Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พระศากยมุนีพุทธเจ้า : บทที่ 6 มรรคา – อริยมรรคมีองค์ 8 (ตอนที่ 2)


ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา : ผู้มีขันตินับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และมีสุขเสมอ, ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก : ผู้มีขันติเป็นที่รักที่ชอบใจของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

ความสมบูรณ์พร้อมแห่งขันติ 

            ในอดีตกาลอันยาวนานที่ผ่านมา  มีพระราชาพระองค์หนึ่งพระนามว่าสุโธลการ  ระหว่างที่ทรงครองราชสมบัติ  โหราจารย์ได้พยากรณ์ว่าความหายนะของบ้านเมืองจะเกิดขึ้น  อาจจะไม่มีฝนตกประมาณ 15 ปี   ข่าวสารอันนี้ทำให้พระราชาเศร้าพระทัยยิ่งนัก  ทรงเรียกประชุมและเหล่าอำมาตย์ราชสำนักได้ตกลงดำเนินการรวบรวมข้าวไว้ในพระคลัง(ยุ้งฉางหลวง) สำรองไว้เพื่อประชาชนเท่าจำนวนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น   การดำเนินการมีแนวโน้มว่าข้าวจะมีไม่เพียงพอต่อคนจำนวนมากในเมือง

            ในคราวทุพภิกขภัย(ข้าวยากหมากแพง) ประชาชนจำนวนมากกำลังประสบกับความอดอยาก  พระราชาจึงทรงแบ่งสรรปันส่วนอาหารพระราชทานเป็นรายวัน   วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงตัดสินพระทัยอย่างฉับพลัน  พระองค์ทรงประทับยืนขึ้นและด้วยพระทัยอันหนักแน่นทรงนอบน้อมต่อทิศทั้ง 4  และทรงประกอบพิธีตั้งสัตยาธิษฐานว่า เนื่องจากเกิดความขาดแคลนยาวนาน ไม่มีอาหารและประชาชนก็กำลังประสบกับความตายทุกวัน ๆ  ข้าพเจ้าขอละทิ้งร่างกายมนุษย์นี้และขอถือกำเนิดเป็นปลาตัวขนาดใหญ่มหึมาเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตประชาชนด้วยเนื้อของข้าพเจ้า ครั้นทรงทำสัตยาธิษฐานแล้ว  ได้เสด็จขึ้นสู่ต้นไม้ต้นหนึ่งและทรงกระโดดลงมาจากต้นไม้นั้น  พระองค์สิ้นพระชนม์และทรงถือปฏิสนธิเป็นปลาตัวขนาดใหญ่มหึมาในมหานทีแห่งหนึ่ง

            ขณะนั้นมีคนตัดไม้จำนวน  5  คน อยู่ในเมืองนี้  เขาเหล่านั้นได้มายังริมฝั่งแม่น้ำเพื่อตัดไม้  ปลายักษ์ตัวนี้เห็นพวกเขาจึงตะโกนเรียกพวกเขาด้วยเสียงมนุษย์ว่า โอ ชายหนุ่มทั้งหลาย  ถ้าท่านมีความหิว โปรดชำแหละเนื้อจากลำตัวของเราไปเป็นอาหารเถิด  เมื่อใดที่ท่านอิ่มหนำสำราญแล้ว  ขอจงนำเนื้อของเราเท่าที่ท่านจะสามารถนำไปได้ไปสู่บ้านเพื่อลูกๆ ครอบครัวและเพื่อนบ้านของท่านด้วย   ขอให้ท่านเชิญชวนผู้คนในเมืองให้รู้ว่าสามารถหาอาหารได้ที่ริมฝั่งแม่น้ำเหล่านี้   บอกพวกเขาให้มาที่นี่เพื่อหาอาหาร

            ชายทั้ง 5 หลังจากได้กินเนื้อปลาแล้ว  ได้ชำแหละเนื้อจากปลาเพิ่มอีกและได้นำกลับบ้านไป   พวกเขาป่าวประกาศให้ผู้คนในเมืองทราบว่าสามารถหาเนื้อปลาได้จากริมฝั่งแม่น้ำ  ประชาชนชาวเมืองได้มาชำแหละเนื้อจากปลายักษ์นั้นทุกวัน   ตอนแรกพวกเขาได้ชำแหละและตัดเอาด้านหนึ่ง จากนั้นจึงตัดเอาอีกด้านหนึ่ง  ปลาตัวนั้นได้ช่วยประทังชีวิตประชากรตลอดระยะเวลา 15  ปี แห่งการประสบทุพภิกขภัย พระราชาพระองค์นั้นก็คือ พระศากยมุนี  ส่วนคนตัดไม้ทั้ง 5 ก็ได้แก่ เหล่าภิกษุปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันนั่นเอง  นี่คือหนึ่งในบรรดาหลายพระชาติที่พระศาสดาทรงประสบมาก่อน เป็นกรณีตัวอย่างของกรรมสัมพันธ์ที่แนบสนิท

            ในอีกพระชาติหนึ่ง  เมื่อพระศากยมุนีทรงบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์เมื่อครั้งทรงเป็นผู้บำเพ็ญเพียรผู้หนึ่ง (ฤาษีหรือนักพรต) อยู่ในป่าลึก  ห่างจากพระราชวังของพระเจ้ากาลิงคะไปประมาณ 30 ไมล์หรือมากกว่านั้น    วันหนึ่งพระราชาได้ทรงริเริ่มการเสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์  พระองค์ได้ตรัสเรียกให้รวมเหล่าทหารและข้าราชบริพารให้ติดตามเฝ้าพระองค์ไปด้วย   ครั้นหมู่คณะมีความพร้อมเพรียงแล้ว  พระองค์ได้ตรัสเรียกเหล่านางสนมผู้เลอโฉมทั้งหมดให้ติดตามพระองค์ไปด้วย   พื้นที่สำหรับทรงล่าสัตว์ตั้งอยู่ในระหว่างเทือกเขา ห่างออกไปจากเมือง  เมื่อหมู่คณะถึงป่าแล้ว  ทันใดนั้น  พระเจ้ากาลิงคะทรงทิ้งพวกหญิงผู้หวาดผวาไว้ข้างทาง พระองค์พร้อมด้วยข้าราชบริพารและเหล่าทหารของพระองค์ได้เสด็จเข้าไปยังส่วนลึกของป่าเพื่อการตามล่าสัตว์ครั้งยิ่งใหญ่

            พวกผู้หญิงร่อนเร่ไปในผืนป่าแต่โดยลำพัง ทันใดนั้นพวกนางก็ได้พบกับภิกษุหนุ่มอายุราว 18-19  ปี โดยบังเอิญ  ท่านมีผมยาวพะรุงพะรังและไว้หนวดเครารุ่มร่าม   เครื่องนุ่งห่มของท่านอยู่ในสภาพเป็นเศษผ้า   ตอนแรกที่พวกนางได้สะกดรอยตามท่านไป  พวกนางพากันเข้าใจผิดว่าท่านเป็นสัตว์ป่า   ลักษณะที่ปรากฎของท่านเป็นสิ่งน่าประหลาดใจและพวกนางไม่เคยพบเห็นมนุษย์ในลักษณะเช่นนี้  จึงพากันหวาดกลัว ดูนั่น  พวกนางร้องตะโกน พลางจับฉวยกันและกันด้วยความกลัว (และกล่าวว่า) มีสัตว์ป่าตัวหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นมนุษย์เลย

            ฉันไม่ใช่สัตว์ป่า  ฉันเป็นผู้บำเพ็ญตนตามมรรค  ชายหนุ่มยืนยันต่อพวกนาง

            เมื่อนางสนมเหล่านั้นรู้ว่าคนป่านี่พูดได้  ความกลัวของพวกนางก็สงบลง  พวกนางเข้าไปใกล้นักพรตและถามว่า อะไรคือการบำเพ็ญเพียรตามมรรค?

            จากนั้น ชายหนุ่ม(นักพรต) จึงได้แสดงธรรมแก่พวกนาง   พวกนางเกิดความปีติและประทับใจอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งซึ่งพวกนางได้ยินได้ฟัง  ทำให้พวกนางลืมถึงสถานที่ที่พวกนางอยู่ 

            ฝ่ายพระเจ้ากาลิงคะ ได้เสด็จกลับมาจากการล่าสัตว์เพื่อตามหาพวกนางเหล่านั้น  แต่ทรงกลับร้อนพระทัยอย่างมากว่า เหล่านางสนมของพระองค์ไม่ได้อยู่ในสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงละทิ้งพวกนางไว้เมื่อตอนเช้าวันนั้น  พวกนางจะต้องหลงทางแล้วแน่ พระองค์ทรงดำริเช่นนั้น  จากนั้น  พระองค์ทรงเสด็จออกค้นหาพวกนาง  ในที่สุดได้ทอดพระเนตรเห็นพวกนางจับกลุ่มกันอยู่รอบ ๆ บุรุษผู้ดูท่าทางแข็งแรงคนหนึ่ง  พระองค์ค่อย ๆ เสด็จเข้าไปที่พวกนาง  ท่าทางเหมือนอย่างไล่ตามเหยื่อ   เมื่อพระองค์ประทับอยู่ใกล้ชิดกับพวกนางแล้ว  พระองค์ได้ทรงสดับธรรมซึ่งนักพรตกำลังแสดงอยู่อย่างสงบเงียบ  นักพรตหนุ่มเป็นที่ปีติยินดีของเหล่านางสนมของพระราชาเป็นอย่างมาก ทำให้พวกนางไม่ทันสังเกตว่าพระราชาเสด็จมาถึงที่ตนแล้ว  พระราชาจึงทรงส่งเสียงกระแอมและตะโกนไปยังนักพรตว่า ท่านกำลังทำอะไรกันนี่?

            อาตมากำลังบำเพ็ญตามมรรค นักพรตทูลตอบ

             ท่านได้บรรลุผลที่ท่านกำลังบ่มเพาะแล้วหรือ  พระราชาตรัสถาม

            ยังไม่บรรลุ นักพรตทูลตอบกลับไป

            ท่านได้บรรลุขั้นที่สามแล้วหรือยัง?  พระราชาตรัสต่อ

            ยังเลย  ภิกษุทูลตอบ อาตมายังไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม

            พระราชาตรัสถามว่า  เราได้ยินว่ามีบุคคลผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในเทือกเขาและดำรงอยู่ด้วยการกินผลไม้ในป่าตามอัตภาพ  พวกเขาบรรลุความเป็นอมตะ  แต่พวกเขายังไม่ปราศจากความโลภและราคะ  พวกเขายังเต็มไปด้วยความทะยานอยากภายในจิตใจ  ท่านเป็นคนหนุ่มและไม่ได้ยืนยันถึงผลอย่างใดอย่างหนึ่งของมรรค   ท่านยังมีความคิดที่ประกอบด้วยตัณหาทั้งหลายอยู่ใช่หรือไม่ ?

            ภิกษุตอบว่า อาตมายังกำจัดตัณหาไม่ได้

            เมื่อพระเจ้ากาลิงคะได้ทรงสดับคำทูลตอบของภิกษุ  พระองค์ทรงเดือดดาลพระทัยและทรงตำหนิว่า ถ้าท่านยังกำจัดกิเลสตัณหาไม่ได้ เมื่อท่านเห็นพวกผู้หญิงเหล่านี้ของเรา   ท่านเห็นพวกนางเหมือนอย่างนี้   ท่านจะอดกลั้นต่อกิเลสตัณหาซึ่งเกิดขึ้นในใจของท่านได้อย่างไร ?

            ภิกษุ ถึงแม้ว่าอาตมาจะกำจัดกิเลสไม่ได้หมดสิ้น  อาตมาก็ไม่เคยทำให้มันกำเริบขึ้นมา  ในการบำเพ็ญเพียรของอาตมา  อาตมาก็คอยสำรวมระวังสิ่งเศร้าหมองทั้ง  9  ประการอยู่

            พระราชาทรงโต้ตอบว่า ท่านบ่มเพาะสิ่งเศร้าหมองทั้ง  9  อยู่มากกว่ามั้ง ท่านเป็นคนหลอกลวง! ทำอย่างไรเราจะรู้ได้ว่าท่านไม่มีความปรารถนาในเหล่านางสนมบริวารของเรา ?

