อาการของเด็ก"เรียนเป็น"


ความสุขที่แท้ก็จะเกิดขึ้นได้ เมื่อใครๆก็"เรียนเป็น"

เดือนมีนาคมมาถึงแล้ว ฤดูกาลของการสอบกำลังเริ่มขึ้น การสอบไล่(ผู้เรียนไปขึ้นชั้นใหม่)ดูคล้ายว่าจะเป็นประเพณีที่ครูและนักเรียนปฏิบัติกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า จนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานทั้งในอาชีพครูที่เป็นนักสอน และอาชีพนักเรียน

ตลอดจนถึงตัวผู้ปกครองเองก็ชินกับการที่ลูกต้องดูหนังสือสอบเป็นระยะๆ

คุณแม่ของนักเรียนมัธยมคนหนึ่งถามลูกว่า ทำไมแม่ไม่เห็นลูกดูหนังสือสอบเลย

ลูกตอบว่า คุณแม่อยากให้ลูกเรียนแบบไหน ถ้าจะให้เรียนแบบดูหนังสือสอบ พอไปตอบข้อสอบแล้วก็ลืม ก็ต้องดูหนังสือตอนใกล้สอบ แต่ถ้าจะให้เรียนแล้วเข้าใจจริงๆ ก็ต้องเรียนไป ค้นคว้าไป ดูหนังสือไป ทำงานไปถึงจะได้


อีกอาการหนึ่งมีให้เห็นจากหัวข้อความเรียงที่คุณครูพิชามญชุ์กำหนดไว้ "วันที่ฉันมีความสุขที่สุด" โดยให้ใช้ความรู้และทักษะที่ได้จากเรียนรู้ในชั้นเรียนเรื่องการเขียน ๑ ย่อหน้า และให้นักเรียนตั้งชื่อให้มีความเหมาะสมกับเนื้อหาที่เขียนและสอดคล้องกับหัวข้อที่กำหนด


ความเรียงชิ้นหนึ่งที่ชื่อ ทุกๆวันที่มีความสุข เขียนไว้ว่า


หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้ไปคิดเรื่อง "วันที่ฉันมีความสุขที่สุด" ผมก็กลับไปคิดตลอดวันหยุด บางตรั้งโจทย์ที่ดูง่ายๆก็อาจกลายเป็นโจทย์ยากๆได้ เพราะผมคิดไม่ออกเลย เคยมีด้วยหรือ วันที่ฉันมีความสุขที่สุด อาจเป็นเพราะผมไม่ใส่ใจในวันแต่ละวันม ากพอที่จะทำให้วันนั้นเป็นวันที่มีความสุขได้ แต่มีบางครั้ง ที่ผมจะรู้สึกว่า วันนี้ มีความสุขกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ย่อมมีความสุขกว่าวันนี้ ดังนั้น วันที่มีความสุขที่สุดยังมาไม่ถึง และจะมาไม่ถึง เพราะถ้าวันนี้มีความสุขที่สุด พรุ่งนี้ก็จะมีความสุขมากกว่าวันนี้


ความเรียงอีกชิ้นหนึ่งตั้งขื่อว่า ตั้งแต่....ที่สุด


ตั้งแต่วันที่ฉันเกิดและจำความได้นั้น รอบตัวฉันจะเต็มไปด้วยคนที่รักและเป็นห่วงฉัน คอยดูแลเอาใจใส่ให้ฉันมีความสุข ในทุกๆวันของฉันก็จะมีแต่เรื่องดีๆ จะดีมากหรือดีน้อย ฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน ทำให้ฉันมีความสุข แต่ถ้าถามว่าวันไหนที่ฉันมีความสุขที่สุดนั้น ฉันคงยังตอบไม่ได้เพราะชีวิตของฉันยังอีกยาวไกล เรื่องดีๆยังผ่านเข้ามาอีกมาก และอาจจะมีเรื่องที่ดีที่สุดในวันที่ฉันมีความสุขที่สุดรออยู่ข้างหน้า รอให้ฉันไปถึงวันนั้น หรืออาจจะไม่มีวันนั้นที่ฉันรอ แต่ทุกวันของฉันที่ยังหายใจอยู่ ฉันก็จะทำมันให้มีคุณค่า ให้ฉันและคนรอบข้างที่คอยดูแลฉัน...มีความสุขที่สุด


ความคิดที่ไหลผ่านมาทางคำพูด และตัวอักษรสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาเรียนรู้จากชีวิตเป็น และ พอที่จะมองเห็นหนทางว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรจึงจะประคองตัว และประคองใจเอาไว้ไม่ให้ ล้มลุกคลุกคลาน และจะดูแลรักษาคนรอบข้างเอาไว้อย่างไร


การเรียนในโรงเรียนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนวิชาการให้รู้ลึกรู้กว้างเท่านั้น แต่วิชาชีวิตก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ต้องพาเด็กไปรู้จักกันให้ลึกซึ้งพอที่จะวางใจว่าได้ส่งเขาให้ถึงฝั่ง ได้เลี้ยงดูเขาให้เติบโตพอที่เขาจะ "เรียน"จากชีวิต และเกิดปัญญาที่จะมองเห็นว่าทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือ "ครู" เมื่อเขาระลึกได้อย่างนั้นนั้นความกตัญญูก็จะเกิดขึ้นเองในใจ


แล้วความสุขที่แท้ก็จะเกิดขึ้นได้ เมื่อใครๆก็"เรียนเป็น"


คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17470เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2006 12:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
เคยได้ยินแต่คำว่าเรียนเก่ง เรียนไม่เก่ง แต่เรียนเป็นนี้ ดูเหมือนจะธรรมดา และหลายคนคิดว่า ก็เป็นทั้งนั้น แต่ก็ต้องเรียนให่ได้อย่างที่ครูใหม่ว่าแหละครับ จะได้คิดเป็นอย่างครูใหม่ด้วย

เรียนรู้จากเพลง สาวกระโปรงเหี่ยน
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท