ในพระชาติหนึ่ง พระศากยมุนีทรงถือปฏิสนธิเป็นหัวหน้าในฝูงกวาง ส่วนพระเทวทัตผู้เป็นพระญาติ(ลูกพี่ลูกน้อง) ก็ได้ปฏิสนธิเป็นหัวหน้าในฝูงกวางอีกฝูงหนึ่งเหมือนกัน ฝูงกวางทั้งสองนี้อาศัยอยู่ในป่าเดียวกัน ใกล้ๆกับป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยนี้ มีพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกล้าพระองค์หนึ่ง บ่อยครั้งที่พระองค์ปรารถนาที่จะล่าสัตว์ พระองค์ทรงจัดคณะนักล่าออกล่าสัตว์ ในการออกล่าสัตว์แต่ละครั้ง กวางจำนวนมากต้องถูกฆ่า หัวหน้ากวางทั้งสองจึงได้เรียกประชุมฝูงกวางเพื่อสำรวจจำนวนกวางที่เหลืออยู่ จึงทราบว่าถ้าการออกล่าสัตว์ดำเนินอย่างต่อเนื่องในระดับที่ปรากฎอยู่นี้ ไม่นานอาจไม่มีกวางเหลืออยู่อีกเลย ดังนั้น หัวหน้ากวางทั้งสองจึงตัดสินใจว่า พวกเขาจะต้องทำการอ้อนวอนพระเจ้าแผ่นดินเพื่อร้องขอให้ยุติการล่ากวาง
สองหัวหน้ากวางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินถึงพระราชวังเพื่อกราบทูลพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อสองหัวหน้ากวางได้กล่าวกับทหารมหาดเล็กประจำพระราชวัง ทหารมหาดเล็กตกใจที่เห็นกวางสองตัวสามารถพูดเหมือนอย่างมนุษย์ได้ พวกเขาจึงเข้าไปในพระราชวัง กราบทูลพระเจ้าแผ่นดินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในชั้นแรก ทรงประสงค์จะเห็นสิ่งแปลกประหลาดนี้ พระเจ้าแผ่นดินจึงทรงอนุญาตตามคำขอของหัวหน้ากวางทั้ง 2 ขณะที่หัวหน้ากวางทั้ง 2 ยืนอยู่หน้าพระพักตร์พระเจ้าแผ่นดิน พระศากยมุนี(กวางโพธิสัตว์) กล่าวว่า “ข้าแต่พระองค์ พระองค์ได้ทรงล่าสัตว์ในป่าเป็นบ่อยครั้งมาก การเสด็จออกล่าสัตว์บ่อยครั้งของพระองค์ทำให้ฝูงกวางของพวกข้าพระองค์ลดน้อยลงทุกที ข้าพระองค์มั่นใจว่าพระองค์ไม่สามารถที่จะเสวยเนื้อกวางที่พระองค์ล่ามาทั้งหมดได้แน่นอน ซากศพของกวางจำนวนมากจะต้องถูกโยนหรือทิ้งขว้างไปเสีย เพราะซากเหล่านั้นกำลังเน่าสลายไปตามลำดับหลังจากการที่ถูกไล่ล่ามา นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำไมพระองค์ไม่ทรงยุติการล่ากวาง? พวกเราจะส่งกวางมาถวายพระองค์วันละ 2 ตัว เพื่อให้พระองค์เสวยในแต่ละวัน วิธีนี้จะทำให้ฝูงกวางไม่สูญพันธุ์ไปเนื่องจากการถูกไล่ล่า และพระองค์ก็จะสามารถมีเนื้อเป็นพระกระยาหารได้อย่างต่อเนื่อง” พระเจ้าแผ่นดินทรงพิจารณาตามความประสงค์ของหัวหน้ากวางทั้ง 2 ว่าเป็นเหตุเป็นผล ดังนั้น พระองค์จึงทรงยอมรับแผนการของกวางทั้งสองนั้น
ทุก ๆ วัน หัวหน้ากวางทั้ง 2 ได้ส่งกวางฝูงละ1 ตัว ถวายพระเจ้าแผ่นดิน วันหนึ่ง กวางตัวเมียซึ่งกำลังมีครรภ์จากฝูงของพระเทวทัตถึงวาระที่จะส่งไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน กวางตัวเมียผู้ตั้งครรภ์นั้น ร้องขอให้พระเทวทัต(กวาง)ส่งกวางตัวอื่นไปแทนนางเนื่องจากนางต้องคลอดลูกให้ฝูงกวางของนาง แต่พระเทวทัตยังคงแข็งใจกล่าวว่า “วันนี้เป็นวาระของเจ้า เจ้าจะต้องไป ไม่มีกวางตัวอื่นต้องการไปแทนเจ้าเลย” กวางตัวเมียที่ตั้งครรภ์จึงเข้าไปหาพระศากยมุนี(กวาง) และอธิบายถึงความประสงค์ของนางเพื่อต้องการจะรักษาลูกน้อยไว้ พระศากยมุนีจึงกล่าวว่า “อย่าร้อนใจไปเลย กลับไปเถิดเจ้า และรอคอยให้ลูกน้อยของเจ้าคลอดออกมาเถิด เราจะส่งกวางตัวอื่นในฝูงของเราไปแทนเจ้า” ถัดจากวันนั้น พระศากยมุนีได้ไปพร้อมกับกวางในฝูงของตนอีกตัวหนึ่งสู่พระราชวังเพื่อถวายตัวต่อพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินทรงจำกวางศากยมุนีได้ว่าเป็นหัวหน้ากวาง พระองค์จึงตรัสถามว่า “ทำไมเจ้ามานี่ในฐานะกวางที่จะมอบให้เราล่ะ?” กวางศากยมุนี ทูลอธิบายว่า ที่ได้เสนอตัวเองมา เนื่องจากหวังดียินยอมมาแทนกวางตัวเมียที่กำลังตั้งครรภ์เพื่อจะคลอดลูกให้แก่ฝูงอันจะเป็นการป้องกันความสูญเสียลูกในท้องกวางตัวเมียนั้น
พระเจ้าแผ่นดิน ประทับใจอย่างสุดซึ้งและได้ทรงเคลื่อนพระองค์เข้าไปใกล้ที่ซึ่งพระองค์จะทรงได้ยินได้และตรัสว่า “เจ้ามีหัวเป็นกวางแท้ แต่มีหัวใจกรุณาเหมือนอย่างมนุษย์ ในขณะที่เรามีหัวเป็นมนุษย์แท้ ๆ แต่มีหัวใจเยี่ยงสัตว์ดุร้าย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจักเสวยมังสวิรัติและป่าที่เจ้าอาศัยอยู่กันนั้นเราจะให้ชื่อว่า สวนกวาง มันจะเป็นสถานที่หวงห้ามในการล่ากวางในป่านั้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” นั้นคือเหตุที่ทำให้ป่านั้นมีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า สวนกวาง
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพระญาติของพระศากยมุนีในหลาย ๆ ชาติ นั่นเป็นเพราะการประพฤติตัวของพระเทวทัต(ที่มีความอาฆาตพยาบาทมาตลอด) กล่าวคือ เมื่อพระศากยมุนีเป็นผู้สามารถที่จะบำเพ็ญขันติได้และสามารถที่จะพัฒนาพระกรุณาและเมตตาของพระองค์ตลอดถึงบารมีทุกระดับขั้น ในชาติต่าง ๆ โดยส่วนมาก เมื่อทั้งสองถือปฏิสนธิมาร่วมกัน พระเทวทัตมักก่ออันตรายให้บังเกิดกับพระศากยมุนีเสมอๆ พระเทวทัตเป็นผู้ก่อความเบียดเบียนและมุ่งหมายที่จะสร้างปัญหาให้เกิดแก่พระศากยมุนีอยู่ร่ำไป แม้แต่เกิดเป็นหัวหน้าในฝูงกวาง ก็ไม่ผ่อนผันความพยายามนั้น
ขอบคุณข้อมูลนี้ค่ะ
ทำให้ได้รู้ว่า กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวดถึงขั้นยอมสละได้แม้ชีวิต
และทำให้ตระหนักว่าทุกชีวิตต่างมีภพชาติเก่ามาก่อน สร้างบารมีมาไม่เหมือนกัน ปัจจุบันควรบำเพ็ญแต่ความดี
สาธุค่ะ