             ภิกษุทูลว่า อาตมาอดทนอดกลั้นได้  อาตมาอดทนได้ทุกสิ่ง

            โอ ทำได้จริงหรือท่าน?  พวกเราจะได้รู้กันว่าได้จริงหรือไม่  เราจะตัดหูของท่านเป็นอันดับแรกล่ะ  พระราชาตรัสและทรงเริ่มถอดพระแสงของพระองค์ออกจากฝัก ฟันหูของภิกษุจนขาดหลุดออกไป  ต่อจากนั้นราชบุรุษและเหล่าเสนาอำมาตย์อื่น ๆ ของพระองค์ก็ได้เข้ามาใกล้ ๆ  พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานในการที่พระราชาได้ตัดหูของภิกษุและได้บันทึกไว้ว่าภิกษุไม่มีความสะทกสะท้านและขยับเขยื้อนตัวเลย  เท่าที่เห็นเหมือนจะไม่มีความทุกข์และความเจ็บปวดเลย  หรือแม้จะมีความเจ็บปวดก็ไม่ได้แสดงอาการนั้นออกมาเลย

            มหาดเล็กของพระราชาได้ทูลอ้อนวอนพระราชาว่า ขอเดชะพระองค์  อย่าได้ทรงฟาดฟันเขาอีกเลย  เขาอาจจะเป็นมหาบุรุษ  เขาจะต้องเป็นพระโพธิสัตว์แน่ ๆ เลยพระเจ้าข้า

            เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นพระโพธิสัตว์  เจ้ารู้ได้อย่างไร? พระราชาทรงโต้ตอบด้วยพระทัยเกรี้ยวกราด

            ทอดพระเนตรเขาซิพระเจ้าข้า  เขามีพฤติกรรมที่สงบสำรวมปราศจากความตื่นตระหนก  เขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการปกป้องพระราชอาญาของพระองค์เลย มหาดเล็กกราบทูล 

            อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าเขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ ฉันพนันได้ว่าในใจของเขา  เขาโกรธเกลียดฉันแน่  ฉันจะทำอย่างเดิมอีกครั้งก็แล้วกัน  ตรัสดังนี้แล้ว พระราชาได้ทรงเงื้อพระแสงอีกครั้งและครั้งนี้ทรงตัดที่จมูกของภิกษุหนุ่มนั้น พลางตรัสถามว่า โกรธฉันอยู่ใช่ไหม?

            ไม่หรอก  อาตมาไม่โกรธท่าน ภิกษุทูลตอบ

            ท่านไม่โกรธหรือ ? ท่านกำลังเสแสร้งกับเรา  เราจะตัดมือของท่านแล้วคอยดูว่าท่านจะยังทนทานได้อีกหรือ เมื่อตรัสดังนี้แล้ว  พระองค์ได้ตัดมือข้างหนึ่งของภิกษุจนขาดไป

            ภิกษุจึงทูลตอบว่า  เหมือนกันทั้งหมดแหล่ะพระองค์  อาตมาสามารถทนมันได้

            พระราชา เอาเถอะ  จากนี้เราจะตัดมืออีกข้างหนึ่งของท่านเสีย เมื่อได้ทรงกระทำดังนั้นแล้ว  ความโทสะของพระองค์ก็ยังกระเพื่อมเดือดดาลในพระทัยว่า ท่านยังไม่โกรธหรือ?

            ภิกษุ ไม่  อาตมาไม่โกรธ

             เจ้าคนประหลาด  ไม่มีใครเขาทนอยู่ได้นาน ๆ เหมือนที่เจ้าถูกคนที่แข็งแกร่ง(อย่างเรา)ทำร้ายให้กลายเป็นคนพิการหรอก  ฉันจะตัดขาของเจ้าด้วย  เมื่อตรัสดังนั้น  พระองค์จึงเงื้อพระแสงตัดขาของภิกษุจนขาดอีก  แล้วทรงตะโกนอย่างขาดสติ(ตีโพยตีพาย)ว่า ยังไม่โกรธอีกหรือ?

            ภิกษุผู้พิการไปแล้วยังคงนั่งเหมือนอย่างเดิม  ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด  เลือดไหลทะลักออกมารอบตัว แต่ท่านยังคงยืนยันอีกครั้งว่า อาตมาไม่โกรธ

            ทันใดนั้น ท้าวจตุมหาราช (เทวราชทั้ง 4) เกิดความโกรธเคืองมาก  จึงได้บันดาลให้ฝนลูกเห็บขนาดเท่าขนมซาลาเปาตกลงมาอย่างหนัก  ภูเขาทั้งหลายหวั่นไหวอย่างแรงกล้าเป็นเครื่องบอกถึงความไม่พึงพอใจของทวยเทพ  แสงสว่างเต็มท้องฟ้าและสายฟ้าฟาดดังกึกก้องน่าสะพรึงกลัว  พระราชาทรงตกพระทัยกลัว  ในที่สุดพระองค์ทรงเข้าพระทัยว่า พระองค์ได้ทรงกระทำบาปมหันต์แล้ว  ทวยเทพกำลังลงโทษพระองค์  ทรงหมอบคลานเข้าไปหาภิกษุผู้พิการและขออโหสิกรรมจากท่าน

            พระราชา  เราผิดไปแล้ว  เราผิดไปแล้ว โปรดอโหสิกรรมให้เราด้วยเถิด  สวรรค์กำลังลงโทษต่อความชั่วของเรา  ขอได้โปรดอย่าได้โกรธเคืองเราเลย  ขอได้โปรดเถิด

            ภิกษุ  เราไม่เคยมีความโกรธเคืองเลย

            พระราชาผู้ทรงสำนึกพระทัยได้ตรัสว่า นั้นไม่ใช่ความจริง  ถ้าท่านไม่โกรธ  ทำไมสวรรค์กำลังลงโทษเราอยู่ละ?  พระองค์ยังคงเข้าพระทัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดเนื่องจากคำสาปแช่งของภิกษุ

            ภิกษุทูลยืนยันว่า  อาตมาสามารถพิสูจน์ให้ท่านรู้ได้ว่า อาตมาไม่ได้โกรธท่านเลย  ถ้าเราโกรธจริง  ขอให้ส่วนต่าง ๆ ที่แยกสลายไปของร่างกายของอาตมาไม่สามารถกลับคืนดังเดิมได้  แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น  ขอให้ทุกส่วนของร่างกายที่แตกสลายไปกลับคืนสู่สภาพเดิมของมันเถิด 

            ทันทีทันใดที่ภิกษุพูดจบดังนั้น  ขา  มือ  จมูกและหูของท่านได้กลับมาเป็นสภาพเดิมในกายของท่านโดยสมบูรณ์ ท่านเป็นดังเดิมไปทั่วทั้งกายอีกครั้ง   เมื่อร่างกายกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเช่นนี้ภิกษุนั้นได้ตั้งปณิธานต่อพระราชาพร้อมด้วยอำมาตย์ทั้ง 4 ของพระองค์ว่า ในกาลที่เราจะได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้า  เราจะให้ท่านเป็นผู้ติดตาม(บรรลุตาม) เราไปเป็นอันดับแรก  ทั้ง 5 ท่านเหล่านี้ก็คือ  ปัญวัคคีย์    ป่าอิสิปตนมฤคทายวันผู้ซึ่งพระศากยมุนีทรงช่วยให้ถึงฝั่ง (ปารมิตา)นั่นเอง

             ดังนั้น  ในเรื่องนี้คุณจะเห็นได้ถึงการบำเพ็ญขันติบารมี ของพระศากยมุนีพุทธเจ้า

หมายเลขบันทึก: 183635เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2008 14:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2012 10:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อะ ดะ ทะ นะ (อดทน) อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ

บุญรักษา ธรรมคุ้มครองนะคะทุกคน

มาลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ญวมาอ่านต่อนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท