การจัดการปัญหาการศึกษาชาติ
เพื่อนชาว km ที่รักคิด ถึงครับ วันนี้โอกาสดี ตั้งใจนำ ข้อเสนอแนะอันยิ่งใหญ่ ต่อปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมือง(ในมุมมองของตนเองหรอกครับ !!) ตั้งใจเสนอเป็น ชุด ๆ เพราะเนื้อหา สาระค่อนข้างยาว ตั้งใจจะเคี่ยวให้ข้นเพื่อให้สั้นลงมากกว่านี้ก็ไม่สำเร็จครับ ลองติดตามดู และกรุณาอย่าลืมนะครับว่า ความคิดเห็นของท่านมีค่าเสมอ ผม..ผมพร้อมรับฟัง เชิญครับท่าน
การจัดการปัญหาการศึกษาชาติ
:อีกหนึ่งมุมมอง
|
|
|
พิสุทธิ์ บุญเจริญ[1][ |
กรอบความคิด [ Conceptual Thinking Framework ]
การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กรอบความคิดสำคัญ ดังนี้
1. ยึด ปัญหาเป็นตัวตั้ง [Problem Oriented]
2.โดย ปัญหา ในที่นี้ให้หมายถึง ส่วนต่างระหว่างเกณฑ์ [CRITERIA, MEAN,NORMหรือ SATISFACTION LEVEL]ที่กำหนดไว้เป็นบรรทัดฐานกับสภาพจริง [FACT]ที่ปรากฏ
ดังกำหนดเป็นสูตร P = C-F
3. มุ่งเน้น การจัดการปัญหา ด้วย นวัตกรรม
สภาพปัญหา
นับตั้งแต่ปลายทศวรรษที่แล้วมา (ปี 2537) จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ (ปี2550) วงการศึกษาไทยเราเผชิญกับปัญหาคุณภาพการศึกษาตกต่ำตลอดมา ยืนยันได้จากภาพสะท้อนปัญหาดังกล่าวจากหลายแหล่งที่สำคัญเช่น เด็กอีสานทุกวันนี้ เป็นเด็กที่สุขภาพไม่ดี อ้วน เตี้ย ไอคิวต่ำ .....นายสง่ากล่าวว่า เด็กกรุงเทพฯ ไอคิวเฉลี่ย ร้อยละ 94.6 รองลงมา ภาคกลาง ร้อยละ 88.8 ภาคใต้ ร้อยละ 88.1 ภาคอีสาน ร้อยละ 85.9 และ ภาคเหนือ ร้อยละ 84.2 เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กในแถบยุโรปที่มีไอคิวเฉลี่ย ร้อยละ 98 จะพบว่า เด็กไทยจะมีไอคิวเฉลี่ยน้อยกว่ามาก [2][2] คุณภาพการศึกษายังอยู่ในระดับต่ำทุกระดับ โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษากำลังประสบปัญหาด้านคุณภาพ การศึกษาไทยอาการเข้าขั้นโคม่า [3][3] มาตรฐานคุณภาพผู้เรียนค่อนข้างวิกฤติ [4][4] ผล NT ชี้เด็กไทยเรียนอ่อนลงแทบทุกวิชา (NT 2549)[5][5] ผลสอบเอนที"ป.6-ม.3"เด็กไทยยังต่ำ [6][6] เด็กไทยโง่มากขึ้น สถิติมันฟ้อง ถ้านับคะแนนสอบผ่านที่ 50% ปรากฏว่า“สอบตก”ระเนนระนาด[7][7] ชี้มาตรฐานการศึกษาไทยต่ำกว่าเวียตนามเยาวชนร้อยละ 50 ไม่จบชั้นประถม คะแนนโอเน็ต “ภาษาไทย” ต่ำศูนย์ [8][8] ปี 2543 พบว่า มีนักเรียนอีกจำนวนไม่น้อยยังด้อยคุณภาพ [9][9] (ปี 2550) แฉผลการเรียนภาษาอังกฤษ นร.ตกฮวบ [10][10] เหล่านี้เป็นสภาพแห่งคุณภาพด้าน ความเก่ง (ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน) ส่วนด้าน สุขภาพนักเรียน ก็ปรากฏสภาพที่บ่งบอกถึงความด้อยคุณภาพเช่นกันดังเช่น เด็กอ้วน ยังเป็นปัญหาอันดับหนึ่ง[11][11] ปี 2550 ศธ.ตะลึงข้อมูลสุขภาพเด็กแย่ระดมกึ๋นหายุทธศาสตร์รับมือ[12][12] ตะลึงคนไทยครึ่งประเทศขาด “ไอโอดีน”[13][13] สธ.เสนอวาระแห่งชาติ "โภชนาการในโรงเรียน" สู่การแก้ปัญหา"น.ร."ขาดอาหารเรื้อรัง[14][14] ภาวการณ์ขาดสารอาหารเด็กไทย อายุ 0-5 ปี ภาคอีสานมากสุด ร้อยละ 28.1 รองลงมา คือ ภาคใต้ ร้อยละ 26.1 ภาคเหนือ ร้อยละ 19 และภาคกลาง ร้อยละ 17.3 ขณะที่ เด็กนักเรียนเป็นโรคคอพอก ภาคใต้ มากที่สุด ร้อยละ 14 ภาคอีสาน ร้อยละ 8 ภาคกลาง ร้อยละ 3.5 และ ภาคเหนือ ร้อยละ 1.7 [15][15]โรงเรียนบางแห่งเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ เช่นโรงเรียนบ้านแม่คะเมย ระบุว่า นักเรียนจำนวนมากจึงต้องช่วยผู้ปกครองทำงานในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ทำให้นักเรียนขาดการดูแลสุขภาพของตนเอง ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดเรียนบ่อย นักเรียนมีผลการเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ค่อนข้างต่ำ [16][16] ที่นี้ลองหันมาดูใน มุมสะท้อนด้านความดี ในสังคมไทยกันบ้าง ฉุดสังคมไทยดิ่งเหว แต่งลูกเสือเนตรนารี เชียร์เบียร์! เย้ย รมต. ร้านเหล้าไม่สนโคโยตี้โชว์ แดนเซอร์โป๊ เต้นในวัดอีก ต่อหน้าพระนั่งสลอน และล่าสุด โชว์อนาจารท้านรก “หมอลำซิ่ง” เต้น สุดเหวี่ยงเปิดของสงวน กลางงานฉลองนาค[17][17]
ในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเด็กไทยกันบ้าง ก็มีข่าวที่ฉายภาพปัญหา “สังคม” ที่บ่งบอกถึงสภาพไม่น่าพอใจอยู่เช่นกัน เช่น นับวันเด็กไทยมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงแก้ปัญหามากขึ้นทุกวัน[18][18] “คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เผยผลวิจัยแฉ นร.มัธยมฯท้องก่อนแต่งเพียบ” “ห้ามประกัน 11 โจ๋ลวงขืนใจ นร.ม.3” “ด.ญ. 13 แจ้งจับลุงหื่น ลวงขืนใจมาราธอนตั้งแต่อายุแค่ 9 ขวบ” “ตามหาต้นตอ วีดิโอคลิป นร.มั่วเซ็กซ์กันโจ๋งครึ่ม” และปิดฉากส่งท้ายปีจอด้วยพฤติกรรม ที่สะท้อนภาพความเหลวแหลกของสังคมให้เด่นชัดขึ้นไปอีก “โปรแกรมโชว์หวิว แคมฟรอกไทยสุดฮิต ติดอันดับ 3 ของโลก” ฯลฯ [19][19]
จากการสะท้อนภาพแห่งปัญหาสำคัญออกสู่สังคมผ่านทางสื่อสารมวลชนดังกล่าวบางท่านถึงกับใช้คำว่า มันเป็น ปัญหาซ้ำซาก (คงเทียบเคียงกับคำ แล้งซ้ำซาก น้ำท่วมซ้ำซาก นั่นแหละ) ซึ่งถึงแม้จะได้รับการหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์ วิจารย์มาโดยตลอด แต่ ...แต่ ปัญหาเหล่านั้นก็ยังคงคำรงอยู่ แก้ไม่สำเร็จลุล่วงกันซักที ซึ่งในมุมมองของผู้เขียนแล้ว เห็นว่า
ผู้แก้ไม่เข้าใจถ่องแท้ในปัญหา นั่นคือ
1.ผู้แก้ไม่รู้จัก หยิบยกเอา ปัญหามาเป็นตัวตั้ง
2.ผู้แก้มองไม่เห็นปัญหาที่แท้จริง มองปัญหาไม่ออก มองไม่เห็นปัญหาหลัก
3.ผู้แก้ตั้งสมมุติฐานการแก้ปัญหานั้นผิด
4.ผู้แก้ใช้เทคนิค วิธีการไม่ถูกต้อง เหมาะสม
5.ผู้แก้ไม่มีความแน่วแน่และ ขาดความต่อเนื่องในการจัดการกับปัญหา
6.และอื่นๆ
ดังนั้น วงการศึกษาไทยเราจึงยังต้องเผชิญกับ ปัญหาคุณภาพการศึกษาต่ำตลอดมา
หากไม่ได้รับการแก้ไข เยี่ยวยา หรือป้องกัน ที่ถูกต้อง เหมาะสมแล้ว
เด็ก นักเรียน นักศึกษา เยาวชน ประชาชน ของชาติทั้งหลายทั้งมวล
ล้วนยังคงต้องตกอยู่ในภาวะ คุณภาพต่ำ สืบต่อไปอีก
ดังนั้น บทความนี้จึงเป็นการนำเสนออีกหนึ่งทางเลือก ในการจัดการกับสภาพดังกล่าวนี้
นวัตกรรม [Innovation] : สิ่งจำเป็นที่ต้องถูกหยิบยกมาใช้จัดการการศึกษาชาติ
ในที่นี้นวัตกรรมที่ใคร่นำมาเสนอในการจัดการการศึกษาชาติ คือ
นวัตกรรมทางเลือก[Alternative Innovation]
ในสังคมยุคปัจจุบัน คงมีคนไม่น้อยที่เคยพบกับคำ เหล่านี้มาแล้ว ทั้ง
Alternative Medicine
ในวงการแพทย์ ในความหมาย การแพทย์ทางเลือก เช่น แพทย์แผนไทย /แพทย์แผนโบราณ
Alternative Education
ในวงการศึกษา ในความหมาย การศึกษาทางเลือก เช่น การศึกษาโดยครอบครัว [ Home School ]/ การศึกษาในชุมชน เป็นต้น
ในที่นี้ใคร่ขอนำเสนอคำ
Alternative Innovation
ในความหมาย นวัตกรรมทางเลือก เพื่อจัดการการศึกษา
ความหมายคำสำคัญ[Keywords]
นวัตกรรม [Innovation] หมายถึง การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพื่อปรับปรุงผลผลิต บริการ และ / หรือ กระบวนการ รวมทั้งสร้างมูลค่าใหม่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นวัตกรรมเป็นการรับเอาความคิด กระบวนการ เทคโนโลยี่หรือผลผลิตใหม่ซึ่งอาจเป็นของใหม่ หรือนำมาปรับใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใหม่
นวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จในระดับองค์กร เป็นกระบวนการที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอน ได้แก่ การพัฒนาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การตัดสินใจที่จะดำเนินการ การดำเนินการ การประเมินผล และการเรียนรู้ แม้นวัตกรรมมักจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี่ก็ตาม แต่ นวัตกรรมยังครอบคลุมถึง กระบวนการหลักๆของส่วนราชการซึ่งอาจได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงด้วย ไม่ว่าจะด้วยการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดด หรือด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวทางหรือผลก็ได้ (การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ เอกสารอัดสำเนา ก.พ.ร. :70)
นวัตกรรมทางเลือก [ alternative Innovation ] ; นวัตกรรม การจัดการปัญหาการศึกษาชาติเพื่อ แก้ไขปัญหาทางการศึกษา ป้องกันปัญหาทางการศึกษา และเพื่อพัฒนาการศึกษา
ปัญหา [PROBLEM] หมายถึง ส่วนต่างระหว่าง เกณฑ์ [CRITERIA, MEAN, NORM หรือ SATISFACTION LEVEL] ที่กำหนดไว้เป็นบรรทัดฐานกับ สภาพจริง [FACT] ที่ปรากฏ ดังกำหนดเป็นสูตรขึ้นไว้ดังนี้ P = C – F
ปัญหาการศึกษา : ส่วนต่างระหว่าง เกณฑ์ [CRITERIA, MEAN, NORM หรือ SATISFACTION LEVEL] ที่ รัฐ กำหนดไว้เป็นบรรทัดฐานกับ สภาพจริง [FACT] ทางการศึกษาที่ปรากฏ ดังกำหนดเป็นสูตรขึ้นไว้ดังนี้ P = C – F
การจัดการปัญหาการศึกษา : การดำเนินการจัดการศึกษาให้ได้ผลตามเกณฑ์มาตรฐานที่ รัฐ กำหนด ด้วยการ แก้ไข ป้องกัน พัฒนา การศึกษาให้ได้ผลตามเกณฑ์มาตรฐานที่ กำหนด
|
(ความรู้เพิ่มเติม “ ปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงสร้างของระบบการจัดกระบวนการเรียนรู้อาจเกิดปัญหาที่ระดับปัจจัย หรือระดับกระบวนการ หรือระดับผลผลิต หรือระดับผลกระทบ ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว สามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ปัญหาเชิงแก้ไขปรับปรุง (ปัญหาขัดข้อง) คือ ความแตกต่างระหว่างสภาพจริง(สิ่งที่เป็นจริง) กับสภาพที่ต้องการให้เกิดในปัจจุบันหรืออาจเป็นมาทั้งในอดีตและอาจจะยังมีต่อไปในอนาคต ปัญหาเชิงป้องกัน คือ ความแตกต่างระหว่างสภาพจริงกับสภาพที่ต้องการให้เกิด ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่มีเครื่องชี้วัด [Indicators] บ่งบอกว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต ปัญหาเชิงพัฒนา คือ สภาพที่เกิดขึ้นจริงในอดีตและปัจจุบัน ไม่แตกต่างจากสภาพที่คาดหวังในปัจจุบัน แต่ เกิดความต้องการเพิ่มคุณภาพ หรือเพิ่มประสิทธิภาพของงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม “ ) |
การจัดการปัญหาการศึกษาชาติ หมายถึง การดำเนินการกับปัญหาทางการศึกษาเพื่อแก้ ป้องกัน และพัฒนา ด้าน คุณภาพชีวิต[Quality of life] นักเรียนให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ รัฐ กำหนด ด้วย นวัตกรรมทางเลือก [ alternative Innovations ]
นวัตกรรมทางเลือก
ความเห็น (2)
มาตรฐานการศึกษาจะดีต้องปรับต้งแต่ระบบกระทรวงศึกษาธิการ การควบคุมสื่อที่ไม่ดี คนเบื้องบนไม่เคยเห็นปัญหาเบื้องล่าง นโยบายกับการปฺบัติมันคนละเรื่อง สนับสนุนการทำผลงานครูแต่ไม่สนับสนุนให้ครูต้งใจสอนหรือดูแลนักเรียนอย่างจริงจัง ครูก็เลยสนใจแต่ทำผลงาน เอกสารปลอมๆ หรือจ้างคนอื่นทำไปหลอกเอาตำแหน่ง
ร่วมปฎิวัติการศึกษาเพื่อความเป็นไท