Pui
นางสาว อัมพวรรณ อิ่มเอมทรัพย์

ช่วงเวลาดีๆ..วันสงกรานต์


การมาบวชพราหมณ์ในครั้งนี้ หนูถือว่าเป็นกำไรครั้งใหญ่อีกครั้งของชีวิต ถ้าปีนึงเรามาได้สักครั้ง ก็ถือว่า ปีนี้ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว

เมษายนปีนี้ เป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควรสำหรับตัวหนูเอง เพราะ ต้องเดินทางไปซ้อมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่วันที่ 7-12 เมษายน เพื่อจะรับจริงในวันที่ 18 เมษายนก่อนหน้านั้น ช่วงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมก็ต้องเดินทางไปมา ระหว่าง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เ็ป็นว่าเล่น เพราะต้องไปเข้าอบรมสัมมนาของทางมหาวิทยาลัย เลยเหนื่อย(การเดินทาง)เอาการเลยทีเดียว ปีนี้ก็เลยต้องอยู่ที่เชียงใหม่ช่วงสงกรานต์(อดมาสรงน้ำพระที่บ้านเหมือนเช่นทุกปี) แต่ก็ถือว่าเป็นสงกรานต์ที่น่าจดจำ เพราะ สงกรานต์ปีนี้ ถือโอกาสไปบวชพราหมณ์อยู่วัดร่ำเปิง(ตโปทาราม) ไปตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน ถือเป็นการบวชครั้งที่ 3 ของชีวิต และถือเป็นการบวชเพื่อทำบุญวันเกิด(วันที่ 18 เมษายน)ให้กับตัวเองด้วย

ตอนแรก นึกว่าช่วงนี้จะไม่ค่อยมีคนมาบวชมากนัก เพราะเป็นช่วงสงกรานต์ แต่ที่ไหนได้ เฉพาะ วันที่ 12 วันเดียวมีคนมาขอบวชนับร้อยคน (สุดยอดด) ส่วนวันที่หนูไปบวชมีคนมาบวชพร้อมกับหนูประมาณ 60 คน เหอๆ มีตั้งแต่ เด็กๆ อายุ 7-8 ขวบ ไปจนถึงผู้สูงอายุวัย 60-70 แต่ส่วนมากก็จะอยู่ที่อายุ ราวๆ 30-40 แล้วก็เป็นที่สังเกตว่า ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงมาบวชค่ะ ผู้ชายมีค่อนข้างน้อย นอกจากนั้นก็มีชาวต่างชาติ ซึ่งประมาณ 70% เป็นผู้ชาย  มาบวชพราหมณ์ที่นี่ (แหม มันเกิดอะไรขึ้นหนอ?)

ผู้ที่มาบวชเราจะเรียกว่า โยคี จะต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลแปด นั่นหมายความว่า ต้องห้ามทานอาหารหลังเที่ยง ห้ามใช้ เครื่องหอมประทินผิว ห้ามร้อง หรือ ฟังเพลง  ห้ามประดับตกแต่งด้วยเครื่องแต่งตัวสวยงาม และต้องประพฤติพรหมจรรย์ (ชาย-หญิง ที่เป็นสามีภรรยากัน ต้องนอนแยกห้องกัน)  นอกเหนือ จากศีลห้าปกติ เมื่อมาบวชที่นี่จะมีห้องพักไว้ให้ซึ่งจะแยกเป้ยฝั่งโยคีหญิง ฝั่งโยคีชาย และฝั่งโยคที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งก็จะแยกชาย หญิงเช่นกัน และห้ามโยคีชายหรือ หญิง ขึ้นเเรื่อนนอนของอีกฝ่าย แม้ว่าจะเป็นญาติพี่น้องก็ตาม

กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำ็ก็คือ ตื่นนอนตอนตีสี่ มาทำวัตรเช้า เสร็จประมาณ 6 โมงเช้า พอดี แล้วก็ทานข้าวเช้า(อาหารจะสองแบบคือ อาหารธรรมดา กับ มังสวิรัติ โดยมีแม่ชีที่ประจำอยู่ที่วัดเป็นคนจัดเตรียมให้ บางทีก็จะมีเจ้าภาพมาทำบุญถวายอาหารเช้าบ้าง อาหารกลางวันบ้าง แล้วก็มีเจ้าภาพถวายน้ำปานะในตอนเย็นด้วย ซึ่งถ้าเป็นช่วงสงกรานต์จะมีเจ้าภาพมาถวายอาหารเกือบทุกวัน) พอ 7 โมงเช้าก็มีพระมาบินฑบาตร ส่วนวันพระ พระท่านจะลงมาบินฑบาตรตอน 8 โมงเช้า หลังจากนั้นก็ไปสอบอารมณ์กับพระอาจารย์ คือการไปเล่าให้พระนักปฏิบัติฟังว่า ในการเดินจงกรม นั่งสมาธิของเรานั้น เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วพระอาจารย์ก็จะแนะนำ รวมทั้งเพิ่มขั้นการกำหนดเจริญสติ เพิ่มเวลาการเจริญสติของเรา(จะเริ่มต้นที่ เดิน 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที) หลังจากนั้นก็ตามอัธยาศัย แต่เท่าที่สังเกต โยคีเกือบทั้งหมดก็จะไปปฏิบัติ บำเพ็ญตามคำชี้แนะของพระอาจารย์ พอเวลา 11 โมง ก็จะมีระฆัง เรียกให้ไปทานข้าวมื้อที่สอง  พอทานอาหารเสร็จ พักผ่อนตามอัธยาศัย จนกระทั่ง บ่ายโมงก็จะมีการปฏิบัติรวม นั่นคือ มีการสวดมนต์ ฟังธรรม แล้วก็นั่งสมาธิ จนกระทั่ง บ่าย 3 โมง โดยประมาณ ก็เสร็จสิ้น แล้วก็ตามอัธยาศัย ส่วนมากก็จะปฏิบัติต่อ พอใกล้ๆ 6 โมงเย็นก็เตรียมตัวทำวัตรเย็นรวมกันในศาลา เราจะทำวัตรเย็นกันประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็ฟังธรรม หรือข้อคิดจาก แม่ชีบ้าง พระนักปฏิบัติบ้าง แล้วก็มีการปฏิบัติรวม เดินจงกรม นั่งสมาธิ จนกระทั่งถึง 3 ทุ่มครึ่ง ไม่เกิน 4 ทุ่ม ก็แยกย้ายกันไปนอน

ในช่วงที่มาปฏิบัตินี้ ต้องพยายามไม่คุยกับคนอื่น ให้ตนเองสติฟุ้ง ต้องมีสติอยุ่กับตนเองเสมอๆ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน ทานข้าว หรือแม้แต่คิด ก็ให้รู้ว่า เรากำลังคิด แล้วก็ตัดความคิดฟุ้งๆ เหล่านั้น อย่าเผลอ อย่าหลง และสำรวมตนเอง มีสติรู้ตัวอยู่เสมอตั้งแต่ ตื่นจนกระทั่งหลับ

การมาบวชพราหมณ์ในครั้งนี้ หนูถือว่าเป็นกำไรครั้งใหญ่อีกครั้งของชีวิต  การมาเจริญสติ อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เรานิ่งขึ้น สงบขึ้น รู้ตัวเองมากขึ้น แล้วก็คิดอะไรได้มากขึ้น จริงอยู่ว่า การเจริญสมาธิ อยู่ที่ไหนก็ทำได้ แต่น้อยนักที่จะสามารถทำได้เหมือนตอนมาบวชพราหมณ์ มันมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ที่ทำให้เราไม่อาจปฏิบัติอย่างนี้ได้ หนูว่า ถ้าปีนึงเรามาได้สักครั้ง ก็ถือว่า ปีนี้ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว เพราะ ปีทั้งปี เราหาเวลาอยู่กับตัวเองตลอด24 ชั่วโมงได้ซักวัน สองวัน ก็คงจะดีไม่น้อย เราจะได้สำรวจภาวะของตนเองว่าเป็นอย่างไร ทำอะไรบ้าง คิดอะไรบ้าง ดีมากพอรึยัง แย่เกินไปหรือปล่าว เพื่อว่า เมื่อกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เราจะได้ มีสติรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงของจิดใจตนเองมากขึ้น ไม่หลงไปกับสิ่งแวดล้อมที่อันตรายเหล่านั้น และพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่พร้อมจะเข้ามาหาเราทุกเมื่อ

ขออนุโมทนาผลบุญของการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ไปยังกัลยาณมิตรของหนูด้วยทุกคนนะคะ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 177980เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2008 17:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดีจ้า หนูอาจารย์หัวใจติดปีก :)

  • มารับบุญกุศลก่อน สาธุ สาธุ สาธุ
  • เกิด 18 เมษายน ... น่าจะบอกกันหน่อย แหม ตรงวันรับพระราชทานปริญญาบัตรเลยอ่ะ ... โชคสองชั้น
  • อย่าลืมอ่านหนังสือธรรมะของพี่หนา ... แล้วจะได้อะไรมากกว่าที่คิด

สวัสดีครับ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท