ตอนผมเริ่มเป็นครูใหม่ ๆ ที่หมวดวิชาวิทยาศาสตร์ โรงเรียน บ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ในช่วงปิดเทอม ได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่นครศรีธรรมราช วันหนึ่ง ผมบ่นกับคุณแม่ว่า “น่าเบื่อมากเลยแม่ ครูเรา ชอบนินทาจังเลย อาจเป็นเพราะมีครูผู้หญิงเยอะ จึงชอบนินทา”(กล่าวหาครูผู้หญิงแบบไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ) ต่อไปนี้ คือคำสนทนา ต่อเนื่อง
“ครูที่โรงเรียนลูกหรือ เขานินทาลูกหรือ”....แม่ถาม
“ใช่ครับแม่ มีครูบางคนมาเล่าให้ผมฟัง”......ผมตอบ
“ส่วนใหญ่ ครูที่โรงเรียนเป็นอย่างไร จบปริญญากันทั้งหมดหรือยัง อายุแก่กว่าหรืออ่อนกว่าลูก”.....แม่ถาม
“อ๋อ...ส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมด ยังไม่จบปริญญาตรีครับ กำลังเรียนปริญญาตรี ภาคค่ำกันอยู่ แต่อายุมากกว่าผมทั้งนั้น ผมอายุอ่อนที่สุด”......ผมอธิบายชี้แจง
“ลูกอายุน้อยที่สุด แต่มีวุฒิสูงที่สุด....แสดงว่าลูกยืนทางขวามือของเขาน่ะลูก....แม่หมายถึงว่า อายุน้อย แต่เหนือกว่าน่ะ”...แม่อธิบาย(ยืนทางขวาหมายถึงเหนือกว่า)
“แม่ว่า เป็นเรื่องธรรมดาน่ะ ถ้าเรายืนทางขวามือคนอื่น คนทางซ้ายก็ย่อมนินทาเอาบ้าง วันนี้ลูกยืนเป็นหัวหน้าหมวด คนทางซ้ายก็มีหลายคน คงจะมีอิจฉา หรือนินทาบ้างเป็นธรรมดา เพราะเราอาจทำอะไรไม่ถูกใจเขาบ้าง สักวันหนึ่ง ถ้าลูกขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน คนยืนทางขวาของลูกก็จะมีคนเดียว คือ ผอ. แต่อีก 99 คน ยืนทางซ้ายของลูก คนทั้ง 99 คน อาจต่อว่า วิจารณ์ หรือนินทาบ้าง เป็นเรื่องปกติ แต่ลูกก็ยังมีโอกาสวิจารณ์หรือนินทาคนทางขวามือได้ 1 คน คือ ผอ.โรงเรียน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกขึ้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ลูกก็คงจะวิจารณ์หรือนินทารองอธิบดี หรืออธิบดี ที่ยืนทางขวามือ อีกทีหนึ่ง ในขณะที่ คนทั้งโรงเรียน อาจคอยวิจารณ์ หรือนินทาลูกได้”...แม่อธิบายยาวเหยียด
“ถ้าเรายืนทางขวามือคนอื่น(เหนือกว่า) ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องถูกวิจารณ์บ้าง ถ้าลูกไม่อยากให้คนนินทา ลูกก็ทำตัวให้แย่ ๆ เข้าไว้ หรือยืนซ้ายสุด แล้วคนจะไม่นินทา...แต่จะสังเวชใจแทน ลูกคิดว่า เราควรยืนตรงไหนล่ะ....การนินทาเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เราไม่จำเป็นต้องเครียด หรือเบื่อหน่าย สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อมีคนมาบอกลูกว่า “มีคนนินทาอาจารย์นะ อาจารย์รู้หรือยัง”...แม่สอนดังนี้
สิ่งที่ไม่ควรทำ......อย่าถามว่า “ใคร” การรู้จักชื่อ มีแต่ก่อให้เกิดการเพาะบ่มความไม่พอใจ ความแค้น หรือทำให้ใจลูกร้อนรุ่ม หรือตกนรก ได้
สิ่งที่ควรทำ.....ถามเขาว่า “ เขานินทาหรือวิจารณ์ผมเรื่องอะไร หรือ ครับ”........หลังจากทราบแล้ว หากเห็นว่าเราบกพร่องจริง ตามคำนินทา เราก็ควรปรับปรุงตนเองให้ดียิ่งขึ้น หรือไม่ปล่อยให้บกพร่องอีกในอนาคต ...แต่หากเห็นว่า “น่าจะเป็นเพราะความไม่เข้าใจ หรือ คนนินทาเข้าใจเราผิด หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็ค่อยหาทางแก้ไข หรือชี้แจงต่อที่ประชุมในโอกาสอันควร ในลักษณะของการชี้แจงทั่วไป ไม่มีการเจาะจงไปถึงใคร(เพราะเราไม่มีการถามชื่อคนที่นินทาเรา)
ถ้าลูกคิดและทำได้ดังข้างต้นนี้ คือ ยอมรับความเป็นจริงได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง และเป็นเหตุการณ์ปกติในสังคมไทย “จิตใจลูกจะไม่ร้อนรุ่ม...มีความสุขได้” และ ถ้าถามจุดอ่อนหรือประเมินจุดอ่อนของตนเองเรื่อย ๆ แล้วพยายามหาทางปรับปรุงพัฒนา ชีวิตลูกก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน......แม่สอนต่อ
คำสอนนี้ เน้นให้เราไม่เครียด และคิดปรับปรุงตัวเองนะครับ
.............คำสอนของ แม่ ป.4 ดังกล่าวเหล่านี้ เป็นเกราะคุ้มกันอีกชั้นหนึ่ง ที่ทำให้ผมเป็นคนใจเย็น ไม่รู้สึกร้อนรุ่ม เมื่อถูกวิจารณ์หรือนินทา ว่ากล่าว ....และมีความมุ่งมั่นที่จะมองหาจุดอ่อนของตนเอง เมื่อมีคนวิจารณ์ และเมื่อมีโอกาส ก็พยายามแก้ไข....ตามคำสอนที่ฝังใจของแม่
คุณแม่สุดยอดจริงๆค่ะ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านสามารถส่งเสริมผลักดันให้ลูกมาถึงวันนี้ได้
อ่านเรื่องที่คุณแม่สอนแล้วทำให้คิดถึงเรื่องนี้ที่มีคนส่งมาให้อ่าน เอามาเสริมเพิ่มเติมค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ชาย.....ดร.สุพักตร์
อ่านอีก ชอบชอบ
ถึง ครูอ้อย
เรียน คุณสะมะนึก
เรียน ท่านอาจารย์สุพักตร์ ที่เคารพ
กรณีที่การคนที่เราอยู่ขวามือคนอืนนั้น เป็นการพูดให้สำนึกว่าคนเราถ้าอยู่เหนือกว่าคนอื่นก็คงเป็นกรณีนี้ แต่พอได้อ่านเรื่องนี้ทำให้หนูใจเย็นและไม่รุมร้อน และไม่สนใจคำนินทา ถ้าไม่ทำให่คนอืนเดือดร้อน เพราะแม่หนูก็จบ ป.4 แต่หนูก็จบ ป.โทได้และดำเนินชีวิตที่เหนือกว่าหลายๆคนไม่ว่าในฐานะทางสังคม และการเป็นอยู่ในการทำงาน
ขอขอบคุณในคำสอนของอาจารย์ที่.....อาจารย์คิดคำว่าอยู่ทางขวามือ แทนว่าเหนือกว่าเป็นคำที่ฟังแล้วน่าฟังและดูดีมากเลยคะ
ด้วยความเคารพ
ลูกศิษย์
เรียน ดร.สุพักตร์
อ่านแล้วหายเครียดเลยค่ะ เดิมเคยน้อยใจว่า เราอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ
เพื่อทุกคน ยังโดนว่า ทำไมเขาไม่เห็นเจตนาดีของเรานะ เคยใช้คติว่า คนที่ไม่เคย
ถูกนินทา คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย
อ่านแล้ว ชอบแนวคิดของแม่อาจารย์มาก
ทำให้สามารถนำไปใช้ ในการทำงานได้เป็นอย่างดีค่ะ
ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันคำสอน เพราะการมองมุมกลับ ทำให้เราไม่เครียดแถมเกิดการพัฒนาตนเองอีก ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอบคุณ ครูติ้ง ผอ.หญิง คุณกนกรัตน์ และ คุณthip
-ขออภัยนะครับ ที่ไม่ได้ตอบเสียนาน ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
ถ้าเราต่ำกว่าเขา เราก็มักจะโดนเหยีบย่ำ
ถ้าเราอยู่ระดับเท่าๆกับเขา เรามักจะถูกเขาอิจฉา
ถ้าเราสูงกว่าหรือเหนือกว่า เขามักจะอยากเอาเราเป็นพวกด้วย
เรียน ดร.สุพัตร์
ดิฉันเคยฟังบรรยายของอาจารย์ที่ โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ส.ค.52 ดีมากๆเลยค่ะและชอบคำสอนของแม่อาจาย์มากเลยค่ะ เพราะดิฉันถูกนินทาและถูกมองในแง่ลบ แรกๆก็คิดมากว่าทำไมเขาถึงคิดว่าเราไม่ดีมากมายขนาดนั้น แต่ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร ขอบคุณคุณแม่อาจารย์และอาจารย์มากค่ะ ดิฉันจะทำความดีต่อไปค่ะ
เรียน รศ.ดร.สุพักตร์
นานแล้วครับที่ไม่ได้เจออาจารย์
แต่ผมก็อ่านบทความ/คำสอน ของอ่านเป็นประจำ
บางครั้งนำคำสอนของอาจารย์ไปพูดหน้าเสาธงให้นักเรียนฟังเป็นประจำ
วันนี้รู้สึกสบายใจมากเลยครับ ที่ได้อ่านบทความบทนี้ของอาจารย์
"คนที่เป็นแม่...เป็นเทวดาของลูกเสมอ" นะครับ
ขอบคุณครับ
วัชระ
เรียน รศ.ดร.สุพักตร์
ได้อ่านบทความและคำสอนของท่านแล้ว ได้ข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับนักเรียนได้...จริงๆ
เพราะแม่เป็นพระในบ้าน เป็นแบบอย่างที่เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และเป็นความรู้ที่ฝังแน่น
ชอบฟังเรื่องเล่าคะ...คิดว่าเป็นทางลัดของการเรียนรู้นะคะ....
ตอนเล็กๆ มีคุณยาย..เล่าให้ฟัง......พอเริ่มเป็นวัยรุ่นพ่อก็เล่าให้ฟัง
ตอนนี้ทำงานแล้วอยู่ไกลบ้าน(คนคอน)..ก็ชอบอ่านเรื่องเล่า...
ติดตามบทความเรื่องนี้ของอาจารย์ทุกตอนคะ
คำสอนดีๆแบบนี้ขอเป็นกำลังใจให้พ่อ...คนเก่งได้มีลูกดี..
ในอนาคตอาจได้อ่าน....พ่อด็อกเตอร์สอนลูก....ลูก(ศิษย์)
เป็นหนังสือวางแผง...ดีไหมคะอาจารย์
ศิริพร(วัดผลรุ่น6)
คุณแม่ของอาจารย์เยี่ยมมาก ดิฉันได้อ่านบทความของอาจารย์แล้วทำให้มีสติและได้ข้อคิดไปใช้
ในชีวิตประจำวัน ขอกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองด้วยความจริงใจค่ะ
เป็นสิ่งที่ดีมากครับ
นินทา ภาษาคำเมืองแปลว่า "เล่าขวัญ" ซึ่งมักเป็นเสมือนอาหารว่างของผู้คนที่มีเวลา"ว่าง" ว่างจากการอ่าน ว่างจากการคิด ว่างจากการเขียน....แม้เวลาทำงานการเล่าขวัญหรือการนินทาอาจเป็นออร์เดิฟหนึ่งที่มักอยู่กับคนที่มีมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป เสมอ...แต่ก่อนมักโมโหโกรธาเมื่อได้ยินถึงหูเรา
หลังจากอ่านบทความของอาจารย์แล้วถึงบางอ้อ....เข้าใจสัจธรรมมากขึ้น....ขอบคุณครับอาจารย์
เป็นคำสอนที่ดีมากเลยค่ะ ขออาจารย์นำไปใช้นะคะ และขอไปสอนลูกๆ ด้วยคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
เรียน รศ.ดร.พักตร์
หนูชอบฟังอาจารย์บรรยายมากเลยที่ไทยประกันชีวิตค่ะ...อาจารย์มีทัศนคติดีๆๆให้หนูมีแรงบันดาลใจหลายๆๆอย่าง...เช่นให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้าให้มากๆๆกว่าคนที่โทรมาหาเรา..
เรียนรศ.ดร.พีกตร์หนูชอบบทความนี้ค่ะอาจารย์ อ่านย่อหน้าแรกแล้วรู้สึกเหมือนหนูเจอปัญหาเดียวกับอาจารย์เลยค่ะ พออ่านจบต้องขอบคุณคุณแม่ของอาจารย์และอาจารย์ค่ะ ที่แชร์แนวคิดดีๆในการแก้ปัญหาค่ะ