“ส่วย” มีแต่ภาษาพูดไม่มีภาษาเขียน (ตอนที่ ๑)
ข้อเท็จจริงในประเทศไทย
“ส่วย” เป็นคำเรียกที่ไม่ค่อยสุภาพที่คนภายนอกบางกลุ่มใช้เรียก ชนเผ่ากูย และภาษาของกูยที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นภาษาพูดและไม่มีภาษาเขียนที่เป็นลายลักษณ์อักษร ภาษาพูดของชนเผ่านี้เรียกกันว่า “ภาษากูย หรือ ภาษากวย” จัดเป็นภาษาพูดของชนเผ่าหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่ สำเนียงการพูดและระบบการออกเสียงมีความผูกพันกับภาษาเขมร เพียงแต่ภาษากูยหรือส่วยจะมีความละเอียดอ่อนที่มากกว่า ชนเผ่ากูยนี้ปัจจุบันมีถิ่นฐานอยู่บริเวณเขตจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี มหาสารคาม ศรีสะเกษ และพบที่จังหวัดสุพรรณบุรีบ้างประปราย (www.mapculture.org)
ตำนานแต่เดิมเล่าว่าคนไทยมักเรียก ชนเผ่ากูย ด้วยคำที่ไม่ค่อยไพเราะ จัดเป็นคำรุนแรงประเภทเรียกแบบจิกหัวใช้กันเลย เช่นเรียกว่า พวกเขมรป่าดง / พวกส่วย ซึ่งเป็นคำที่ชนเผ่ากูยไม่ชอบอย่างแรง แต่ชอบให้เรียกพวกเขาว่า โกย หรือ กูย ส่วนที่มาของคำว่า “ส่วย” นั้น รศ.ดร.ประจักษ์ ฉายแสง และดร.ทิวารักษ์ เสรีภาพ เล่าผ่านวรรณกรรมสองแควไว้ว่า เป็นเพราะแต่เดิมชนเผ่ากูยต้องส่งส่วยให้แก่กรุงศรีอยุธยาหรือกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทยจึงมักเรียกชาวกูยว่า “ส่วย” (http://www.thai-folksy.com/L2Qua/L91-120/119-L2Q.htm)
ถิ่นฐานแต่เดิมของชาวกูยก็จะอยู่แถวกำปงธม ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีตำนานที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และด้วยความที่ชาวกูยมักมีถิ่นฐานอยู่ตามป่าเขา หรือภูเขาสูง ความสัมพันธ์ของชาวกูยกับ “ช้าง” จึงใกล้ชิดกันมากๆ และเชื่อกันว่าชาวกูยเลี้ยงช้างเก่ง เพราะพื้นที่บริเวณนั้นแต่เดิมอุดมสมบูรณ์มีอาหารให้ช้างกินมากมาย แต่ปัจจุบันชาวกูยบางส่วนต้องพาช้างอพยพเข้ามาหาอาหารกินในเมืองหลวง จึงเป็นที่มาของการเห็นช้างเดินตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่นทุกวันนี้
เอาล่ะ นั่นคือเรื่องของชนชาวกูยที่ไม่ชอบคำว่า “ส่วย” คราวนี้ลองมาฟังเรื่องเล่าที่เป็นบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับ “ส่วย” ที่เกิดขึ้นในประเทศ RA-WA-BA-WA-RA ประเทศที่ไม่ชอบคำว่า “ส่วย” เช่นกัน
คำชี้แจง :
1. ประเทศ RA-WA-BA-WA-RA อ่านว่า ราวาบาวาร่า
2. เนื่องจากภาษาส่วยจะมีแต่ภาษาพูดไม่มีภาษาเขียน ผู้เขียนจึงถอดความภาษาส่วยเป็นภาษาไทยเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เรื่องเล่าที่ผู้เขียนจะเล่าสู่กันฟังนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ร้านเกมของประเทศราวาบาวาร่าที่มีภาษาส่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง
ว่ากันว่าผู้พิทักษ์กฎหมายในประเทศราวาบาวาร่า จะมีคำเฉพาะที่เขาใช้เรียกพวกนอกรีตในอาชีพเดียวกันว่าพวก “กินฉัง” เรื่องเล่าที่สุดแสนจะคลาสสิคของพวกกินฉังก็คือ เรื่องของการพูดตกลงด้วยปากเปล่า แต่เวลาตรวจจับจะใช้เอกสารมาจับเสมอ (จำไว้) หลายครั้งที่พวกกินฉังชอบพูดจาตกลงในแบบกฎหมายเถื่อนกับพวกร้านเกมด้วยปากเปล่า และทุกคนในเมืองนั้นก็รับรู้และเป็นที่ “รู้กัน” โดยทั่วไปว่าสามารถทำได้ เช่น เรื่องการรับเด็กเข้ามาเล่นเกมได้ก่อนเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่วันดีคืนดีพวกกินฉังก็อาจจะบุกเข้ามาพร้อมกับอีกาคาบข่าวที่จ้างมาเดินติดตามคนละ 10-20 จ๊าก (คิดเป็นเงินไทยราวๆ พันสองพันบาท) เมื่อหาเรื่องตรวจจับอะไรไม่ได้(ภายในร้าน) พวกกินฉังก็จะงัดเอามุขเด็ดออกมา นั่นคือ มุขเรียกหาเอกสาร ....
กินฉัง : ใครไม่มีเอกสารสำคัญของประเทศราวาบาวาร่าให้ออกมายืนตรงนี้ ใครที่มีก็ไปยืนตรงนู้น
พลเมืองชาวราวาบาวาร่า : ก็แค่ออกมาเล่นเกม ต้องเอาออกมาด้วยเหรอ? หน้าก็แก่ออกป่านนี้แระ
กินฉัง : ต้องสิ ไม่งั้นอั๊วจะรู้ได้ไงว่าสูเจ้าเป็นคนของราวาฯ รึเปล่า อายุถึงรึเปล่าก็ไม่รู้ (ทำท่าขึงขัง)
พลเมืองชาวราวาบาวาร่า : ร้องเพลงชาติราวาฯ พิสูจน์สัญชาติกันได้ไม๊ล่ะ (พลเมืองราวาบาวาร่าขอต่อรอง)
กินฉัง : ไม่ได้ ต้องมีเอกสาร ถ้าไม่มีก็เอามาคนละ 1 จ๊าก (ราว 100 บาทไทย) (เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว...โถ...ค่าจ้างอีกาคาบข่าวมายังแพงกว่าเลยนี่นา)
เจ้าของร้านเกม : อ้าว...ก็ไหงตกลงกันแล้วไงว่ารับเด็กมาเล่นได้ ทุกร้านเขาก็ทำ
กินฉัง : ไม่ได้ ก็ตามกฎหมายของประเทศราวาบาวาร่ากำหนดไว้ ต้องทำตามกฎหมาย
เจ้าของร้านเกม : ก็ตกลงกันแล้วไง (ทำท่าขยี้หัว)
กินฉัง : ไหนล่ะ เอกสารที่เซ็นตกลงกัน ไม่มีนี่นา (กิ๊ว-กิ๊ว)
เจ้าของร้านเกม : ดู ดู๊ ดู...ดูเธอทำ ...ทำไมถึงทำกับช้านด๊ายยยย...(ต้องอ่านคำร้องแบบในโฆษณาด้วยนะ จะบังเกิดอารมณ์มาก)
เหตุเกิดเพราะ “ส่วย มีแต่ภาษาพูดไม่มีภาษาเขียน” แล้วจะเอาเอกสารที่ไหนมายันกันล่ะนั่น เรื่องเล่าเกี่ยวกับ “ส่วย” ยังมีอีกมากมาย ผู้เขียนจะถอดความจากภาษาส่วยมาเป็นภาษาไทยและถ่ายทอดให้ได้อ่านกันอีกเร็วๆ นี้ โปรดติดตามอ่านกันตามซำ-บาย
.............................
