ตามหลักการดำเนินตามมรรคและปฏิบัติตามวิถีทางนั้น บุคคลจะต้องเตรียมตนเองให้พร้อมเพื่อการเดินทางอันลำบากยากนักนี้ บุคคลจะต้องเตรียมความพร้อมอะไรหรือ ? เหล่าสัตว์ผู้ปรารถนาที่จะดำเนินตามมรรคจะต้องทำให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถบรรลุความหมดจดแห่งทัศนะ(ทัศนวิสุทธิ) ได้ แล้วเราจะสามารถบรรลุถึงความหมดจดแห่งทัศนะได้อย่างไรกัน?
ลำดับขั้นของความหมดจดแห่งทัศนะสามารถบรรลุได้โดยการปฏิบัติตามหลักวิสุทธิ 7 ได้แก่
1. ความหมดจดแห่งศีล (ศีลวิสุทธิ)
2. ความหมดจดแห่งจิต (จิตวิสุทธิ)
3. ความหมดจดแห่งความเห็น (ทิฏฐิวิสุทธิ)
4. ความหมดจดแห่งการตกเป็นทาสของความสงสัย (กังขาวีตรณวิสุทธิ)
5. ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับหนทางที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง (มัคคามัคคญาณทัศนวิสุทธิ)
6. ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ(ปฏิปทาญาณทัศนวิสุทธิ)
7. ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับอริยมรรค (ญาณทัศนวิสุทธิ)
ความหมดจดแห่งศีล (ศีลวิสุทธิ) : บุคคลผู้มีลักษณะการดำเนินชีวิตที่ไม่บริสุทธิ์ก่อทุกข์ก่อโทษสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่น เขาขาดจิตสำนึกที่ดีงามภายในตัวของเขาเองในหลาย ๆ วิถีทางของการดำเนินชีวิต จิตใจของเขาเต็มไปด้วยมลทินแม้กระทั่งก่อนความประพฤติที่ไม่ประกอบด้วยคุณธรรมจะถูกสั่งการออกไป จิตใจลักษณะนี้มักจะทำให้ยากต่อการปฏิบัติสมาธิได้ จึงมักจะไม่พบความสงบงอกงามภายในจิตใจ เหมือนเพาะเมล็ดพันธุ์บนพื้นดินอันแห้งแล้ง จิตใจของเขาจะไม่สามารถก่อให้เกิดปัญญาโดยสมาธิได้ ดังนั้น เขาจะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจของเขาเสียก่อนเหมือนชาวนตระเตรียมนาของเขาโดยการไถพื้นดินสำหรับปลูกข้างฉะนั้น เขาจะต้องสมาทานศีล 5 และปฏิบัติศีล 5 ให้ได้อย่างจริงจังในทุกวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณธรรมของเขาก็จะก่อเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ความหมดจดแห่งจิต (จิตวิสุทธิ) : จิตใจของแต่ละบุคคลถูกท่วมทับด้วยอวิชชา ดังนั้น จึงเป็นการยากที่บุคคลจะสามารถเข้าถึงหรือกำหนดรู้ธรรมชาติของจิตใจและวัตถุได้(นามและรูป) คนเราส่วนมากสามารถที่จะเข้าถึงความรู้จากหนังสือแต่ความรู้จากหนังสือไม่สามารถนำไปสู่สถานภาพแห่งประสบการณ์ที่แท้จริงได้เพราะผู้ผลิตยังเป็นผู้ที่ปราศจากการหยั่งเห็นตนเอง ดังนั้น บุคคลจะต้องฝึกฝนให้เกิดความสงบกายและสงบใจตามลำพัง เพื่อกำหนดธรรมชาติของจิตใจและร่างกาย ขั้นตอนของการทำสมาธิจึงเหมือนกับการที่ชาวนาเตรียมดินเพื่อปลูกพืชนั่นแหล่ะ เมื่อฝึกฝนปฏิบัติสมาธิได้สมบูรณ์ ความหมดจดแห่งจิตก็ย่อมเกิดขึ้น
ความหมดจดแห่งความเห็น (ทิฏฐิวิสุทธิ) : นี่คือความหมดจดแห่งปัญญา ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งหลายเหล่านี้ สรรพสิ่งจึงถูกพิจารณาเห็นเป็นต้นว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นไปตามใจที่เราปรารถนาได้เลย มันเป็นเช่นนั้นเอง ในการปฏิบัติสมาธิของบุคคลก็เช่นกัน จิตใจของบุคคลจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถบรรลุถึงระดับของปัญญาที่เต็มเปี่ยมหรือปัญญาที่บริสุทธิ์เช่นนี้
ความหมดจดแห่งการตกเป็นทาสของความสงสัย (กังขาวีตรณวิสุทธิ) : ข้อนี้หมายความว่าบุคคลจะต้องถ่ายถอนความสงสัยทั้งปวงออกเสีย เพราะความสงสัยเป็นอุปสรรคอันสำคัญอย่างหนึ่งของการปฏิบัติของบุคคล บุคคลจะต้องค้นหาเหตุทั้งหลายของความสงสัยและพยายามถ่ายถอนความสงสัยนั้นออกเสียโดยทันที
ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับหนทางที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง (มัคคามัคคญาณทัศนวิสุทธิ) : การหยั่งรู้และความเห็นแจ้งเกี่ยวกับหนทางที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องเท่านั้นยังไม่เพียงพอ บุคคลควรจะสำรวจถึงต้นตอของหนทางนั้นด้วย ในแง่มุมตามที่กล่าวนี้เป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงได้ เนื่องจากคนเรามีสภาพจิตใจที่ขุ่นมัวนั่นเอง
ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ(ปฏิปทาญาณทัศนวิสุทธิ) : ตลอดระยะเวลาเมื่อบุคคลมีความพยายามอย่างต่อเนื่องตามลำดับในการฝึกฝนปฏิบัติตามหนทางนั้น บุคคลจะมีสถานภาพที่แข็งแกร่งขึ้น ข้อที่พึงสำรวมระวังในขั้นตอนนี้คือ ตัวความแข็งแกร่งนั่นเอง ในวิถีทางนี้บุคคลสามารถที่จะค่อย ๆ ดำเนินไปได้ แต่มั่นใจได้ว่าจะเข้าถึงปากประตูของหนทาง(มรรค)ได้แน่
ความหมดจดแห่งความรู้ภายในเกี่ยวกับอริยมรรค (ญาณทัศนวิสุทธิ) : เมื่อบุคคลเข้าถึงปากประตูแห่งมรรคแล้ว ต่อจากนั้น เขาก็จะสามารถพัฒนาการปฏิบัติทางกาย วาจาและจิตใจได้อย่างต่อเนื่องและดำเนินตามอริยมรรคได้ด้วยความมั่นใจ
ในขณะที่อยู่ในขั้นตอนทำจิตใจให้บริสุทธิ์นั้น บุคคลจะต้องทำให้มั่นใจได้ว่าพิษร้าย (อกุศลมูล) ทั้ง 3 ประการจะต้องถูกถ่ายถอนออกไป ได้แก่
พิษร้าย(อกุศลมูล) ยาแก้พิษร้าย(กุศลมูล)
โลภะ : ความอยากได้ อโลภะ : ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
โทสะ : ความขัดเคืองหรือความโกรธ อโทสะ : ความเมตตากรุณา
โมหะ : ความหลง อโมหะ : ปัญญา
ขออนุโมธนา ในการบุญครั้งนี้ครับ