สัมภาษณ์พิเศษ "อานันท์ ปันยารชุน"" อานันท์ ชี้ หายนะสังคม&การเมืองไทย เหตุขาดข้อเท็จจริงไร้สติปัญญาแก้ปัญหา "
"ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วจะส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน
ทำไม่ได้หรือไม่ อย่างไร ต้องตอบให้ได้
และต้องตอบให้ได้ด้วยว่าต้องรีบแก้เพราะอะไร" อดีตนายกรัฐมนตรี
เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการเมืองไทยที่กำลังตึงเครียดในขณะนี้ ว่า
สังคมไทยถึงจุดแบ่งขั้วกันชัดเจนมากขึ้น แต่ละขั้วมีจุดยืนที่เข้มข้น
หนักแน่น โอกาสแตกหักจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย นายอานันท์มองว่า วันนี้สังคม การเมืองไทย ขาดข้อเท็จจริง
สังคมเราจึงต้องหาทางให้ข้อเท็จจริงออกมาสู่สาธารณะ
เพราะหากยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้
วิกฤติการเมืองก็จะบานปลายออกไปจนไร้ทางออก "ถ้าสังคมมีแต่โกหก มีวาระซ่อนเร้น ไม่พูดความจริง ยิ่งทั้ง 2
ขั้วมองกันคนละเรื่อง ก็ยิ่งหาข้อเท็จจริงและคำตอบเพื่อเป็นทางออกยาก
โอกาสเกิดความรุนแรงถึงขั้นแตกหักจะมีมากขึ้น
สถานการณ์ตอนนี้จึงอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง" นายอานันท์ย้อนอดีต ว่า เราปฏิเสธข้อเท็จจริงมาตลอด
ทั้งยังไม่ยอมขวนขวายหาความจริง หนทางที่จะนำไปสู่ข้อเท็จจริงก็ลำบาก
ยกตัวอย่างเรื่องปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อยาวนาน
จนกระทั่งวันนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะว่าเราปฏิเสธความจริงมาช้านาน อย่างไรก็ตาม เมื่อบรรยากาศตึงเครียดอย่างเช่นขณะนี้
ก็มักจะมองหาคนกลางมาช่วยหาทางออก
แต่คนกลางที่เป็นอิสระยามนี้ก็หายากลำบากขึ้นทุกขณะ อดีตนายกฯ
มองประเด็นนี้ว่า "คนกลางเกิดขึ้นโดยธรรมชาติไม่ได้ และคนกลางอยู่ระหว่าง
2 ฝ่าย ฝ่ายความจริง กับความไม่จริง ไม่ได้
แต่คนคนนั้นจะต้องรู้ว่าความจริงอยู่ที่ไหน และระหว่างธรรมะ กับอธรรม
ไม่มีความเป็นกลาง นอกจากนี้ คนที่จะไกล่เกลี่ยก็ควรต้องเข้าใจความนึกคิดของ 2 ฝ่าย
แต่หาก 2 ฝ่ายไม่พร้อมจะเคลียร์ เมืองไทยก็อยู่ไปแบบนี้ สังคมไทยตอนนี้
มันจึงน่าเบื่อมาก เพราะไม่ได้ทำอะไร คนไทยก็คงจะห่อเหี่ยวลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ทางออกของความขัดแย้งรุนแรง
บางฝ่ายมักคิดถึงวิธีการปฏิวัติรัฐประหาร เรื่องนี้
อดีตนายกรัฐมนตรีมองว่า ทหารคงไม่ปฏิวัติ เพราะการรัฐประหารล่าสุด
ได้พิสูจน์แล้วว่าปฏิวัติเสร็จแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรต่อ
ขณะที่ประชาชนเองได้รับบทเรียนจากการปฏิวัติมาแล้ว คงไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง
และไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ เพราะหากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า
สังคมไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริง จึงใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน
ซึ่งแน่นอนว่าจะนำไปสู่การพลาดพลั้งที่หาทางออกยากขึ้นไปอีก การเมืองไทยที่ควรจะหาทางออกในสภาตามระบอบประชาธิปไตย แต่เวลานี้
ทำไม่ได้ เมื่อกลไกระบอบประชาธิปไตยในสภา ทำงานไม่ได้
กลไกการเมืองนอกสภาก็เกิดขึ้น ในต่างประเทศ การเดินขบวนโดยไม่ติดอาวุธ สามารถทำได้เต็มที่
แต่วันนี้บ้านเรา ถ้ารัฐบาลมองว่าการเดินขบวนทำไม่ได้ ก็เกิดการปาก้อนหิน
เกิดการก่อกวนผู้ชุมนุม มันก็ลำบาก
หากเคารพกติกาที่ตกลงกันไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องให้ชุมนุมได้โดยสันติ ถ้ามีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุม ไม่ว่าจะจากฝ่ายใดก็ตาม
รัฐบาลต้องมีความเป็นธรรมในการจัดการปัญหา
ขณะที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็ต้องรักษากติกาการชุมนุมด้วย นายอานันท์มองว่า ประชาธิปไตยในโลกใบนี้ ไม่ได้มาโดยไม่มีการสูญเสีย
เพราะไม่มีของฟรีในโลก ประชาชนจึงต้องมีจิตสำนึก
คุ้มครองประชาธิปไตยที่ได้มาอย่างยากลำบาก
ซึ่งระยะยาวก็ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยกับสังคมต่อไป เมื่อกล่าวถึงประชาธิปไตย อดีตนายกรัฐมนตรีได้ยกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ว่า ฝ่ายที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550
จะต้องบอกสังคมให้เข้าใจได้ว่า แก้เพราะเหตุใด ถ้ามีรัฐธรรมนูญ 2550แล้ว
ส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดิน ทำไม่ได้หรือไม่ ต้องตอบให้ได้
ถ้าตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร
แล้วที่ต้องเร่งรีบแก้ตอนนี้เพราะเหตุใด ขอคำตอบได้ไหม อย่างไรก็ตาม นายอานันท์
ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 กล่าวว่า
รัฐธรรมนูญเมื่อประกาศใช้มาระยะหนึ่งหากเห็นว่ามีช่องโหว่ก็สามารถแก้ได้
เช่น กรณีรัฐธรรมนูญปี 2540
ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดฉบับหนึ่ง
แต่ยังมีข้อบกพร่องบ้าง ซึ่งหากมีฉบับปี 2550 มาเพิ่มมูลค่าก็ดี อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญฉบับไหนจะดีหรือเลว มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรนั้น
ขึ้นกับทั้งตัวเนื้อหารัฐธรรมนูญและผู้ใช้รัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน
By nongnart
เมื่อค่ำวันที่
26 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี
และนายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์
หลังร่วมงานประกาศผลและมอบรางวัล Bai PHo Business Awards by Sasin
ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย
สังคมและการเมืองบ้านเรายามนี้จึงควรเร่งหาทางออกที่เหมาะสม
จะมาเอาชนะโดยให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ 100% คงยาก
และสังคมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นด้วย
ถ้าถึงขั้นแตกหักประวัติศาสตร์เคยบันทึกไว้แล้วว่าจะเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจ
ซึ่งหากไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุก็ต้องลดอคติ มีสติ
และอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและเหตุผล
"ผมเองไม่อยากเห็นสังคมไทยถึงทางตัน
ซึ่งทางออกก็มีอยู่ หากใช้หลักพุทธศาสนา นั่นคือทางสายกลาง
คนไทยจะต้องช่วยกันหาทางออก ต้องถามตัวเองว่าต้องการทางออกอย่างไร
ที่ไม่ใช้ความรุนแรง อย่าง 2 ฝ่ายที่แบ่งขั้วกันอยู่ขณะนี้
ไม่มีใครถูกและผิดทั้งหมด ตรงนี้จึงต้องมาดูที่ต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหน
วิเคราะห์แล้วหาคำตอบ อะไรคือต้นเหตุของปัญหาก็ต้องปลดล็อกตรงนั้น"
"เมื่อเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่าในที่สุดควรเลิกคิดว่าจะมีคนมาช่วยแก้ปัญหาให้เรา คนไทยเองต้องช่วยกันแก้ปัญหา"
ไม่มีความเห็น