ศัพท์ส่วยสตอรี่ที่ต้องรู้จัก
อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 จ๊าก เท่ากับ 100 เงินบาทไทย
สัตว์เลี้ยงของกินฉัง คือ อีกาคาบข่าว (เหมือนที่แฮรี่ พอตเตอร์มีนกฮูกชื่อ Hedwig)
เก่งจริงๆ คนเนี้ย เยี่ยมชมคนแรกซำเหมอเลย ^_^
ขอบคุณค่ะ ไม่เคยรู้จักตั้งหลายคำค่ะ ขอบคุณพี่แจ๋วด้วยค่ะ ที่ชวนมาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ :)
สวัสดีค่ะคุณอ๋อทิงนองนอย
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ คราวหน้าจะมีศัพท์มาให้อ่านกันอีกเยอะเชียวค่ะ
แนทมาชวนไปอ่านบันทึกน่ารักๆ แต่มีข้อคิดของคุณอ๋อจ๊ะ ที่นี่
เจ๋งๆ ว่างแล้วเหรอเพื่อนถึงมีอารมณ์เขียนนี่
คราวนี้เขียนน่ารักดีๆ เอาแบบนี้อีก ชอบๆๆ
เขียนมี อารมณ์เพื่อน...ชื่นชมๆๆๆ
แต่เท่าที่อ่านมานะ ..แสดงว่า ลูกหลานชาวของ “ส่วย” ยังคงมีตัวตนอยู่ตามในเมืองของประเทศราวาบาวาร่า นะสิ หรือป่าว?
มุกนี้ใช้ได้ ชอบค่ะ
สนุกดี บทความนี้สอนให้รู้ว่า ส่วย จะมากับคำพูดที่ไม่มีหลักฐาน
จงระวังให้ดี
เอาอีก
สวัสดีครับ
เรื่องกูยน่าสนใจ แต่มุกเรื่องเอกสารนี่ก็น่าสนใจเหมือนกันครับ ;)
แนทคะ ชวนไปอ่านไปให้กำลังใจน้องกอหญ้าที่ บันทึกนี้ ค่ะ
ขอบคุณกำลังใจจากทุกคนค่ะ กำลังเตรียมเขียนตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ :)
คุณดอกไม้น้อยคะ
แนทคงไม่อาจอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชาวกูยกับชาวเขมรได้ดีเท่าผู้ทีศึกษาเรื่องนี้จริงๆ เลยทำลิงค์ให้ลองไปอ่านข้อมูลจาก
http://www.mapculture.org/mambo/index.php?option=com_content&task=view&id=370&Itemid=56
และที่นี่ดูนะคะ น่าจะคลายความสงสัยได้บ้าง ;)
วิธีลงเพลงในบันทึก พี่ดาวลูกไก่บอกไว้ ที่นี่ ค่ะ
แวะมาอ่านอะ เพื่อน...ดีใจจัง ยายมีบล็อกด้วย
ขอบใจนะบี แวะมาอ่านบ่อยๆ นะ ฉันลงไม่บ่อยหรอก (อ้าว ...55 ล้อเล่น)
ขอบคุณค่ะคุณกวิน กำลังว่าจะถามผู้ที่แวะมาอ่านเหมือนกันว่า เคยได้ยินคำว่าอะไรกันมาบ้าง ที่เป็นศัพท์ที่เขาหมายถึง ส่วย เพราะตอนนี้แนทรวบรวมได้ประมาณ 6-7 คำ (เป็นศัพท์สมัยใหม่) แต่ศัพท์ของเดิมที่มีรากศัพท์และความเป็นมาแนทก็กำลังรวบรวมอยู่ด้วย ขอบคุณค่ะที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ต้องไปหาหนังสือเล่มนี้อ่านเพิ่มเติมแล้วล่ะ :)
แวะเข้ามาอ่านแล้วนะ ซานุกดีชอบๆ อย่าลืมมาต่อละ
แนท มีข้อมูลเกี่ยวกับชาวส่วย ที่นี่ ด้วยค่ะ
มาทวงตอนใหม่ กดดันๆ เมื่อไหร่จะมา
ถ้ายังไม่มีตอนใหม่ งั้นตามไปอ่านเรื่องราว ระหว่างทาง หน่อยนะ
บ้านนี้มีทั้งฝุ่นมีทั้งหยักใย่เลย
เจ้าของบ้านไม่ดูแลเลย ^__^
น่ารักคร่า
คนส่วยเขาไม่ยอมรับความสัมพันธุ์เกี่ยวเนื่องกับชาวเขมรใช่ไหมครับ
พิย่ะโซนแลวเกอโซนดุแลว แปลว่าไรคับ
พิย่ะโซนแลวเกอโซนดุแลว