ในเวทีAdmin. Journal Club เมื่อศุกร์2พ.ค.51 ผู้เขียนได้เป็นผู้นำเสนอ โดยนำเรื่องสุนทรียสาธก(Appreciative inquiry)ในหนังสือองค์กรไม่ใช่เครื่องจักร:การบริหารจัดการกระบวนทัศน์ใหม่(Living Organization)ของนพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์และคณะ มาเล่าในเวทีAdmin.และขออนุญาตคัดลอกบางส่วนมานำเสนอนะคะ
“สุนทรียสาธก (Appreciative inquiry) เป็นวิธีคิดใหม่ ในการจัดการองค์กรด้วยการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรโดยเน้นการสร้างมุมมองด้านบวกต่องานและการเรียนรู้จากประสบการณ์ด้านบวกขององค์กร ด้วยการสร้างความรู้สึกที่ดี การเห็นคุณค่าความดีงามที่มีอยู่ในองค์กรและการสร้างสรรค์ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทำงานในองค์กร สุนทรีสาธกหรือ Appreciative inquiry ได้รับการพัฒนาโดย David CooperridและSuresh Srivastva ในปีคศ .1980”
“กระบวนการสุนทรียสาธก มีหลักการเบื้องต้นที่ว่า ยิ่งไปเน้นส่วนขาดและปัญหา ส่วนขาดและปัญหาที่ว่าจะยิ่งมองเห็นเด่นชัดและปัญหาที่ยิ่งคิดยิ่งปรุงแต่งมากขึ้นนี้จะล้นท่วมและทำให้ระบบล่มสลาย เพราะว่าขวัญกำลังใจก็หดหาย อุดมคติในการทำงานก็จางคลาย รวมทั้งคุณค่าในการทำงานก็หมดสิ้นไปด้วย”
“สุนทรียสาธก จะเน้นการเห็นศักยภาพว่าสำคัญกว่า การรู้ปัญหา การเห็นปัญหาในองค์กรแม้จะมีความสำคัญ แต่การพูดถึงแต่ปัญหาตลอดเวลา ก็ยิ่งเป็นการสร้างปัญหามากขึ้นไปด้วย และถ้าเราไม่เห็นแง่มุมของศักยภาพองค์กร เราจะไม่มีทางออกจากวังวนของปัญหาได้เลย ศักยภาพองค์กรที่พูดถึงนี้สามารถค้นหาได้จากเรื่องเล่าของผู้คนในองค์กรเพราะในการเล่าเรื่องนั้น ผู้คนมักผนวกเอาจินตนาการหรือความใฝ่ฝันเข้าไว้ด้วย”
“เรื่องเล่าที่ดีขององค์กร จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้และเป็นหัวใจของการสร้างพลังขับเคลื่อนที่ให้ชีวิตกับองค์กร ช่วยให้องค์กรมีพลังมากขึ้น กล่าวได้ว่า ถ้าองค์กรไหนขาดเรื่องเล่าที่มีพลัง องค์กรนั้นก็จะไม่มีพลังที่ขับเคลื่อนฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆได้”
กระบวนการสุนทรียสาธก มี4 ขั้นตอน
1. Discover เริ่มต้นจากการให้สมาชิกในองค์กรแต่ละคนบอกเล่าเรื่องราวแง่มุมที่ดีที่สุด และช่วงเวลาที่ดีที่สุดจากประสบการณ์การทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
2. Dream จัดประชุมกลุ่มใหญ่ขึ้น เพื่อให้สมาชิกในองค์กรใช้เรื่องเล่าในการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกขององค์กรที่ต้องการอยากให้เป็นร่วมกัน
3. Design คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งไปคิดวิธีการเพื่อสร้างองค์กรให้เกิดขึ้นจริง ตามภาพลักษณ์เชิงบวกขององค์กรที่สมาชิกทุกคนเห็นร่วมกัน
4. Deliver หรือ Destiny ดำเนินการอย่างสร้างสรรค์เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กร ตามวิธีในข้อ3
เรื่องเล่าในกระบวนการสุนทรียสาธก
“เรื่องเล่า (เขียนหรือเล่าจากปาก ) ในกระบวนการสุนทรียสาธกเริ่มต้นจากให้คนเล่าคิดว่าจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมามีประสบการณ์ การทำงานใดที่ดีที่สุด ประทับใจที่สุดในชีวิตการทำงาน และเขาอยากจะบอกเล่าเรื่องราวให้สมาชิกคนอื่นในองค์กรได้เรียนรู้ อาจจะเป็นเรื่องของเพื่อนร่วมงาน เรื่องของตัวเองหรือเรื่องราวชีวิตขององค์กรในแง่มุมใดก็ได้”
“เมื่อนำเรื่องราวมาบอกเล่าแลกเปลี่ยนให้สมาชิกคนอื่นในกลุ่มฟัง เรื่องเล่าจะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเรื่องราวของชีวิตองค์กรที่ไหลเวียนอยู่ในชีวิตการทำงานประจำวันที่คงทำงานในองค์กรไม่เคยสนใจหรือให้ความสำคัญเรื่องราวชีวิตองค์กรเหล่านี้จะสะท้อนเรื่องราวดีๆและศักยภาพองค์กร แง่มุมดีๆในองค์กรและชีวิตการทำงานที่เขาชื่นชมและเห็นคุณค่า ตรงจุดนี้เองที่เป็นศักยภาพขององค์กรที่ควรจะได้รับการพัฒนา และเป็นทิศทางการพัฒนาขององค์กรในอนาคต”
ผู้เขียนได้นำการเรียนรู้นี้ไปต่อยอดในเวทีประชุมผู้บริหารพบหัวหน้างานในหัวข้อเล่าเรื่องความดี โดยพี่กรรณิการ์ โค้วเจริญมาเล่าเรื่องการทำงานกับผู้ป่วยในชุมชนผู้เขียนฟังแล้วก็รู้สึกได้ถึงความสุขและความภาคภูมิใจของทีม
ขอบคุณนะคะ เรามาช่วยกันสร้างสิ่งดีๆให้กับองค์กรกัน พี่ขอชืนชมในความกล้าหาญที่เราจะบอกใครๆว่าเราจะไม่มาสายแล้ว พี่ว่าเราเป็นตัวอย่างในการเปลียนแปลงที่ดีค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้มากเลยครับ ผมเพิ่งทราบว่า AI เราใช้ชื่อภาษาไทยว่า "สุนทรียสาธก"
ส่วนผมเพิ่งรู้จักคำว่าสุนทรียสาธก
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแลกเปลี่ยนนะคะ