ปริญญาวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต


อย่าทำงานเหนื่อยจนป่วยตาย

ท่ามกลางการแข่งขันซึ่งนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในยุคข้าวยากหมากแพงนี้   ผู้เขียนอยากแนะให้ชาวบล็อกของเรา   ใช้สติ  ปัญญา  และธรรมะกำกับในการเลี้ยงชีพ   อย่าทำงานเหนื่อยเกินไปจนกระทั่งป่วย   และขอนำการแสดงธรรมของท่าน ว. ซึ่งถอดเทปโดยญาติโยมในสหรัฐมาฝาก

"ปริญญาวิชาชีพ และ ปริญญาชีวิต"

อาจารย์ ว. วชิรเมธี ท่านได้เดินทางไปสหรัฐอเมริกาและได้เมตตาเแสดงธรรมให้ญาติโยมฟัง

 ท่านเล่าให้ฟังว่าการมาเยือนอเมริกาในครั้งนั้นว่า  ท่านอยู่เมืองไทย ท่านทำงานหนักทุกวันเป็นระยะเวลานาน เพราะฉะนั้นท่านก็ขออนุญาตเจ้านายของท่าน ลาได้หนึ่งเดือนเต็ม

ใครเป็นเจ้านายอาตมา ก็อาตมานี่แหละ ทำงานโดยขึ้นต่อตัวเอง เวลาทำงานก็ทำจริงๆ เป็นพายุบุแคม แต่เราก็ต้องพักบ้าง เราไม่ใช่หุ่นยนต์ ถ้าเห็นว่าร่างกายมันเริ่มไม่ไหวแล้ว โอเวอร์โหลดแล้วต้องหาเวลาพักผ่อน”

แต่พักทั้งทีอาตมาก็ถือหลักว่า ต้องเรียนให้สนุกและก็เล่นให้ได้ความรู้ อาตมาจึงมาอเมริกา ตามที่โยมอาราธนา และถือโอกาสทัศนศึกษา ดูบ้าน ดูเมือง ดูพิพิธภัณฑ์ และก็ได้ความรู้กลับไป ก็ไปเทศน์ ไปสอนออกรายการโทรทัศน์ได้อีก นี่เรียกว่าในการพักผ่อนก็ได้มีการได้รับความรู้ด้วย

ฉะนั้นเราทุกคนกำลังเป็นรถที่วิ่งอยู่นะ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย เราทุกคนคือรถที่วิ่งอยู่ แต่รถที่ดีนั้นต้องวิ่งด้วยและก็หยุดด้วย อย่าวิ่งจนกระทั่งว่าเครื่องมันพัง และก็ไฟไหม้ และก็ระเบิดกันบนท้องถนนนะ ก่อนที่อาตมาจะมาก็มีรถระเบิดบนท้องถนน วิ่งเร็วมากและก็มันหยุด ฉะนั้นเราทุกคนดูแลรถของเราให้ดี ๆ

ภาษาพระพุทธเจ้าเค้าเรียกว่าสรีระยนต์ ยนต์คือร่างกายคน ร่างกายของเราก็เป็นรถยนต์ มันก็วิ่งทุกวันทุกคืน ก็ขอให้เรียนรู้ที่จำทำงานให้เป็น หยุดให้เป็น และสิ่งสำคัญที่สุดคือการให้รางวัลกับตัวเองด้วย เราทำงานหนักมาก เราไม่ค่อยให้รางวัลกับตัวเองเท่าไหร่

อย่างอาตมาทำงานก็มีคนให้รางวัลเรื่อยๆ แต่ก่อนที่คนอื่นจะให้รางวัลอาตมาให้ตัวเองแล้ว ทำยังไง อาตมาพยายามที่จะดูแลตัวเอง คือให้มีช่วงเวลาที่เป็นของเรา ดังนั้นในหนึ่งวัน อาตมาอยากให้เราทุกคน หัดให้มีชั่วโมงคุณภาพของตัวเอง ชั่วโมงคุณภาพคือยังไง คือมีเวลาสักช่วงหนึ่งที่เป็นของเราจริง ๆ อาจจะก่อนนอนก็ได้ เพื่ออะไร เพื่อพักผ่อน นั่งสมาธิเงียบ ๆ นิ่ง ๆ หรือไม่งั้นก็ทำงานอดิเรกที่เรารักจริง ๆ เพราะอะไร เพราะว่าทั้งวันเราให้เป็นชั่วโมงของการทำงาน ชั่วโมงของการเทคแคร์คนอื่น ลูกค้าคือพระเจ้า คนอื่นคือพระเจ้า แต่เราลืมไปว่า ถ้าคนอื่นคือพระเจ้าแล้วเราจะเป็นบ่าวไปทั้งชีวิตเลยหรือนี่   ตายนะ เราก็บอกตอนลูกค้ากลับ ฉันคือพระเจ้า หันมาดูแลตัวเอง เพื่อที่จะได้มีสุขภาพยั่งยืน มนุษย์เรานี่ถ้ามีทุกอย่างแต่สุขภาพไม่ดี นี่จบเลยนะ

ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ มาเรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อ  แกเสนอแผนที่สาม ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่าง วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลุกเมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป ภรรยาพาเข้าโรงบาล ตรวจพบมะเร็ง พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน บันทึกชีวิตแก ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า พ่อผมเคยบอกว่าเกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

ปริญญาใบที่หนึ่ง "ปริญญาวิชาชีพ" เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้ แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก เพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้ สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ แต่ละวันควรจะมีเวลาไว้ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์ มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ เพื่อที่ว่าอะไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต หนึ่งปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ทุกข์เกินไป ไม่เดือดร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด แล้วจึงมารู้สึกตัวอีกที  ก็อาจสายไปเสียแล้ว  ทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของเรา คืออะไร

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด บางคนก็ตอบเงิน บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์ พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่     สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ และก็ชีวิตของเรากว่าจะเกิดเป็นคนนี่มันยากเหลือแสน พระพุทธเจ้าบอกว่า เรามีหินก้อนใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง กว้างคูณยาวเอาง่าย ๆ เท่าสนามฟุตบอลขนาดนั้น ร้อยปีมีเทวดาออกมาแล้วเอาผ้าขาวมาเช็ดหินก้อนนั้นหนึ่งครั้ง เช็ดอยู่อย่างนี้ร้อยปีครั้ง ร้อยปีครั้งจนกระทั่ง หินก้อนนั้นละลายไปกินเวลานานมาก กว่าจะเกิดเป็นคนนานยิ่งกว่านั้นนับร้อยเท่านับพันเท่า เพราะฉะนั้นเราได้ชีวิตมาเป็นคน รักษาชีวิตนี้ให้ดี   ไม่ว่ามันจะทุกข์หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม แทบล้มประดาตาย เจ้าหนี้ทวงยังไงก็ตาม อย่าเพิ่งทำร้ายตัวเอง ถือหลักไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ถ้าเค้าทวง อย่าไปฆ่าตัวเองนะ ก็ไม่มีทำยังไงนะ หนีก็ไม่มีที่ไป รักษาชีวิตไว้นะ รักษา ชีวิตไว้ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณจะตันแค่ไหนก็ตาม ทางออกมีเสมอ จำไว้เลยนะ

คำสำคัญ (Tags): #คติชีวิต
หมายเลขบันทึก: 175009เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2008 18:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 16:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • เห็นด้วยครับท่านไรซ์แมน
  • อโรคยา ปรมา  ลาภา   ...นะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีคะ

ขอบคุณมากๆ คะ ที่นำเรื่องนี้มาให้ได้อ่าน เตือนใจได้ดีทีเดียวคะ

บางครั้งเรามัวแต่มองคนอื่น ใส่ใจคนอื่นแต่ลืมกลับมาใส่ใจตัวเองคะ

ขอบคุณมากคะ :)

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องดีๆ นะคะ

สวัสดีครับ

กำลังเรียนปริญญาชีวิตครับ

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ Uncle Richman

      ผมก็มักจะใช้เวลากับปริญญาวิชาชีพ มากกว่าปริญญาชีวิต ได้ข้อคิดที่ดีมากจากการอ่านบันทึกนี้ เพื่อการปรับให้สมดุลย์ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณ riceman

  • ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต
  • ขอบคุณค่ะ

เป็นการแสดงธรรมที่เตือนใจคนทำงานได้ดีมากๆ ขอบคุณมากค่ะที่ถอดความมาแบ่งปันกัน

แต่ทั้งที่รู้ว่าการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ดี ก็ยังละเลย ไม่รู้จะทำยังไง (หมายถึงตัวเองค่ะ)

สะท้อนใจ จน แน่นในคอ และในจมูก โดยเฉพาะ ตัวอย่างชีวิตจริง ของ ดร อภิวัฒน์ วัฒนางกูร

ชอบปริญญาวิชาชีพ และปริญญา ชีวิต

ขอบคุณช่วงสุดท้ายที่อาจารย์ ฝากไว้ ตรงนี้ก็ชอบมาก

รักษาชีวิตนี้ให้ดี ไม่ว่ามันจะทุกข์หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม แทบล้มประดาตาย เจ้าหนี้ทวงยังไงก็ตาม อย่าเพิ่งทำร้ายตัวเอง

ขอบคุณ ค่ะ

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องดีๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท