ภัยสังคม....ที่ควรรู้


กรณีศึกษาในสังคมเรา

 

มีใครบางคนเล่าให้ผมฟังถึงเรื่องภัยร้ายทางสังคม ที่บางทีเราอาจจะหลงลืมไปว่าโลกนี้มันสวยงามและอาจจะมีใครบางคนที่หลงเชื่อและไว้ใจใครง่าย ๆ ซึ่งผมอยากจะยกเอากรณีหนึ่งซึ่งอาจจะสะท้อนอะไรบางอย่างที่เป็น มุมมืดของสังคมเรามาตีแผ่.......บางทีถ้าเรารู้....เราอาจจะไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ 

ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ
เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้
 
ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่

ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S 
ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น
ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ สามสิบเข้ามาทักทาย บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมี มิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็น คนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผม
ก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน การติดต่อพูดคุยก็ มีขึ้นเป็นระยะๆ และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่านแล้วก็บอกว่า จะรีบไปทำงานแต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม เคยอ่านมาแล้ว
จึงอยากจะคืนกลับไป 

การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
 
แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็น ช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู
แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อ น้ำมาให้แต่ทางผู้หญิงคนนั้น ชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน

เพียงอีก ไม่กี่นาทีต่อมา
 
เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่าน ตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที รถตู้สีขาวก็มาจอด แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่ ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายาม ร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงและผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้ พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง ผู้ชายอีกสองคนที่นั่ง รออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็น คนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำ มาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ 

ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น

เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่ บ้านให้ไปรับผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและ ภาพถ่ายทั้งหมด ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้ง ความกับตำรวจ เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง กินเงินเดือนเท่านั้น
 
ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ พวกเดนสังคมได้สองคนได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง
 
และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีก สามคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะภาพลง internet สองครั้ง ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ พบปะกับใครเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่ มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของ ผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ  

ครับเมื่อสังคมเราป่วย คนก็ยิ่งหนักไปทางการดำรงอยู่อย่างเอาตัวรอด ผมรู้สึกเศร้าครับ เศร้าและเวทนากับสิ่งที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่า เมื่อเราหรือใครคนหนึ่งต้องเป็นเหยื่อ แล้วเราทจะรับมือกับมันได้อย่างไรครับ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับสังคมเราทุกวันนี้? ท่านคิดว่าสังคมป่วยหรือเปล่าครับ ? มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในสังคมบ้านเรา ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเราก็คอยที่จะจ้องทะเลาะกันเพื่อผลประโยชน์และที่อ้างว่าเพื่อชาติ!! เพื่อประชาชน ! แล้วไงครับ....ขอยกเอากรณีดังกล่าวมาตีแผ่    สังคมอาจจะดีขึ้น 

                                         **********
 
 

 

 

หมายเลขบันทึก: 173532เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2008 20:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ

เคยได้อ่านภัยสังคมเหล่านี้มาบ้างแล้วเช่นกันค่ะ

สังคมเรา อันตรายมากขึ้นทุกๆวัน

ดิฉันคิดว่า สิ่งที่น่าห่วงที่สุด คือ เด็กและเยาวชนค่ะ

เพราะถูกล่อลวง ชักจูงไปในทางที่ผิดได้ง่ายมาก

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ

 

อย่างว่าครับสังคมเราทุกวันนี้คนเราขาดจากศีลธรรมลงทุกที

อีกมุมหนึ่งเด็กในสังคมเราที่ยังไม่รู้ว่าโลกนี้สวยงาม แต่มองในสังคมอีกมุมหนึ่งแฝงด้วยอันตราย ขอให้กำลังใจนะครับผม ใครทำชั่วย่อมได้รับผลกรรมนั้นคงไม่ต้องรอชาติหน้า ขอบคุณครับผม

สวัสดีครับ ดอกไม้ที่ปลายดอย~*

  • หวังว่าคงสบายดีนะครับ
  • ต้องกินยาแก้ไอ มาก ๆ นะครับ..อิอิ
  • ผมก็กินประมาณ หลายขวดและขนานแล้วครับ
  • อยากหายเร็ว ๆ อะ..

สวัสดีครับ รักชาติ ท. บ. พล ทหาร

  • เห็นด้วยครับที่ว่าคนเราเสื่อมด้านศีลธรรมลงทุกวัน
  • บาปกรรมมีจริงครับ
  • อยากสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคม...
  • เศร้าใจครับ

สวัสดีอีกครั้งค่ะ

ดิฉันไม่ต้องกินยาแล้ว ..หายแล้วจ้า !!!!!

พี่อะแหล่ะ สู้ๆๆๆ นะคะ

เป็นกำลังใจให้

สวัสดีครับ * ดอกไม้ที่ปลายดอย~*

ดีใจด้วยนะครับที่หายแล้ว คงเป็นกรรมจริง ๆ ครับ ที่ไม่ยอมหายสักที ก็กินมาหลายขนานแล้วนะเนี้ย++ ขอบคุณครับสำหรับหรับกำลังใจที่ดี ผมจะเก็บมันไว้ครับ อิอิ

รักษาสุขภาพด้วยครับ

สวัสดีค่ะ

เคยได้รับ Forward Mail อันนี้มาด้วยเช่นกันค่ะ...เมื่อกลางๆ สัปดาห์นี้เอง อ่านแล้วก็ส่งต่อค่ะ....เพื่อจะได้ระแวดระวังตัวกัน โดยเฉพาะผู้หญิง...ดีจังค่ะที่คุณอรหันต์วิสกี้นำมาลงเพื่อให้ท่านอื่นๆ ได้อ่านด้วย ....คงทำได้เพียงแค่เอาใจช่วยครอบครัวนี้ล่ะค่ะ ภาวะจิตใจคงแย่ น่าสงสารคุณผู้หญิงเธอนะคะ ...เฮ้อ!...ไว้ใจใครไม่ได้เลยนะคะเนี่ยในสังคมปัจจุบัน....ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท