วิธีมองโลกของคน อาจไม่ต่างจากภาพถ่าย
บางคน เห็นแต่สี ขาว และ ดำ แบบ high contrast คือ ถ้าไม่ขาว แปลว่าดำ ถ้าไม่ดำ แปลว่าขาว
กลุ่มนี้ มักมีจุดยืน "ถ้าไม่ใช่มิตร ก็เป็นศัตรู" ใครที่บุคลิกต่าง หากคิดจะคบหา ต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสมไว้
หากไม่คิดคบหา พึงหลีกห่างให้ไกล เพราะผู้ชมดู อาจถูกม้วนพัดติดเข้าวังวนอย่างปุบปับ
บางคน เห็นแต่สี ขาว และ ดำ แบบหลายเฉด มีขาวมาก ขาวขมุกขมัว เทาอ่อน เทาแก่ ดำซีด ดำเข้ม
กลุ่มนี้ เน้นอรรถนิยม มีระดับการโอนอ่อน แยกแยะมิตร แยกแยะศัตรูได้ แม้ขีดแบ่งอาจไม่คมชัด คาดว่า วลี "แมวขาวหรือดำ ล้วนจับหนูได้" จะบรรยายคนกลุ่มนี้ได้ดีั และคนกลุ่มนี้ มักมีมุมมองว่า เรื่องราวต่าง ๆ "ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร"
บางคน เห็นสีตามจริง
กลุ่มนี้ ดูเหมือนน่าจะเรื่องธรรมดาสามัญที่ทุกคนทำได้ แต่เกรงว่า เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก
การเห็นอรรถนิยม เห็นความสดใสบรรเจิดของชีวิต ของโลก ข้ามพ้นเหตุผลที่เป็นสีขาวดำ สู่โลกแห่งสีสันกระจ่างตา ที่มีความรุ่มรวยหลากหลายพ้นจากกรอบเหตุผล เห็นโลกแบบตรงไปตรงมา ปลอดจากอคติที่แต่งแต้มบิดเบือนโลก เป็นทัศนะมุมมองที่ไม่อาจบีบฝืน เสแสร้ง หรือสังเคราะห์
นี่ถึงกับเป็นอุดมคติแห่งการแสวงหา การหลุดพ้น การตื่นรู้ ของปัจเจกบุคคล
บางคน เห็นสีเกินจริง มองสิ่งใด ล้วนเพริดพรายบรรเจิด
กลุ่มนี้ วลี "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" อาจสื่อได้ใกล้เคียง หรือหากจะว่า "ไร้เดียงสา" ก็อาจไม่ผิดเช่นกัน เพราะสามารถก้าวข้ามไปสู่ด้านที่เป็นการจินตนาการที่ตามองไม่เห็น
แต่ขีดแบ่งระหว่างอัจฉริยภาพและวิปลาส อาจขีดคั่นด้วยเส้นใยบาง ๆ สายเดียว หรือบางครั้ง ผูกพันกันแนบแน่นอย่างแยกมิออก
กับเรื่องราวต่าง ๆ เรามองด้วยตัวกรองสีที่แตกต่างกัน
ความแตกต่าง ไม่ได้อยู่ภายนอก แต่อยู่ภายในใจ ในความเคยชินของเราเอง
เราเห็นโลกอย่างที่เราชินที่จะเห็น ไม่ใช่เห็นโลกอย่างที่มันเป็น