ภายใต้ระบบประกันคุณภาพการศึกษาของประเทศ ที่มีการจัดตั้งสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)ขึ้น ในปี 2543 เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรประเมินภายนอกในการประเมินและรับรองมาตรฐานแก่สถานศึกษาทุกระดับ หลังจากที่ สมศ.ได้กำหนดมาตรฐานการประเมินภายนอกขึ้น เช่น ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดมาตรฐานเพื่อการประเมินภายนอกที่สำคัญ ๆ รวม 14 มาตรฐาน (แต่ละมาตรฐาน ประกอบด้วยตัวชี้วัดหลายตัว) ผลปรากฏว่า ทำให้โรงเรียนจำนวนมากหันมาพัฒนางานตามมาตรฐานภายนอกที่กำหนด และใช้มาตรฐานเหล่านี้เพื่อการประกันคุณภาพภายใน(จำนวนมาตรฐานและตัวชี้วัดเพื่อการประกันคุณภาพภายนอก เท่ากับ จำนวนมาตรฐานและตัวชี้วัดเพื่อการประกันคุณภาพภายใน) การกระทำเช่นนี้ มีผลดี คือ ทำให้โรงเรียนที่ด้อยคุณภาพ ได้มีการขยับหรือพัฒนาตนเองขึ้นสู่มาตรฐานกลางของประเทศ แต่ มีข้อเสีย คือ จะทำให้โรงเรียนจำนวนหนึ่งที่เคยโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง หากหันมาพัฒนางานตามกรอบมาตรฐานกลาง(ซึ่งน่าจะเรียกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ) ในที่สุดก็จะมีคุณภาพในระดับมาตรฐานกลาง ความโดดเด่นใด ๆ อาจหายไปได้ (ทุกโรงเรียนจะผลิตเด็กที่มีลักษณะเหมือนกัน หรือจืดชืดเหมือนกันหมด)
......ในทัศนะของผู้เขียน เห็นว่า โรงเรียนควรหันมาให้ความสนใจกับมาตรฐานคุณภาพ โดยเฉพาะมาตรฐานด้านผู้เรียน ในลักษณะที่เพิ่มเติมจากมาตรฐานกลางของ สมศ. เพื่อโชว์ความเป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน เช่น เมื่อ สมศ.กำหนดมาตรฐานกลาง 7 มาตรฐาน โรงเรียนควรกำหนดมาตรฐานเพิ่มบางมาตรฐาน เช่น มาตรฐานที่ 8 : ความปลอดภัยในชีวิตของนักเรียน มาตรฐานที่ 9 : ความเป็นกุลสตรี มาตรฐานที่ ... : ความเป็นสุภาพบุรุษ โดยนัยนี้ จำนวนมาตรฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายในโรงเรียน(ซึ่งดำเนินการโดยโรงเรียนเอง) จะมีจำนวนมากกว่า มาตรฐานการประกันคุณภาพภายนอก อีกทั้งโรงเรียนจะผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานกลางของประเทศ แต่จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ตามความคาดหวังหรือความต้องการของชุมชน
......เพื่อการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้มีความเป็นเลิศตามศักยภาพ หรือความพร้อมของแต่ละสถานศึกษา เป็นไปได้หรือไม่ ต่อจากนี้ไป เราจะเรียกมาตรฐานการประกันคุณภาพภายนอกของ สมศ.ว่า "มาตรฐานขั้นต่ำเพื่อการประกันคุณภาพภายนอก" เพื่อให้ทุกโรงเรียนตระหนักว่า หากเป็นไปได้ ทุกโรงเรียนจะต้องพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐานขั้นต่ำ หรือมีคุณภาพในหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ มาตรฐาน มากกว่า มาตรฐานขั้นต่ำ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ สมศ.กำหนดมาตรฐานคุณภาพขึ้นใหม่อีก 1 มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ 15 : การจัดการศึกษาที่เน้นความมีเอกลักษณ์เฉพาะตนของโรงเรียน(หรือเน้นความเป็นเลิศเฉพาะทาง)
เป็นข้อเสนอแนะที่ดีมากครับ แต่ทั้งนี้ในระดับปฏิบัติคือโรงเรียนอาจจะทำได้ยากมาก เนื่องจากเท่าที่มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนครูในโรงเรียนอื่นๆ(ที่เป็นโรงเรียนธรรมดาทั่วไป) ส่วนมาก(ส่วนมากจริงๆครับ) ยังมีทัศนคติต่อการประเมินภายนอกจาก สมศ. ว่าเป็นภาระ ยุ่งยาก ประเมินเสร็จแล้วก็..เหมือนเดิม ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้บริหารหรือผู้มีหน้าที่หลักในการทำงานด้านประกันคุณภาพของโรงเรียน ยังผูกติดกับความคิดที่ว่า การประเมิน = การตรวจเอกสาร หลักฐาน รูปถ่าย ซึ่งทำให้ครูต้องมาสร้างเอกสารหลักฐานเพื่อรอ สมศ. มาตรวจแทนที่จะเป็นการเอาสิ่งทีมีอยู่แล้วและทำเป็นปกติ มาเป็นหลักฐาน จะว่าครูก็ไม่ได้เพราะผู้บริหารโรงเรียนถ้าเห็นลูกน้องทำเอกสารเยอะๆวางกองเป็นตั้งๆไว้ ตัวเองก็คงจะรูสึกอ่นใจว่าถ้าเขามาตรวจ โรงเรียนของตัวเองก็คงผ่านสบาย
ผมเคยเสนอให้โรงเรียนมีคุณลักษณะหรือมาตรฐานที่เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ ผลปรากฎว่าได้รับเสียงบ่นจากหลายท่านว่า แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้วยังจะมาเพิ่มภาระให้เขาอีกหรือ ผู้บริหารเองก็รู้สึกไม่เห็นด้วยเลยต้องม้วนสื่อกลับไปก่อน
อาจารย์ครับตอนนี้มีความคิดอย่างหนึ่งที่ว่า จะพัฒนาโรงเรียนให้ดีต้องดูที่ผู้บริหารก่อน เพราะระบบราชการเราและบ้านเมืองของเรา สะท้อนให้เห็นว่า ที่พยายามแก้ไขปรับปรุง ครู นักเรียน และวิธีการต่างๆมากมาย แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลยถ้าคนข้างบนไม่เข้าใจ
ด้วยความเคารพครับ
จิรเมธ
......อ้อ ขอบคุณมากที่ส่ง CD ไปให้ผม ขออภัยที่ไม่ได้ตอบ ผมยังระลึกถึงพวกเราเสมอ............
อาจารย์คะ เห็นด้วยกับคุณจิรเมธค่ะ ฉะนั้นผู้ที่ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ยังต้องเป็นงานหนักทั้งที่ไม่น่าจะเป็นงานหนัก เพราะถ้าทุกคนปฏิบัติตามปกติสม่ำเสมอ และมีการพัฒนางานส่วนของตน คือการสอนและการดูแลนักเรียนของตนจะไม่ทำให้การรับการประเมินเป็นเรื่องยากค่ะ
ที่โรงเรียนยังโชคดีที่มีคนส่วนใหญ่รับรู้เรื่องนี้แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาค่ะ
และต้องขอขอบพระคุณอาจารย์อย่างมากเลยค่ะที่จะมาบรรยายให้คุณครูทุกคนได้ฟังค่ะ
วิไลวรรณ จันทร์น้อย
มัธยมวัดหนองจอก
ท่านผู้รู้ครับผมอยากทราบว่าจริงๆแล้วการประกันคุณภาพทางการศึกษาที่มีอยู่ในปัจจุบันมันสามารถช่วยให้การศึกษาไทยดีขึ้นจริงๆรึป่าวครับ
มาตรฐานประกันคุณภาพภายใน กับ ภายนอก ต่างกันหรือไม่ อย่างไร