พุงหลวงบอกยาป้าง : ดร.ล้อม เพ็งแก้ว


 พุงหลวงบอกยาป้าง : ดร.ล้อม เพ็งแก้ว ตีพิมพ์ในนิตยสารฟ้าเมืองไทยปีที่ 16 ฉบับที่ 786 วันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2527

ถ้อยคำสำนวนที่ใช้อยู่ในภาษานั้นสัมพันธ์กับสภาวะแวดล้อมที่ปรากฏอยู่รอบๆตัวของผู้ใช้ ของสิ่งใดที่ห่างไกลจากความรับรู้แม้ของสิ่งนั้นจะเคยใช้เคนชินมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย ก็ย่อมถดย่อมถอยความนิยมลงไปและอาจเลิกใช้ไปในที่สุด นี่เป็นสัจธรรมหนึ่งทางภาษา และบทอุปมา “พุงหลวงบอกยาป้าง


ก่อนถึงงานวันครูปีนี้มีข่าวบอกกันทั่วไปในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าท่านผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการได้ขอร้องครูอย่าสูบบุหรี่ให้เด็กเห็นเพราะจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่ศิษย์ ชมรมครูผู้ปฏิบัติธรรมได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพร้อมกับถือแผ่นป้ายขนาดใหญ่มีข้อความเชิญชวนให้ครูงดดื่มเหล้าสูบบุหรี่และอบายมุขทั้งปวงในวันครูตรงไปยังกระทรวง (มาตุภูมิ ฉบับ 12 มกราคม พ.ศ.2527)

การมีข่าวปรากฏเช่นนี้ก็เป็นสิ่งแสดงอย่างชัดเจนว่าปัจจุบันนี้ยังมีครูอยู่เป็นจำนวนมากที่ปฏิบัติตนสวนทางกับที่ตนสอนหากเป็นสมัยก่อน ย้อนหลังไปสักสามสิบสี่สิบปีก็อาจมีผู้ ยกบทอุปมา “พุงหลวงบอกยาป้าง” ขึ้นกล่าวบ้างเป็นแน่ เพราะคนไทยสมัยก่อน “ไข้ป้าง” หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า มาเลเรียลงตับ ซึ่งนานๆจะปรากฏสักครั้งหนึ่ง

คนที่เป็นไข้ป้างนั้น ท้องจะโต (พุงหลวง / พุงใหญ่หลวง) ผิวเหลืองซีด เมื่อออกกำลังหรือเดินไกลๆจะ เจ็บท้อง/ เจ็บจุก ต้องหยุดพักและใช้มือจี้ตรงชายโครงข้างซ้ายสักพักหนึ่งอาการเจ็บจุกจึงค่อยคลายทั้งนี้เพราะคนที่เป็นไข้ป้างนั้น ม้ามจะย้อยเลยชายโครงลงมา ม้ามนั้นเป็นอวัยวะภายในอยู่ชิดกระเพาะอาหาร มีหน้าที่เป็นเสมือนสุสานของเม็ดโลหิตแดง คนที่เป็นมาเลเรีย เรื้อรังเม็ดโลหิตแดงจะถูกทำลายและไปคั่งอยู่ที่ม้ามมาก ม้ามจึงขยายตัวย้อยยานและเจ็บจุกเมื่อออกกำลังในหนังสือพระรถนิราศครั้งแผ่นดินพระพุทธยอดฟ้าฯ รัชกาลที่ 1 ตอนกล่าวถึงไพร่พลของเมรีที่ถูกเกณฑ์ให้ตามพระรถมีกลอนว่า

บ้างเจ็บจุกร้องคลางอยู่กลางป่า ความแสนเวทนาน้ำตาไหล

น่าสงสัยว่าไพร่พลพวกนี้เป็นไข้ป้าง คนไทยแต่ก่อนคงจะมีเชื้อมาเลเรียอยู่ทุกคนจะว่าเป็นไข้ป้างกันอยู่มากบ้างน้อยบ้างก็คงจะได้ ฉะนั้นการยกไข้ป้างขึ้นเป็นตัวอุปมาจึงย่อมชัดเจน เพราะได้รู้ได้เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อตัวเป็นเป็นไข้ป้างจนพุงหลวง แล้วยังมีหน้ามาบอกยาแก้ไข้ป้างแก่คนอื่นๆใครเขาจะเชื่อจะยอมรับ คนแต่ก่อนจึงผูกเป็นคำคล้องจองกันไว้ว่า

พุงหลวงบอกยาป้าง
แม่ร้างบอกยาเสน่ห์
คนเสเพลบอกพระธรรม อย่านำไปเชื่อถือ




หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 องค์การสหประชาชาติรณรงค์ให้ทั่วโลกร่วมกันปราบมาเลเรียอย่างเอาจริงเอาจัง จนบัดนี้ว่ากันว่า มาเลเรียลดน้อยจากเมืองไทยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ การพูดถึงไข้ป้างจึงดูห่างไกลจากวิถีชีวิตของคนไทย บทอุปมาที่เคยคมคายในสมัยก่อนโน้น จึงลืมกันสนิทแล้วในปัจจุบัน


อ่านบทความของ ดร.ล้อม เพ็งแก้ว แล้วสะท้อนใจ ว่าตัวเรานี้หนอเป็นอุปมาเหมือนเป็น ไข้ป้าง/ไข้ใจ ร้องโอดโอยอยู่งึมงำ แต่ก็พยามร้องบอกยาแก้ โรคไข้ป้าง/ไข้ใจ ให้กะคนอื่นเขาด้วย คิคิ น่าหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง น้อ...

แล้วท่านผู้อ่านเป็นไข้ป้าง กันบ้างหรือไม่..รักษาหายกันแล้วหรือยัง...ใครรักษาหายแล้ว ขอยาหน่อย...ฮาๆเอิ๊กๆ

หมายเลขบันทึก: 182829เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2008 21:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

คุณกวิน

การบอกวิธีกำจัดไข้ป้าง/ไข้ใจให้กับผู้อื่น งง่ายกว่า การลงมือปฎิบัติค่ะ

แต่...แค่ยากเท่านั้นนะคะ ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้

  • ขอคุณครับคุณ แจ๋ว...
  • ยาก ง่าย
  • ทำ ไม่ทำ
  • จริงด้วย....ๆๆ

“พุงหลวงบอกยาป้าง

แม่ร้างบอกยาเสน่ห์

คนเสเพลบอกพระธรรม อย่านำไปเชื่อถือ”

เป็นการสอนแบบมีความไพเราะในภาษาครับ

รพี

สวัสดีค่ะ คุณครู กวิน

  • รพี กวีข้างถนน .ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค้าบบบบบบบ
  •  อ.ศิริพร ขอบคุณครับชอบฟังเพลงของป้างเหมือนกันครับ
  • พี่. กัญญา เดี๋ยวจะแวะไปเยี่ยมชมนะครับ ....ขอบคุณครับ
  • ได้ความรู้ใหม่จากคุณกวินอีกแล้ว.. ขอบคุณนะคะ..^_^
  • ไข้ป้างทางใจ ใบไม้เคยเป็นแล้ว..หายไปแล้ว..
  • สูตรยานะคะ..
  • 1.หยุดคิดปรุงแต่ง ไม่ว่าจะเป็นการคิดถึงอดีต อ่านหนังสือ ฟังเพลง ที่ทำให้คิดถึง ให้รู้ว่าตัวว่าคิดถึงอยู่ แต่ไม่ต้องไปคิดต่อจากที่จิตใต้สำนึกมันฟุ้งขึ้นมา อันนี้ต้องฝึกสติช่วย ระลึกรู้ว่าเรื่องราวมันผ่านไปแล้ว มันจบไปแล้ว
  • 2.คิดถึงคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่แย่กว่า หรือช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก แล้วจะเห็นว่าเรื่องของเรานั้นเล็กนิดเดียวค่ะ ตอนที่ใบไม้อกหัก ก็ไปเยี่ยมเพื่อนที่เพิ่งถูกรถชนแล้วต้องตัดขาทิ้งหนึ่งข้างค่ะ แล้วก็ไปช่วยที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ฟังเรื่องราวของผู้ตกทุกข์ได้ยากแล้ว รู้สึกเรื่องของเรามันเล็กมากเมื่อกับพวกเขา ลืมเรื่องของตัวเองไปได้ชั่วคราว
  • 3. เวลาจะช่วยให้ความรู้สึกเจ็บปวดค่อย ๆ คลี่คลายไป ถ้ายึดมั่นถือมั่นมากก็จะใช้เวลานาน ถ้ายึดมั่นถือมั่นน้อย ก็ใช้เวลาสั้นลง อันนี้ต้องฝึกข้อ 1 มาก ๆ ค่ะ
  • เป็นกำลังใจให้คุณกวินหายจากไข้ป้างทางใจเร็ว ๆ นะคะ ^_^
  • มาเติมสูตรยาแก้ไข้ป้างทางใจอีก 3 ข้อค่ะ
  • ข้อ 4 ให้นึกถึงคนที่รักเรา และใช้เวลาทำสิ่งดี ๆ ให้แก่พวกเขา
  • ข้อ 5 เมื่อใดที่รู้สึกโกรธ ให้ตั้งสติ ผ่อนคลายจิตใจ แผ่เมตตาให้ผู้ที่เราโกรธค่ะ
  • ข้อ 6 รักตัวเองค่ะ ไม่ใช่รักเพื่อจะเห็นแก่ตัว แต่รักตัวเองเพื่อคอยดูแลจิตใจตัวเอง ไม่ปล่อยความรู้สึกแย่ ๆ ชักนำเราไปในทางเศร้าเหมองค่ะ
  • สู้ ๆ ค่ะคุณกวิน สักวันมันต้องผ่านไปค่ะ..^_^
  • ใบไม้ย้อนแสง ขอบคุณครับ  ข้อที่หนึ่งตอนนี้พยามทำอยู่ครับ กระโดดจับความคิดอยู่ทุกช่วงของลมหายใจ กลายเป็นว่าวันทั้งวันไม่ต้องทำอะไรเลย..คิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ...และพยามหยุดคิด ถ้าเผลอก็กลับมาคิดใหม่
  • ขอบคุณสำหรับวิธ๊การดีๆนะครับ จะทำตาม...ครับผม
  • สวัสดีครับท่าน ผอ.ประจักษ์  แวะมาให้กำลังใจแต่เช้าขอบคุณมากๆครับ
  • มาเยี่ยมไข้ป้างทางใจคุณกวิน...^_^
  • เลยนำรูปฝีมือตัวเองมาฝากอีกภาพ

20080517_1377

  • เป็นภาพถ่ายย้อนแสง ความจริงทรายเป็นสีขาวละเอียดมากค่ะ แต่เนื่องจากเป็นเวลาราว 6โมงกว่าแล้ว ก็เลยออกจะมืดไปแต่สีท้องฟ้าสวยนะคะ...แต่ก่อนเห็นภาพสีท้องฟ้าแบบนี้จะคิดว่าเขาให้โปรแกรมแต่ง...แต่พอถ่ายเองเลยทราบว่า...ธรรมชาติสวยงามด้วยตัวเองจริง ๆ .... หายไข้เร็ว ๆ นะคะ

สวัสดีค่ะ คุณกวิน

  • ไข้ป้าง ยังพอไหว้
  • ถ้าไข้โป้ง หล่ะก็ หิ้วไปวัดเลย อิอิ
  • ฝนตก หิ้วบัวลอยมาฝากค่ะ

  •  คนไม่มีราก จริงๆ พยามจะตอบเมื่อวานหลายคัร้งหลายคราวแต่คอมแฮงค์เลยตอบไม่ได้
  • อาการไข้ ผมว่าเป็นเพราะ อุปาทาน ในจิตของผมเองครับ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วขอบคุณครับ
  •  ครูปู ขอบคุณสำหรับบัวลอย...ชอบจัง..ชื่อขนมไพเราะดีมีความหมาย จิตใจของเราเมื่อไรจะลอยพ้นโคลนตม อยู่หนือน้ำ เหมือนบัว..ลอยบ้างหนอ..

บอกไปตอนนี้ใครจะเชื่อบ้างค่ะ ว่ามีคนยังเป็นโรคป้างนั้นอยู่จริงๆ มีอาการเสียวที่ปลายมือ นิ้วเท้า ตัวเหลือง บ้างครั้งเหนื่อยๆ

จุกที่ท้อง บ้างทีท้องโต ไปพบแพทย์กี่ที่กี่ที่ก็ไม่พบสาเหตุ? บอกว่าไม่มีอะไร? ไงเป็นเช่นนั้น แล้วโรคอย่างนี้จะหายได้อย่างไร

เลยต้องไปปรึกษาหาหมอโบราณแทน... แต่ก็ไม่ดีขึ้น .....หมอโบราณเค้าก็บอกว่าเป็นโรคโบราณ โรคป้าง...

เลยให้กินยาหม้อต้ม เป็นปีแล้วก็ยังไม่หาย

ใครรู้เรื่องในการรักษาเรื่อง โรคป้างบ้างค่ะ กรุณาบอกต่อบ้างน่ะค่ะ.....(ขอร้อง)

อยากให้.......คุณแม่......ของดิฉันหายจริงๆ.....

กรุณาบอกต่อด้วยน่ะค่ะ [email protected] ขอบพระคุณอย่างสูง

ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่ามีไข้ป้างจริงๆ หรือไม่

แต่ที่รู้เมื่อลูกชายของดิฉันมีไข้สูงขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา ท้องก็โต และอาเจียน ไม่หาหมอก็แล้วก็ยังไม่ทุเลา

พอนึกได้ก็จะนำลูกชายไปตัดป้างกับลุงผู้ใหญ่บ้านซึ่งเค้ามีทำพิธีตัดป้างให้

ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า ลูกชายตัวร้อนทุเลาลง ท้องเริ่มยุบ และหายแบบไม่ทราบสาเหตุว่าหายได้ยังงัยกัน

และเมื่อเช้านี้ก็พาลูกไปตัดป้างมาอีกแล้ว ต้องรอดูว่าคืนนี้ลูกจะนอนแล้วจะตัวร้อนและร้องปวดท้องอีกหรือเปล่า

(ลืมบอกไปว่า ลูกเป็นอย่างนี้มา4-5ครั้งพอไปตัดก็หายค่ะ)

เป็ฯโรคetหมอบอกอีกสิบปีจะเป็นมะเร็งตอนนี้กินยาทุกเดือนตอนนี้คันฝ่าเท้ามือทรมารมากไม่ทราบว่าต้องงดอาหารอะไรบ้าง

 

เคยเป็นโรคป้างค่ะ อาการที่เป็นคือ พอหายใจไม่ว่าจะหายใจเข้าหรือออก ก็จะเจ็บตรงซี่โครงด้านซ้าย แต่พอกั้นหายใจก็กลับมาเป็นปกติ เป็นอยู่เกือบ2อาทิตย์ค่ะ และแม่ก็บอกว่าให้ไปหาคุณยายที่เค้ากวาดคอเด็ก แล้วเค้าก็ตัดป้างให้เราค่ะ ใช้กล้วย มีดของเค้า และเค้าก็ท่องคาถา ตัดวันแรกก็รู้สึกว่าหายใจแล้วไม่ค่อยเจ็บ พอครบ3วัน(ตามกำหนด) ก็รู้สึกว่าไม่เจ็บแล้วค่ะ..หายสนืท...........ตอนแรกไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อ 100 % เลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท