เกี่ยวกับ islamic education (๑๕)


แต่น่าเสียดายที่พบว่า ความรู้ต่างๆมากมายได้ตายไปพร้อมๆกับผู้สอน และไม่สามารถหามาฟังหรือรีวิวซ้ำใหม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการ"ต่อยอด"หรือ "ขยาย" ขอบข่ายความรู้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพราะไม่มีบันทึกใดๆจากรุ่นก่อนให้รุ่นหลังได้อ่านหรือศึกษา และแต่ละยุคจึงพูดเรื่องเดิมๆที่คนรุ่นเก่าก็เคยพูดและไม่ไปใหนไกลกว่านั้น

หลายวันมานี้ผมให้เวลากับการ "อ่าน" มากขึ้น อ่านในสิ่งที่ตนสนใจอยากรู้ ไม่ใช่อ่านเพราะหลักสูตรกำหนดให้อ่าน หรืออันที่จริง "บังคับ"ให้อ่านมากกว่า หรือเพราะจำเป็นต้องอ่านเพื่อเขียนบางสิ่งส่งครู-อาจารย์ ซึ่งจะส่งผลต่อชะตากรรมในอนาคตของนักเรียน-นักศึกษาแต่ละคนนั้น

จากการแวะเวียนตามร้านหนังสือที่ขายหนังสือเกี่ยวกับอิสลามด้านต่างๆในจังหวัดยะลาพบว่าแม้จะมีหนังสือใหม่ๆเพิ่มจำนวนมากขึ้น (ซึ่งก็น่ายินดี) แต่ก็พบว่า หากจะหาหนังสือในเรื่องเดียวกันแต่เขียนในแนวลึกหรือกว้างขวางออกไปแทบจะหายากมากที่มีอยู่ก็จะเป็นภาษาอาหรับ อังกฤษ มลายูและภาษาอื่นๆเป็นส่วนใหญ่

ผมมองเรื่องนี้เป็น 2 ด้านครับ

ด้านแรกเกิดจากขาดแคลน"นักอ่าน" จึงทำให้ตลาดส่วนนี้เล็กและไม่จูงใจให้ทั้ง"นักเขียน"และนักธุรกิจด้านหนังสือให้ความสนใจเท่าที่ควร และอีกด้านหนึ่งซึ่งผมมองว่าเกิดจากการขาดแคลน"นักเขียน"เอง ซึ่งมีสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากความอ่อนแอทาง"วัฒนธรรมการอ่าน" เมื่ออ่านน้อยหรือไม่อยากอ่านเลยก็ส่งผลให้"ความต้องการ" หนังสือเป็นสัดส่วนโดยตรงกับ"วัฒนธรรมด้านการคิด ค้นคว้า และบันทึกหรือเขียนไว้เป็นบทความ หนังสือ หรืออะไรก็แล้วแต่" แม้ว่าช่วงหลังๆจะมีการเขียนเผยแพร่ในเว็บเพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ก็เช่นเดียวกับหนังสือที่ยังคงเขียนแบบผิวเผิน แคบๆ ไม่ลงลึกหรือขยายอย่างกว้างขวางครอบคลุม

และที่พบเห็นอีกส่วนคือการสอนโดยการพูดบรรยายตามมัสยิดหรือตามสถานที่ต่างๆซึ่งเช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว การพูดบรรยายยิ่งไม่สามารถลงลึกและกว้างขวางมากกว่าสื่อที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และที่น่าแปลกใจคือ การเผยแพร่อิสลามในพื้นที่ส่วนนี้ยังคงดำรงอยู่ในยุคของการเผยแผ่โดยปากมาอย่างยาวนานมาก ซึ่งแม้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่ประการใด แต่น่าเสียดายที่พบว่า ความรู้ต่างๆมากมายได้ตายไปพร้อมๆกับผู้สอน และไม่สามารถหามาฟังหรือรีวิวซ้ำใหม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการ"ต่อยอด"หรือ "ขยาย" ขอบข่ายความรู้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพราะไม่มีบันทึกใดๆจากรุ่นก่อนให้รุ่นหลังได้อ่านหรือศึกษา และแต่ละยุคจึงพูดเรื่องเดิมๆที่คนรุ่นเก่าก็เคยพูดและไม่ไปใหนไกลกว่านั้น

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมพบว่าตัวผมเองก็เป็นเช่นนั้น จึงขอบันทึกเตือนตัวเองไว้ ณ ที่นี้และหวังใจว่าบันทึกนี้จะสะกิดคนที่หลงเข้ามาอ่านบ้างก็ยังดี

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ขอบคุณจากใจครับ

หมายเลขบันทึก: 182871เขียนเมื่อ 17 พฤษภาคม 2008 00:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เมื่อหลายวันก่อนผมได้เสนอให้กับอาจารย์นักบรรยายธรรมท่านหนึ่งไปว่า เป็นไปได้มัยว่า เวลาบรรยายให้ท่านบันทึกเสียงไว้ด้วย แล้วค่อยมาคิดการกันว่าจะทำอะไรต่อ เช่น เรียบเรียงใหม่เป็นหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือว่าเอามาใส่ในฟรีเซ้นเตชั่นแล้วทำเป็นอีเลิร์นนิ่ง หมายถึงยิงนกนัดเดียวได้ปลามาด้วย ฮิฮิ

  • ถ้าทำเช่นนั้นได้นี่จะดีมากเลยครับอาจารย์จารุวัจน์ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับไอเดียอาจารย์ครับ
  • ยินดีต้อนรับคุณ  AnGelNURSE
  • ขอขอบคุณเช่นกันครับที่แวะมาเยี่ยม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท