 19 การดื่มกาแฟยามบ่ายเป็นประเพณีนิยมในเยอรมนี เกิดคำว่า Kaffee Klatsch ที่เอาไว้พูดถึงการซุบซิบนินทาของพวกผู้หญิงในเวลาดื่มกาแฟ ต่อมาหมายถึงการพูดคุยสัพเพเหระทั่วๆ ไป

- ค.ศ. 1901 กาแฟสำเร็จรูปถูกคิดค้นเป็นครั้งแรกโดยนักเคมีลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน Satori Kato

- ค.ศ. 1906 มีการปรับปรุงเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซเพื่อการค้าขึ้นขายในอิตาลี

- ค.ศ. 1938 เนสท์เล่คิดค้นกาแฟ freeze-dried เพื่อช่วยบราซิลแก้ปัญหาผลผลิตกาแฟล้นตลาด ต่อมาจึงพัฒนาเป็นเนสกาแฟในสวิตเซอร์แลนด์

- ค.ศ. 1946 Achilles Gaggia ชาวอิตาลี พัฒนาเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซสำเร็จ (ขอขอบคุณ Achilles Gaggia..ทำให้เราได้จิบเอสเพรสโซ..ทุกวัน..อิๆๆ) และคำว่า คาปูชิโน มาจากสีกาแฟที่เหมือนสีจีวรพระในนิกายคาปูชิน(คิดได้ไง..เนี่ย..สงสัยจิบกาแฟไปมองจีวรพระไปหรือ..ไง..กัน..อิๆๆ)

- ค.ศ. 1990 อเมริกาใช้เงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศ (ตอนนี้ก็คงปลูกเอง..และส่งขายทั่วโลกแล้ว..อิๆๆ..)

.....อ่านเจอ..น่าสนใจ..เลยไปคัดลอกเขามาให้อ่านกันอีกที..อิๆ..

**สงสัย..ว่ากินกาแฟแล้วเป็นหมันหรือแท้งจริงหรือ..??ถ้าจริง..ก็ต้องกินเป็นสิบๆแก้วต่อวัน..เด็กในท้องคงมึน.."จนตาย"..และที่ขายกาแฟในร้านขายยา..อาจเป็นเพราะกาแฟ..เป็น"ยาคุมกำเนิด"ชนิดหนึ่งหรือเปล่า..อิๆๆ..

 ด้วยรักจากใจยายหมูอ้วนเอง

คำสำคัญ (Tags): #คอกาแฟ..
หมายเลขบันทึก: 173025เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2008 22:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 01:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

อันนี้แปลกดี กลัวผู้ชายไม่ทำงาน ฮ่าๆๆ ผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟเนื่องจากพวกผู้ชายพากันไปชุมนุมกันที่ร้านกาแฟมากกว่าจะยอมอยู่ดิดบ้าน

น้องอยากได้กาแฟแบบฉีดเข้าเส้นจะได้ไม่ต้องกิน อิอิๆๆเมากาแฟ ว่าจะไปถ้ำกระบอก ไปเลิกกาแฟเสียหน่อยไปด้วยกันไหม อิอิๆๆ

ชอบทั้งกาแฟและชาเลยค่ะ ดื่มทุกวันจนกลายเป็นความเคยชิน แต่ไม่ได้ไปตั้งวงซุบซิบกับใครเพราะดื่มคนเดียว ^ ^ ถ้าเป็นกาแฟก็ชอบแนวดำๆ ไม่ใส่น้ำตาล แต่แอบเติมโกโก้นิดนึงพอได้ ช่วยแต่งกลิ่นให้นุ่มนวลขึ้นค่ะ ส่วนชาก็ดื่มมาหลายขนานทั้งจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ นี่พึ่งมาติดใจมาร์โคโปโลของฝรั่งเศสที่พี่ยุวนุชส่งมาให้ หอมจนลืมไม่ลงทีเดียว ป

ระวัติที่พี่เอามาฝากนี่น่าสนใจดีนะคะ ไม่เคยทราบเรื่องเส้นทางการกระจายความนิยมของกาแฟละเอียดขนาดนี้มาก่อน แต่พอจะทราบต้นทางว่ามาจากอาหรับเขาค่ะ ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่าน หนูเคยเขียนเรื่องกาแฟไว้ด้วยค่ะ ไม่ได้มีสาระอะไร แค่แชร์เรื่องส่วนตัว เติมเต็มชีวิต...ด้วยกาแฟและชาหอมกรุ่น  

สวัสดีค่ะคุณครูน้องขจิตที่น่ารัก

  •  อิๆๆ..เธอจะให้สามีเฝ้าบ้านต่างหาก..ล่ะ..อิๆๆ"สำคัญผิดอีกแล้ว.."ไม่รูอา-ราย ผู้หญิงอังกฤษ..ชอบเดินซื้อของสุดๆๆไม่ชอบอยู่บ้านหรอกจ๊ะ..(ตกลงจะรับของแถม.."แม่ค้า"แถวนี้หรือเปล่า..จะได้หาไปให้สักคน สองคน..อิๆๆ..)
  •  อะไรจะขี้เกียจขนาดนั้นค่ะคุณน้อง..ก็แค่ยกแก้วกาแฟเนี่ยน่ะ..พ่อคูณณณณณณณณณ
  • จะไปเลิกทำไม..ของอร่อยๆๆ..อิๆๆเอาไว้สร้างบรรยากาศ...ยามเช้า..อิๆๆ
  • ด้วยรักจากใจพี่ยายหมูอ้วนเอง

สวัสดีค่ะคุณน้องLittle Jassที่น่ารักสุดๆ

  •  อืม..พูดซะอยากจะไปจิบกาแฟและชากันเดี๋ยวนี้เลย..
  •  ถ้ามีโอกาสจะไปร่วมวงจิบกาแฟและชา..ด้วยนะคะ..อิๆๆ..
  • แหม..เดี๋ยวต้องไปหาชื้อชา..ของฝรั่งเศส..ที่ว่าซะแล้ว.. ด้วยรักจากใจพี่ยายหมูอ้วนเองจ๊ะ

ไม่เอา กลัวเสียดุลย์การค้า รอไปคณะพี่หมูอ้วนดีกว่า อิอิๆๆ ชอบกินกาแฟยามเช้า แต่กาแฟที่กินอร่อยที่สุดคือตอนกินกับคนรู้ใจ อิอิอิๆๆ ขอบอกกาแฟบ้านพ่อครูบาสุทธินันท์ อร่อยมากๆๆๆๆๆๆ

Sasinanda

พี่ก็ชอบกาแฟ แต่ต้องอ่อนๆค่ะ ใส่ครีมมากหน่อย อิๆๆๆ

สวัสดีค่ะีพี่หมูอ้วน

เป็นคนหนึ่งที่ชอบทานกาแฟค่ะ เิริ่มทานจริงๆ จังๆ ก็ตอนเรียน ป.เอกนี่แหละค่ะ ไม่รู้เกี่ยวกันไหม แต่สำหรับที่อเมริกาตอนนี้ร้านกาแฟเยอะมากๆ ค่ะ เยอะมากกว่าร้านอื่นๆ ชนิดเดินไปนิดนึงก็มีร้านกาแฟยี่ห้อต่างๆ ให้ิิกินเสมอ ไม่แปลกใจที่อเมริกานำเข้าเยอะจริงๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณครูน้องขจิตที่น่ารัก

  •  อิๆๆ..คิดแล้วเชียวทำซ่าส์...จะหาให้จริงๆๆ.."ไม่กล้าอีก.."อิๆๆ กลัวต้องเฝ้าบ้านนะซิ..อิๆๆ
  • ได้เลย...ไว้มีโอกาสอย่าลืมมาจิบกาแพที่..คณะ 3 เจ้าคณะคืออาจารย์หมู..อิๆๆ อุ๊ย..ไม่ใช่มาที่คณะนิติฯ มน ..น่ะจ๊ะ..เมื่อมีโอกาส..
  • คณะคุณพี่นะคะ..สาวตรึมมมมมมม..อิๆๆ..มีแต่โหดๆทั้งน๊านล่ะ..น่ะ..สนใจคนใดกรอกใบสมัครล่วงหน้าได้..อิๆๆ(แต่ไม่รับประกันความปลอดภัย..น่ะ..อิๆๆ)
  • ด้วยรักจากใจพี่ยายหนูอ้วนเองจ๊ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่Sasinandaที่เคารพรักยิ่ง

  •  ค่ะ..เดี๋ยวหนูจะเตรียมไว้นะคะคุณพี่..เอาแบบอ่อนใช่ไหมค่ะ...อิๆๆ.ใส่ครีมเยอะๆๆได้เลยค่ะคุณพี่..
  • ไว้อย่าลืมแวะมาทานแถวพิษณุโลกนะคะ..
  • อิๆๆ..เดี๋ยวจัดห้องไว้จิบกาแฟโดยเฉพาะเลยค่ะคุณพี่..

 ด้วยความเคารพรักยิ่ง

หนูหมูอ้วนค่ะ

สวัสดีค่ะคุณน้อง ศ ดร กมลวัลย์ที่เก่งและน่ารัก

  •  อิๆๆเกี่ยวกันค่ะคุณน้อง..เพราะอากาศมันหนาววววววววววว..คุณพี่ก็ติดเฮ-โร-อีน..เอ๊ย..คาเฟอีน..ตั้งแต่ตอนเรียนที่ออสเตรเลียล่ะค่ะ..ก็อากาศมันหนาวววว..
  • แต่ก็สดชื่น..ทำให้ได้บรรยากาศในการจิบกาแฟ ในยามเช้ามากๆ..จิบไปก็นั่งชมวิวไป..มันมีความสุขดีเนอะ..ยามเช้าเนี่ย..แล้วก็เลยจิบมาเรื่อยๆๆจนบัดนี้..
  •  ร้านกาแฟเดี๋ยวนี้ก็จัดน่ารักเชิญชวนให้เข้าด้วยน่ะพี่ว่า..ยิ่งวันไหนอากาศดีๆ..เนี่ย แหม..ไม่พลาดเลย..ชอบมาก..
  • จิบกาแฟและบรรยากาศที่อเมริกาเผื่อด้วยนะจ๊ะคุณน้อง
  •  แล้วรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ

ด้วยรักจากใจคุณพี่ยายหมูอ้วนจ๊ะ

สวัสดีค่ะ

ต้องดื่มกาแฟทุกเช้าค่ะ สงสัยติด แวะเข้ามาได้รู้เรื่องประวัติอันยาวนานของกาแฟดีจังค่ะ แถมประวัติ เรื่องทิป อีกต่างหาก น่าสนใจมากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่"alinlux"ที่เคารพรัก

  •  อิๆๆ ไม่สงสัยละค่ะ..ติดแล้วค่ะ.
  • อิๆๆแต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะติดเป็นเพื่อนกันค่ะมีสมาชิกหลายท่าน..ติดกาแฟเหมือนกัน..ถ้าทานไม่มาก..ก็คงไม่เป็นไรค่ะ.... (ปลอบใจตัวเอง..อิๆ)
  • แหม..แต่บรรยากาศที่ฮาวายก็น่าติดกาแฟนะคะคุณพี่..จิบกาแฟไปมองธรรมชาติไปเพลิดเพลินเลยค่ะ..
  • อิๆเดินเล่นริมทะเลเผื่อด้วยนะคะ..
  •  ด้วยความเคารพรัก
  •  หนูหมูอ้วนค่ะ

ขอบคุณมากเลยครับ ประวิติเรื่องของกาแฟ อ่านแล้ว ไปกินกาแฟดีกว่า

สวัสดีค่ะคุณน้องJumpzzสุดหล่อ

  •  ครับผม..จิบกาแฟเผื่อด้วยน่ะค่ะคุณน้อง..
  • แหม..ทำให้อยากจิบกาแฟอีกรอบเหมือนกัน..อิๆๆ
  • ด้วยรักจากใจพี่ยายหมูอ้วนเอง

กาแฟสำหรับพี่วันละถ้วยตอนเช้า ทำให้สดชื่น ดื่มแล้วค่อยเดินลงไปท่าน้ำ ชมนกชมไม้ค่ะ

ชาที่น้องซูซานพูดถึงเป็นชากลิ่นยอดนิยมของร้านชาเก่าแก่ของฝรั่งเศส ที่ตอนนี้แม้แต่คนฝรั่งเศสก็ยังงงว่าร้านเก่าแก่นับร้อยปีนั้นกลายมามีเจ้าของเป็นคนไทยได้อย่างไร อิ อิ ภูมิใจไทยยึด ชายี่ห้อนี้ชื่อ Mariage Freres ค่ะ และพี่มีเพื่อนคนไทยที่ปารีส เขาสามารถซื้อได้ถูกลงยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์

ประวัติเส้นทางกาแฟน่าสนใจมากค่ะ

ตอนนี้สตาร์บัครับซื้อกาแฟจากชาวบ้านทางเหนือของเราด้วยนะคะ

 

สวัสดีค่ะคุณพี่"คุณนายดอกเตอร์"ที่เคารพรักยิ่ง

  •  คุณพี่ค่ะ..คุณพี่บรรยายภาพการจิบกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศ.."ธรรมชาติ"..ทำให้หนู..อยาก(จริงๆๆๆเลย)ที่จะปลูกบ้านกลางสวนแล้วลงทุนขุดคลอง(ดัดแปลง)เป็นท่าน้ำแล้วไว้ค่อยๆเดินลงไปที่ท่าน้ำ..อ่ะค่ะ..อิๆๆ(แล้วเดินขึ้นมาหรือเปล่าค่ะ.ไม่เห็นบรรยายตอนเดินขึ้นเลยอิๆๆ)
  •  โห.. ชมนกชมไม้..สนุทรีย์มากเลยค่ะ..สมแล้วค่ะที่เป็นนักเขียนหนังสือ(เดาเอาค่ะ..อิๆๆเห็นคุณพี่เป็นนักสื่อสารฯ) คุณพี่รู้จัก รศ ดร สมควร กวียะ หรือเปล่าค่ะ ท่านเป็นปราชญ์ของราชบัณฑิต..สาขานิเทศศาสตร์อ่ะค่ะ..ท่านน่ารักมากๆเลยค่ะ แต่ท่านชอบทานไวน์แดง..ศิลปินมากเลยค่ะ..
  • เห็นคุณน้องLittle Jazz(คนเดียวกันหรือเปล่าค่ะกับน้องซูซาน..ชื่อเขาน่ารักจัง..ต้องหาโอกาสไปชนแก้ว..กันสักหน่อย..)เชิญชวนมากเลยค่ะ..น้ำชา"มาร์โคโปโล"..อะไรเนี่ยอ่ะค่ะ..หนูจะไปหาซื้อดู..เป็นคนชอบทานทั้งชาและกาแฟเลยค่ะ..อิๆๆ คุณพี่แนะนำยี่ห้อ"Mariage Freres อันนี้ใช่ไหมค่ะ...โห "The Best Tea in the World"เลยนะคะ..อยากรู้จริงๆๆเดี๋ยวต้องไปซื้อแล้วค่ะ..อิๆๆ..ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ..อิๆ
  • Mariage Frères is one of the finest well- known French tea companies, based in Paris. It was officially founded on June 1, 1854.เดี๋ยววันนี้จะออกไปรับทานไก่ที่Nando's จะลองไปเดินดูชาด้วยค่ะ..ตอนสมัยเรียนที่กทม ประทับใจชาผลไม้ด้วยค่ะ..คุณเพื่อนชวนไปทานที่ไหนก็จำไม่ได้..อิๆร้านก็แสนจะโรแมนติก และชานั้นชื่ออะไร.ก็ลืมถามอีก.อิๆ...มัวแต่โรแมนติกกัน..อิๆๆลืมไปหมด..ดีไม่ถูกอุ้ม..อิๆๆ....
  • ..สงสัยจะเป็นการนำชาผลไม้ผสมผสานกันหลายรสชาติค่ะ..
  • แล้วรสชาติกาแฟเป็นอย่างไรบ้างค่ะ..เพราะความจริงEspresso ของสตาร์บัคหนูว่าก็ใช้ได้นะคะ..
  • ด้วยความเคารพรักยิ่ง
  • หนูหมูอ้วน

น้องLittle Jazz กับ น้องซูซาน เป็นคนเดียวกันค่ะ น้องคนนี้เก่งและน่ารักมากๆเลย แต่ยังไม่เคยเจอตัวกันนะคะ อิ อิ กลัวน้องเขาเจอตัวจริงพี่แล้วจะหนาว

Mariage Frères ใช่เลยค่ะ ชายี่ห้อนี้ ตั้งแต่รู้จักครั้งแรกก็เป็นแฟนเหนียวแน่น ไม่เปลี่ยนใจไปดื่มยี่ห้ออื่นเลย

มีร้านจำหน่ายใบชาของอังกฤษที่มีร้านสวยๆในเมืองใหญ่ๆของฝรั่งเศส ชื่อ Compagnie Anglaise des Thes (ขออภัยหาเครื่องหมายอักซองบนตัว e ในภาษาฝรั่งเศสของคำว่า the ไม่เจอ อิ อิ ไม่ค่อยได้ใช้น่ะค่ะ อ่านว่า เต้ะ แปลว่า ชา เหมือนภาษาจีนเลยนะคะ ร้านนี้เขาจัดสวยมากๆ มีทั้งชาและถ้วยของเครื่องใช้ในการชงชามากมาย เห็นแล้วอยากเป็นเจ้าของร้าน ตอนแรกที่ดื่มชายี่ห้อนี้ก็ว่าหอมแล้วนะคะ แต่พอเจอของใหม่ ดีกว่า เปลี่ยนใจเลยค่ะ อย่างชามาร์โคโปโล นั้นเป็นชาที่ผสมกลิ่นและรสของดอกไม้ ผลไม้จากทิเบต(เว่อร์มั้ยคะ) คงเป็นชื่อตำรับ แล้วมีหลายยี่ห้อผลิต ชามาร์โคโปโลของMariage Frères อร่อยและหอมที่สุด ที่พี่ชอบมากยังมีอีกสองสามกลิ่น มีสามสี่กระป๋องเรียงให้เลือกชงตามอารมณ์เลยค่ะ เช่น Jade Mountain,Sakura

ที่ปารีสมีร้านดื่มชาเก่าแก่อยู่ร้านหนึ่ง สวยคลาสสิค มีขนมอร่อยด้วย ถนนหน้าร้านเป็นหินเรียงๆกัน จำชื่อไม่ได้แล้ว เพื่อนเป็นคนพาไปค่ะ (พี่คนบ้านนอก มหาวิทยาลัยพี่อยู่ไปอีกไกล แต่มหาวิทยาลัยเก่าแก่นะคะ คิดดู Rene Descarte ก็เรียนที่นี่ กลัวผีหลอก)

ว่าแล้วขอตัวไปชงชาซักกามาดื่มคนเดียวก่อนนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพี่"คุณนายดอกเตอร์"ที่เคารพรักยิ่ง

• อิๆๆ..ทำไมเจอตัวคุณพี่แล้วต้องหนาวววอ่ะค่ะ..อือออออ..ชักกลัวเสียแล้ว...อิๆๆแต่ยังไงๆก็จะหาโอกาสไปร่วมวงจิบชา กาแฟกับคุณพี่..แหละค่ะ..ขู่ก็ไม่กลัว..อิๆๆ..

• แหม..คุณพี่..บรรยายถึงชามาร์โคโปโล..กับ Mariage Fréres ทำให้อยากจิบชาจริง จริ๊ง จริงๆ..ต้องไปตามหาซื้อมาให้ได้..เลย..อิๆๆ..เพื่อจะได้เป็นบุญปากสักครั้ง..อิๆๆ

• โห มีกลิ่นผลไม้ ดอกไม้(จากทิเบต)อีก..อิๆๆ งานนี้ถ้า..หาชาฝรั่งเศสแถวนี้ไม่ได้..ก็ทานชาแถวนี้พลางๆก่อน..แล้วก็ทาน..ผลไม้ตาม ดมดอกไม้แถวๆนี้ไปพลางก่อน....ก็ได้..อิๆๆ..

• ..หอมที่สุดอีก..โห..คุณพี่ค่ะ..ถ้าคุณพี่เปิดร้านขายชา..สงสัยลูกค้าตรึมมม ..แน่ๆเลยอ่ะค่ะ..แค่ฟังคุณพี่เล่าให้ฟัง..ก็..อยากทานจริงๆๆ..เดี๋ยวเข้าลอนดอนต้องไปหาซื้อหน่อย..หรือไม่ก็บินไปซื้อที่ฝรั่งเศส..ให้สะใจไปเลย..อิๆๆ..ไปซื้อชาอย่างเดียว..เท่านั้นแหละ..อิๆๆ..

• คุณพี่บรรยายซะแบบอยากไปจริงๆ..หนูขอเก็บข้อมูลไว้ก่อนนะคะ..อิๆๆ..เดี๋ยวค่อยไปลุย..เก็บรายละเอียดเมื่อไม่โอกาสค่ะ.. ชอบมากเลยค่ะ..คลาสสิคอีก..ขนมอร่อยอีก แหม..มีหินเรียงๆก็สวยงามอีก..เนี่ยแหละค่ะแบบนี้เลย..มันได้บรรยากาศจริงๆๆความเก่าแก่..ธรรมชาติ..ชา กาแฟที่หอมกรุ่น.. อิๆๆ..เก่าแก่จริงๆอ่ะค่ะคุณพี่..อือออออออออ..สวัสดึค่ะคุณณณณ....René Descartes ร่วมสมัยกับ René Descartes เลยหรือค่ะ..อืม..น่าศึกษามากเลยค่ะ..

Western Philosophy
17th-century philosophy
René Descartes. Portrait by Frans Hals, 1648.
Name
René Descartes
Birth March 31, 1596
La Haye en Touraine [now Descartes], Indre-et-Loire, France
Death February 11, 1650 (aged 53)
Stockholm, Sweden
  • อ้า..คุณพี่กลัวผีเหรอ..อิๆๆ..(ต้อง..กำจัดจุดอ่อน..นะคะ..อิๆๆ)
  • อิๆๆไม่พลาดแน่ๆค่ะคุณพี่..ต้องขอไปร่วมวงน้ำชา กาแฟด้วยแล้วค่ะคุณพี่..Goodnight ค่ะ..อิๆๆใครยืนอยู่ข้างหลัง..หรือเปล่าค่ะ..ลองหันไปดูซิค่ะไว้หนวดด้วย..อิๆๆๆ
  • ด้วยความเคารพรักยิ่ง
  •  หนูหมูอ้วนค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท