(ข้าวปลูกเอง กินเอง ข้าวกล้องมะลิแดง กินน้อย อิ่มนาน ให้พลังงานเยอะ)
ช่วงนี้เดินชมนกชมไม้บ่อย ไม่เช้าก็บ่ายแล้วแต่บรรยากาศและเงื่อนไขในชีวิตประจำวัน ถ้าอยู่เป็นปกติ ออกกำหนดการส่วนตัวได้ด้วยหัวใจอิสระ แต่ถ้ามีงานมาปะทะพัวพันมันยุ่งจนลืมอาบน้ำก็บ่อย
กลับจากภูเก็ต เจอตู้ปลาทันสมัยตั้งไว้ในบ้าน มีระบบเติมอ็อกซิเยนและเครื่องกรองน้ำ ปลาบู่ตัวใหญ่ตัวน้อยลอยทำตาปะหลับปะเหลือก มีปลาหางนกยูงฝูงหนึ่งโบกสะบัดหางสีสวย ด้านล่างตู้ปลามีเอกสารส่งเสริมอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งหมดนี้เป็นบรรณาการจากอาจารย์ปลาบู่จัดให้
เท่าที่คุยกันอาจารย์บอกว่าถ้าเลี้ยงในบ่อดิน เราเพาะเลี้ยงปลานิลหรือกุ้ง แล้วเอาปลาบู่ไปปล่อย ก็จะลดค่าอาหารจากวิธีการดังกล่าว แต่นี่เป็นการเลี้ยงในตู้กระจก สูตรคงเปลี่ยนไป ผมเอากุ้งฝอยให้วันเว้นวัน กุ้งพวกนี้ไม่รู้ชะตากรรม ไปลอยวนเวียนอี๋อ๋อใกล้เจ้าปากกว้าง จะเหลือเรอะ ก็โดนงาบสิขอรับ
ผมตัดสินใจไม่ได้ ทำไมถึงทำบาป ชีวิตปลาบู่ ชีวิตกุ้งฝอย ชีวิตเรา ต้องเบียดเบียนกันเพื่ออะไร สำคัญนักหรือ
(ผมขาดความรู้ในธรรมะ-ชาติ)
ผมเดินไปเจอหนอนเจาะต้นยางนา มียางสีขาวไหลออกมาอาบลำตัน ถ้าเป็นต้นเล็กอาจจะตายได้ แต่ต้นใหญ่อย่างนี้อาจจะรับมือกันไหว
ผมตัดสินใจไม่ได้ ผมจะเอายาฆ่าหนอนไปยัดใส่รูให้หนอนตายดีไหม หนอนมีความผิดอะไร ไม้ต้นไหนในโลก หนอนก็มีสิทธิที่จะอาศัย ชอนไช และหากินได้ มันไม่รับรู้หรอกว่า ไม้ต้นไหนใครเป็นเจ้าของ คนเป็นเจ้าของต้องสามารถแสดงสิทธิครอบคลุมทุกระบบในธรรมชาติรับรู้สิ แต่นี่..ไม่มีมนุษย์คนไหนไปบอกหนอน เจอหน้าก็จ้องจะฆ่าๆๆ ฉีดสารพิษสารเคมีไม่บันยะบันยัง ปีหนึ่งๆหมดเงินไปหลายหมื่นล้าน เพราะไม่วิจัยให้รู้ว่าจะคุยกับเพลี้ยกับหนอนอย่างไร?
(อยู่ไป กินไป เรียนไป ก็ยังยักแย่ยักยันอยู่ตรงผิวๆนี่แหละ ผมเซ่อถาวรจริงๆ)
เดินไปเจอมะละกอ มะม่วง ขนุน เมล็ดไม้ชนิดต่างๆร่วงหล่นลงสู่ดิน เรากินบ้าง ให้เพื่อนร่วมโลกกินบ้าง จะลูกใหญ่ลูกสวยยังไงเมื่อก่อนจะรู้สึกเสียดาย แต่ตอนนี้เฉยๆกลับปลื้มว่า เออ เราไม่ต้องทำบุญที่ไหน ปล่อยให้มะม่วงทำบุญกันบ้าง เข้าใจว่าในธรรมชาติเขาทำบุญเอื้อเฟื้อกันสม่ำเสมอ มีแต่มนุษย์กิเลศหนานี่แหละไม่รู้ว่าบุญคืออะไร บางทีต้องลำบากจัดฉากทำบาปแล้วเรียกว่าทำบุญ และก็ไม่รู้ว่าเงินที่ทำบุญผ่านการแย่งชิงหรือฆาตกรรมเพื่อนร่วมโลกมากี่ร้อยกี่พันชีวิต
(วิชาอยู่กับธรรมชาตินี่แหละที่อยากชวนคุยในค่ายกระบวนกร
ผมอยากชวนConductor ท่านไร้กรอบ มาช่วยวางแผนจริงๆ แต่มิกล้า)
เดินไปเจอพริกมะเขือที่ซ่อนตัวแทรกอยู่กับวัชพืชรุงรัง บ้างต้นงามกว่าเราปลูกดูแล แต่ที่แปลกไม่เห็นมีเพลี้ยหรือหนอนรบกวน รึว่าแมลงต่างๆรู้ว่าต้นไหนเกิดจากบุญ ต้นไหนเกิดจากบาป ที่แทรกแซงเข้ามาผิดธรรมชาติ จึงพยายามรุมกินโต๊ะเฉพาะผักที่เราปลูก ผมไม่เชื่อว่ามนุษย์จะชนะแมลงได้เบ็ดเสร็จ ตอนนี้ก็เจอมลพิษป่วยนอนคางเหลืองทั้งโลก ไม่เชื่อ..ก็สู้กันต่อไปเถิดนะ เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า
(ยอดมะขามหน้าฝนต้นเดียว เก็บมาใส่ต้มไก่ได้200หม้อ)
ผมความรู้ไม่พอใช้ ไม่รู้จะเอาอะไรมาตัดสิน ถูก-ผิด จุดพอดีทุกฝ่ายอยู่ตรงไหน ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ในเมื่อมนุษย์เขียนสัญญาฝ่ายเดียว ลงนามฝ่ายเดียว แล้วบังคับให้สิ่งมีชีวิตทั้งโลกยอมรับ มันโง่หรือฉลาด หนอบักมนุษย์ขี้เหม็นเอ๋ย..
พิจารณาแล้ว ถ้าจะลดการเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกให้บรรเทาเบาบาง ผมต้องปรับวิถีชีวิตให้ปล่อยวางมากกว่านี้ ลำดับแรกต้องเลิกเลี้ยงหมู เลิกเลี้ยงวัว เลี้ยงเฉพาะไก่แจ้ ไก่ป่า ไก่ต๊อก ไก่งวง นกยูง ไว้ขออาศัยแบ่งไข่ส่วนเกินฟักมาต้ม สัตว์ปีกเหล่านี้ไม่เป็นภาระใดๆ ปล่อยให้หากินเองแบบบุบเฟ่ต์ก็ได้ ทำนาปลูกข้าวหอมมะลิแดงไว้กิน ผักหญ้าพื้นเมืองในธรรมชาติเกิดปะเลอะปะเต๋อ ผลไม้มีอยู่แล้ว ขนุน ลำไย ละมุด มะละกอ มะม่วงกล้วย ทับทิม มะเฟือง น้อยหน่า ส้ม มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟักแฟง แตงโม ไชโย โห่ฮิ้ว
ผมไม่รู้จะดิ้นทำไป ดิ้นไปก็หลุดจากวงจรโง่ตัวเองไม่ได้!!
ทำยังไงหนอถึงจะใส่เกียร์ถอยได้
คนเรา..มาอย่างไร ก็ไปอย่างนั้น
ไม่มีผีตัวไหน มีเรี่ยวแรงลุกมาแบกสมบัติเข้าโลงหรอก
ผมติดอยู่ปัญหาเดียว
ตรงมีญาติแซ่เฮ ที่แสนดีและน่ารัก คอยมาทักและดูแล
ถ้าขืนเว้นวรรค คงลงแดง ก่อนที่จะตายจริงนะสิ
ผมตัดสินใจไม่ได้จริงๆ ให้ดิ้นปัดๆสิขอรับ